ศึกมวยไทยพลังใหม่ กลับมามอบความดุเดือดเร้าใจอีกครั้ง ด้วยการรวมพลนักชกฝีมือดีจากทั่วประเทศ มาพร้อมการชั่งน้ำหนักล่าสุดที่บ่งบอกถึงความพร้อมของแต่ละคู่มวยอย่างแท้จริง แฟน ๆ มวยไทยต่างจับตามองว่าใครจะโชว์ฟอร์มได้เหนือกว่า และใครจะสามารถคว้าชัยชนะกลับบ้านได้

มวยวันนี้ ศึกมวยไทยพลังใหม่ 10/09/68

มวยวันนี้ ศึกมวยไทยพลังใหม่ 10/09/68

โปรแกรมการแข่งขันศึกมวยไทยพลังใหม่
วันพุธที่ 10 กันยายน 2568
ณ เวทีมวยราชดำเนิน เวลา 18.00 น.
อัพเดตข่าวสาร ตารางมวย พร้อมลิ้งก์ดูมวยสด ที่นี่

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
1 วันพิชิต วันของโอม 122 ปอนด์ 124.5 (เกิน 2.5) เดชฤทธิ์ ส. พรชัย 122 ปอนด์ 121.4 (ขาด 0.6)
2 เจริญพร ใต้คู้บอน 124 ปอนด์ 125.1 (เกิน 1.1) ตำนานไทย พีเค. เล็กเฟิสเฮ้าส์ 124 ปอนด์ 126.4 (เกิน 2.4)
3 คฤหาสน์ ช. ห้าพยัคฆ์ 126 ปอนด์ 126.7 (เกิน 0.7) ขุนไกร พีเค. แสนชัยมวยไทยยิม 126 ปอนด์ 126.2 (เกิน 0.2)
4 พลายพยัคฆ์ ส. สมหมาย 126 ปอนด์ 127.2 (เกิน 1.2) บุญชู ส. บุญมีฤทธิ์ 126 ปอนด์ 125.8 (ขาด 0.2)
5 เพชรแดง วันของโอม WKO 107 ปอนด์ 106.7 (ขาด 0.3) รักเมืองไทย กรวยในเมืองยิม 107 ปอนด์ 107.4 (เกิน 0.4)
6 หยกพยัคฆ์ ต. แย้มสวน 114 ปอนด์ 114.2 (เกิน 0.2) มัสแตง รถสวยจ่าเจต 114 ปอนด์ 114.2 (เกิน 0.2)
7 บัลลังก์เงิน อ. ยุทธชัย 118 ปอนด์ 119.5 (เกิน 1.5) ธงไทย พีเค. รองแดนมวยไทย 118 ปอนด์ 119.3 (เกิน 1.3)
8 เสือมณี แก้วสัมฤทธิ์ 128 ปอนด์ 132.7 (เกิน 4.7) ราเอล มวยไทยเจ 128 ปอนด์ 129.5 (เกิน 1.5)

วันพิชิต วันของโอม vs เดชฤทธิ์ ส. พรชัย

คู่แรกเปิดศึกระหว่าง วันพิชิต วันของโอม ที่พิกัด 122 ปอนด์ แต่ชั่งได้ 124.5 ปอนด์ เกิน 2.5 ปอนด์ ซึ่งอาจกระทบกับความสมดุลของร่างกายเล็กน้อย ฝั่งตรงข้ามคือ เดชฤทธิ์ ส. พรชัย ที่ชั่งได้ 121.4 ปอนด์ ขาดเพียง 0.6 ปอนด์ ถือว่ามีความฟิตและคุมพิกัดได้ดีมาก การเจอกันครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า น้ำหนักที่เกินของวันพิชิตจะกลายเป็นข้อได้เปรียบในเชิงพละกำลัง หรือจะทำให้เสียเปรียบในเรื่องความเร็วและความอึด


เจริญพร ใต้คู้บอน vs ตำนานไทย พีเค. เล็กเฟิสเฮ้าส์

คู่ที่สองถือว่ามีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองต่างเป็นมวยที่มีสไตล์การออกอาวุธที่ชัดเจน เจริญพร ใต้คู้บอน ชั่งได้ 125.1 ปอนด์ เกินไป 1.1 ปอนด์ ในขณะที่คู่ต่อสู้ ตำนานไทย พีเค. เล็กเฟิสเฮ้าส์ กลับเกินพิกัดไปถึง 2.4 ปอนด์ ซึ่งอาจสะท้อนถึงการเตรียมตัวที่ยังไม่สมบูรณ์ การต่อสู้ในไฟต์นี้จะเป็นบททดสอบว่าฝีมือและเทคนิคใครจะแข็งแกร่งกว่า แม้ทั้งคู่จะมีน้ำหนักเกิน แต่ประสบการณ์และจังหวะการชกจะเป็นตัวตัดสินชัยชนะ


คฤหาสน์ ช. ห้าพยัคฆ์ vs ขุนไกร พีเค. แสนชัยมวยไทยยิม

คู่ที่สามเป็นการพบกันของนักชกรุ่นใหญ่ คฤหาสน์ ช. ห้าพยัคฆ์ ที่พิกัด 126 ปอนด์ ชั่งได้เกิน 0.7 ปอนด์ ส่วน ขุนไกร พีเค. แสนชัยมวยไทยยิม เกินไปเพียง 0.2 ปอนด์ ทั้งคู่ถือว่าพร้อมเต็มร้อยกับเกมในสังเวียน คู่นี้คาดว่าจะเป็นไฟต์ที่ออกอาวุธกันแบบไม่มียั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อทั้งสองมีสไตล์การชกที่ดุดันและยืนแลกหมัดแลกแข้งได้อย่างน่าตื่นตา


พลายพยัคฆ์ ส. สมหมาย vs บุญชู ส. บุญมีฤทธิ์

คู่ที่สี่ก็เข้มข้นไม่แพ้กัน พลายพยัคฆ์ ส. สมหมาย ชั่งเกิน 1.2 ปอนด์ อาจต้องเสียพลังงานไปบ้างในการลดน้ำหนัก ขณะที่ บุญชู ส. บุญมีฤทธิ์ ชั่งได้ 125.8 ปอนด์ ขาดเพียง 0.2 ปอนด์ แสดงถึงความฟิตสมบูรณ์ ความต่างนี้ทำให้ไฟต์นี้ถูกจับตามองอย่างมากว่า พลายพยัคฆ์จะใช้ร่างกายที่ใหญ่กว่ากดดันคู่ต่อสู้ได้หรือไม่ หรือบุญชูจะใช้ความเร็วและความแม่นยำเอาชนะไป


บัลลังก์เงิน อ. ยุทธชัย vs ธงไทย พีเค. รองแดนมวยไทย

คู่สุดท้ายเป็นไฮไลต์สำคัญของศึก มวยไทยพลังใหม่ เมื่อ บัลลังก์เงิน อ. ยุทธชัย ขึ้นชั่งได้เกินถึง 1.5 ปอนด์ ส่วนคู่แข่ง ธงไทย พีเค. รองแดนมวยไทย ก็เกิน 1.3 ปอนด์เช่นกัน การที่ทั้งสองมีน้ำหนักเกิน อาจทำให้มีพลังการปะทะที่หนักหน่วงมากขึ้น แต่อีกด้านหนึ่งอาจส่งผลต่อความเร็วและการยืนระยะ เกมการต่อสู้ของทั้งคู่คาดว่าจะเต็มไปด้วยการแลกหมัดที่ดุเดือดจนแฟนมวยไม่สามารถละสายตาได้


บทสรุปศึกมวยไทยพลังใหม่

การแข่งขันในครั้งนี้มีทั้งคู่ที่คุมพิกัดได้ดีและคู่ที่มีน้ำหนักเกินพิกัด แต่ทั้งหมดต่างแสดงถึงความมุ่งมั่นที่จะโชว์ฝีมือในสังเวียน ศึกมวยไทยพลังใหม่ เป็นเวทีที่เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและศักดิ์ศรีของนักชก แต่ละไฟต์ไม่เพียงแต่เป็นการต่อสู้เพื่อชัยชนะ แต่ยังสะท้อนถึงการฝึกฝน ความอดทน และหัวใจนักสู้ที่แท้จริง