ศึกจ้าวมวยไทย ประจำวันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน 2568 เวทีสยามอ้อมน้อยยังคงเป็นสนามแข่งขันที่แฟนมวยให้ความสนใจอย่างไม่เสื่อมคลาย ด้วยความเก่าแก่ของรายการและความเข้มข้นของคู่ชกที่ถูกคัดสรรมาอย่างพิถีพิถัน ทำให้ทุกสัปดาห์เต็มไปด้วยนักมวยระดับคุณภาพ ที่พร้อมพิสูจน์ศักยภาพของตนเองต่อหน้าผู้ชมทั้งในสนามและหน้าจอถ่ายทอดสด การแข่งขันครั้งนี้เริ่มชกตั้งแต่เวลา 12.15 น. โดยไล่เรียงตั้งแต่คู่เปิดรายการจนถึงคู่สุดท้าย ซึ่งผลชั่งน้ำหนักของแต่ละคู่แสดงให้เห็นถึงความพร้อมและความตั้งใจของนักมวยทุกคน จึงทำให้บทวิเคราะห์ในครั้งนี้มีความหลากหลายและมีความน่าสนใจเป็นพิเศษเมื่อพิจารณาความได้เปรียบเสียเปรียบที่เกิดจากตัวเลขน้ำหนักจริง
ตารางโปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย 15/11/68
| คู่ที่ | ฝ่ายแดง | ฝ่ายน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | ชั่งได้ (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|
| 1 | เพชรปิยะ | สิงหราช | 141 ปอนด์ | ขาด 0.2 | ลด 0.4 |
| 2 | หัตถ์เทพ | แสนเชิง | 114 ปอนด์ | ตามพิกัด | ลด 0.6 |
| 3 | เมซั่ม | อี้หลงน้อย | 126 ปอนด์ | ขาด 1.0 | ลด 0.2 |
| 4 | เรียวไผ่ | เอฟเฟรน | 102 ปอนด์ | ตามพิกัด | ตามพิกัด |
| 5 | เหนือเพชร | โรลสรอยซ์ | 130 ปอนด์ | ขาด 0.2 | ตามพิกัด |
วิเคราะห์คู่มวยศึกจ้าวมวยไทยแบบละเอียด
คู่ที่ 1: เพชรปิยะ ลานนาวอเตอร์ไซต์ vs สิงหราช ศิษย์ขุนทัพ (พิกัด 141 ปอนด์)
| ฝ่ายแดง | ฝ่ายน้ำเงิน |
|---|---|
| เพชรปิยะ – ขาด 0.2 ปอนด์ | สิงหราช – ลด 0.4 ปอนด์ |
คู่เปิดรายการเป็นคู่พิกัดใหญ่ที่น่าสนใจ เพราะทั้งสองฝ่ายมีรูปร่างและช่วงชกที่ดี เพชรปิยะเป็นมวยจังหวะสองที่มีความแม่นยำสูง
มีลูกเตะซ้ายที่เฉียบคมและยืนระยะได้ดี การชั่งได้ขาดเพียงเล็กน้อยไม่ได้ส่งผลต่อความแข็งแรงมากนัก
ส่วนสิงหราชเป็นมวยเดินเร็วและมีความกล้าแลก กล้าเจอ แต่การชั่งน้ำหนักลดมากกว่าเพชรปิยะเล็กน้อยอาจทำให้เสียแรงปลายได้
อย่างไรก็ตามเกมนี้ขึ้นอยู่กับว่าใครสามารถยึดพื้นที่กลางเวทีและรักษาระยะอาวุธได้ดีกว่า
หากสิงหราชเดินชนมากเกินไปอาจเปิดช่องให้เพชรปิยะสวนเข้าเป้าชัดเจนกว่า เป็นคู่ที่มีโอกาสออกผลแบบเบียดคะแนนด้วยความแม่นยำของฝ่ายแดง
คู่ที่ 2: หัตถ์เทพ ศ.ศศิวัฒน์ vs แสนเชิง ศิษย์ อ.ปราโมทย์ (พิกัด 114 ปอนด์)
| ฝ่ายแดง | ฝ่ายน้ำเงิน |
|---|---|
| หัตถ์เทพ – ตามพิกัด | แสนเชิง – ลด 0.6 ปอนด์ |
คู่ที่สองถือเป็นศึกแห่งความเร็วและชั้นเชิง โดยหัตถ์เทพมีข้อได้เปรียบจากการชั่งตามพิกัดเป๊ะ ทำให้สภาพร่างกายสดและมีแรงเต็มที่
หัตถ์เทพมีเทคนิคโดดเด่นในเรื่องหมัดชุดและการเข้าทำที่เฉียบคม ส่วนแสนเชิงเป็นนักชกที่อาศัยความคล่องแคล่วและจังหวะถอยดัก
แม้จะต้องลดน้ำหนักอยู่พอสมควร แต่ความยืดหยุ่นและความไวของเขายังคงเป็นอาวุธอันตราย
ไฟต์นี้มีแนวโน้มว่าจะเป็นเกมที่เน้นความแม่นยำเป็นหลักและอาจออกผลใกล้เคียง
ผู้ที่สามารถรักษาระยะและไม่เสียจังหวะให้คู่ต่อสู้จะเป็นฝ่ายได้เปรียบตลอดเกมการแข่งขัน
คู่ที่ 3: เมซั่ม พลังใหม่มวยไทยยิม vs อี้หลงน้อย ธ.อ่างทอง (พิกัด 126 ปอนด์)
| ฝ่ายแดง | ฝ่ายน้ำเงิน |
|---|---|
| เมซั่ม – ขาด 1.0 ปอนด์ | อี้หลงน้อย – ลด 0.2 ปอนด์ |
พิกัดนี้เป็นคู่ที่แตกต่างทางน้ำหนักค่อนข้างชัดเจน โดยเมซั่มชั่งได้ต่ำกว่าพิกัดถึง 1 ปอนด์ทำให้รูปร่างอาจดูบางกว่า
แต่ได้เปรียบด้านความคล่องตัว ส่วนอี้หลงน้อยที่ลดเพียงเล็กน้อยยังคงความหนาแน่นทางร่างกาย
สไตล์อี้หลงน้อยเป็นมวยเดินชน เน้นแรงปะทะ เน้นการบีบพื้นที่เข้าหา และใช้หมัดขึ้นนำที่ทรงพลัง
ขณะที่เมซั่มต้องใช้ความเร็วและการหลอกล่อเพื่อเอาชนะสถานการณ์หนัก
ไฟต์นี้มีโอกาสสูงที่จะเห็นการแลกอาวุธต่อเนื่องตั้งแต่ต้นยก หากเมซั่มหนีไม่พ้นวงปะทะของอี้หลงน้อย อาจเสียคะแนนแบบเห็นได้ชัด
คู่ที่ 4: เรียวไผ่ ศิษย์ขุนทัพ vs เอฟเฟรน รถสวยจ่าเจต (พิกัด 102 ปอนด์)
| ฝ่ายแดง | ฝ่ายน้ำเงิน |
|---|---|
| เรียวไผ่ – ตามพิกัด | เอฟเฟรน – ตามพิกัด |
คู่ที่สี่เป็นคู่มวยรุ่นเบาที่มีความสมดุลในหลายด้าน เพราะทั้งสองฝ่ายชั่งได้ตามพิกัดตรงเป๊ะ สะท้อนถึงความพร้อมของร่างกาย
เรียวไผ่เป็นมวยที่มีลูกเตะต่อยหนักแน่น จังหวะเข้าทำดี ขณะที่เอฟเฟรนเป็นมวยที่ใช้ความเร็วเป็นจุดเด่น
การเคลื่อนที่และการชิงพื้นที่เป็นกุญแจสำคัญในไฟต์นี้ หากเรียวไผ่คุมเกมได้ด้วยแข้งยาวและจังหวะดักจี้อาวุธ
ก็มีโอกาสคุมเกม แต่หากถูกลากให้เข้าเกมเร็วของเอฟเฟรน อาจทำให้เสียจังหวะและเปิดช่องคะแนน คู่นี้มีโอกาสออกผลแบบสูสีมากที่สุดในรายการ
คู่ที่ 5: เหนือเพชร ทีเด็ด99 vs โรลสรอยซ์ รถสวยจ่าเจตสายพริ้ว (พิกัด 130 ปอนด์)
| ฝ่ายแดง | ฝ่ายน้ำเงิน |
|---|---|
| เหนือเพชร – ขาด 0.2 ปอนด์ | โรลสรอยซ์ – ตามพิกัด |
คู่ปิดรายการเป็นคู่ที่น่าสนใจอย่างยิ่ง เพราะเหนือเพชรเป็นมวยที่เด่นเรื่องความแม่นยำและการวางแข้งมีคุณภาพสูง
แม้จะชั่งขาดเพียงเล็กน้อย แต่ยังคงความสดและความเร็วได้ดี ขณะที่โรลสรอยซ์เป็นมวยที่มีจังหวะเดินเร็วและมักสร้างแรงกดดันให้คู่ต่อสู้
เขามีจุดเด่นคือความอึดและการออกอาวุธต่อเนื่อง ไฟต์นี้จะเป็นเกมที่วัดกันด้วยสภาพร่างกายและแรงปะทะ
หากเหนือเพชรสามารถรักษาระยะและจังหวะถีบเพื่อหยุดคู่ต่อสู้ได้ จะเป็นฝ่ายคุมเกม
แต่ถ้าโรลสรอยซ์สามารถบีบให้เหนือเพชรต้องแลกหนัก คู่นี้มีโอกาสจบแบบเดือดตั้งแต่ยกกลางเป็นต้นไป
ภาพรวมศึกจ้าวมวยไทย 15 พฤศจิกายน 2568
ศึกจ้าวมวยไทยในครั้งนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าวงการมวยไทยยังคงเต็มไปด้วยนักมวยที่มีความสามารถหลากหลาย ทั้งด้านเทคนิค
ความแข็งแกร่ง และความแม่นยำ ทั้งห้าคู่ที่แข่งขันในวันนี้ต่างมีจุดเด่นเฉพาะตัวและมีความสูสีในระดับที่แฟนมวยต้องลุ้นกันทุกยก
ผลชั่งน้ำหนักที่ออกมาใกล้เคียงกับพิกัดเป็นตัวบ่งชี้ว่าทุกคนมีความตั้งใจและความพร้อมในการขึ้นเวที
จับตาคู่น่าสนใจอย่างเหนือเพชรกับโรลสรอยซ์ รวมถึงคู่เทคนิคสูงระหว่างหัตถ์เทพกับแสนเชิง เพราะมีแนวโน้มจะเป็นคู่มันระดับห้าดาวของรายการ
แฟนมวยที่ติดตามรายการศึกจ้าวมวยไทยครั้งนี้จะได้รับความบันเทิงแบบครบเครื่องทุกอารมณ์ตั้งแต่คู่แรกจนถึงคู่สุดท้ายอย่างแน่นอน
