ศึกมวยไทยพันธมิตร ประจำวันที่ 17 พฤศจิกายน 2568 ณ เวทีมวยเวิล์ด สยาม สเตเดี้ยม ถือเป็นหนึ่งในรายการที่แฟนมวยเฝ้ารอทุกสัปดาห์
เพราะเป็นรายการที่คัดสรรนักมวยคุณภาพจากหลากหลายค่ายชั้นนำทั่วประเทศ พร้อมนำเสนอการแข่งขันที่ดุเดือด มีความเข้มข้นสูง และมีสไตล์ที่แตกต่างกันในแต่ละคู่
ตั้งแต่นักชกรุ่นเล็ก พิกัดเบา ไปจนถึงมวยใหญ่ที่อาศัยพละกำลัง งานนี้จัดเต็มทั้งหมด 9 คู่ เริ่มชกตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 20.30 น.
ผลชั่งน้ำหนักล่าสุดสะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของนักมวยแทบทุกคน แม้จะมีบางรายลดมาก ขาดมาก แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ลงแข่งขันได้ ส่งผลให้เกมการชกมีความสมดุลและลุ้นผลได้อย่างสนุกตลอดทั้งรายการ

โปรแกรมมวยศึกมวยไทยพันธมิตร 17 พฤศจิกายน 2568 – โปรแกรมและวิเคราะห์คู่มวยครบทุกคู่จากเวทีมวยเวิล์ด สยาม สเตเดี้ยม

ตารางโปรแกรม ศึกมวยไทยพันธมิตร 17 พฤศจิกายน 2568

คู่ที่ ฝ่ายแดง ฝ่ายน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้ (แดง) ชั่งได้ (น้ำเงิน)
1 ตัง นายกโก้หนองแบน เพชรอามีน เกียรติเพชรเดชะ 107 ปอนด์ 106.8 107.0
2 เพชรใหม่ ลูกเจ้าแม่สายวารี เพชรตะวัน ศิษย์ป๋าก้อง 101 / 103 ปอนด์ 100.8 99.8
3 ดาวิด อาหมิงมวยไทย วัชรพล ไรน์ซิ่งมวยไทย 119 ปอนด์ 118.4 118.0
4 ฉลามเงิน ศิษย์ฉลามขาว กล้าศึก ส.สมาคม 119 ปอนด์ 119.0 119.0
5 นฤนาท ผญ.พรชัยท่าศาลา เจริญศักดิ์ เพชรเอกอะคาเดมี่ 37 กก. 35.8 37.0
6 ลมนคร ผญ.พรชัยท่าศาลา โตเกียว จอมโหดมวยไทย 114 ปอนด์ 114.6 113.8
7 สิบต่อ ศ.ศศิวัฒน์ แสงพระจันทร์ นภัทรมวยไทย 116 ปอนด์ 116.0 116.0
8 สี่พลัง ส.สละชีพ กล้าพยัคฆ์ ทีเด็ด99 116 ปอนด์ 116.0 116.8
9 ซุปเปอร์บอล จอมโหดมวยไทย ลูกบอล เกียรติก้องเกรียงไกร 114 ปอนด์ 114.6 113.8

วิเคราะห์คู่มวย ศึกมวยไทยพันธมิตร 17 พฤศจิกายน 2568

คู่ที่ 1: ตัง นายกโก้หนองแบน vs เพชรอามีน เกียรติเพชรเดชะ (พิกัด 107 ปอนด์)

ตัง นายกโก้หนองแบน ชั่งได้ 106.8 ปอนด์ ถือว่าได้เปรียบเล็กน้อยในด้านความเร็วเพราะขาดพิกัดเพียง 0.2 ปอนด์เท่านั้น
เป็นมวยฝีมือจัด มีจังหวะเตะต่อยที่แม่นยำ และเป็นมวยประเภทออกอาวุธคมทุกลูก ส่วนเพชรอามีนเป็นมวยเข่าแข็งแรง
เดินชนดุดันและออกอาวุธหนักแน่น การชั่งน้ำหนักตามพิกัดเป๊ะ ทำให้ความสดของร่างกายอยู่ในเกณฑ์ดีมาก
เกมนี้น่าจะวัดกันที่การยืนระยะและการแก้เกมกลางยก หากตังสามารถยืนระยะคุมจังหวะด้วยแข้งซ้ายได้
เขาจะมีโอกาสนำคะแนนตั้งแต่ต้น แต่หากเพชรอามีนเดินประชิดได้ จะมีลุ้นพลิกสถานการณ์โดยเฉพาะช่วงยกสามเป็นต้นไป

คู่ที่ 2: เพชรใหม่ ลูกเจ้าแม่สายวารี vs เพชรตะวัน ศิษย์ป๋าก้อง (พิกัด 101 / 103 ปอนด์)

เพชรใหม่ชั่งได้ 100.8 ปอนด์ ซึ่งขาดเพียงเล็กน้อย ทำให้ความคล่องตัวสูงขึ้น แม้รูปร่างดูเบากว่า แต่หมัดและเตะของเขาเน้นความเร็วและความแม่นยำ
ส่วนเพชรตะวันลดมากถึง 3.2 ปอนด์ ทำให้เกิดความกังวลเรื่องแรงปลายในยกท้าย แม้จะชั่งได้ที่ 99.8 ปอนด์
แต่ด้วยน้ำหนักที่ลดเยอะอาจทำให้โปรดักชันการออกอาวุธลดลง ไฟต์นี้เพชรใหม่จะเน้นคุมจังหวะและหลอกล่อก่อนออกหมัดหนึ่ง-สอง
ขณะที่เพชรตะวันต้องเร่งเกมให้เร็วที่สุดเพื่อไม่ให้เสียเปรียบด้านพละกำลัง ถือเป็นหนึ่งคู่ที่น่าลุ้นว่าฝ่ายใดจะยืนระยะได้ดีกว่า

คู่ที่ 3: ดาวิด อาหมิงมวยไทย vs วัชรพล ไรน์ซิ่งมวยไทย (พิกัด 119 ปอนด์)

คู่นี้เป็นการปะทะกันระหว่างนักมวยที่มีฟอร์มร้อนแรง โดยดาวิดชั่งได้ 118.4 ปอนด์ ลดเล็กน้อย ทำให้สภาพร่างกายเบาสดและมีความเร็วในการออกอาวุธสูง
ในขณะที่วัชรพลลดมากกว่าและชั่งได้ 118.0 ปอนด์ แสดงให้เห็นว่าเจ้าตัวฟิตซ้อมหนักเช่นกัน แต่น้ำหนักที่ลดมากอาจมีผลต่อน้ำหนักหมัดและแรงปะทะ
ดาวิดเป็นมวยครบเครื่อง มีทั้งแข้งยาวและหมัดคม ขณะที่วัชรพลโดดเด่นด้านจังหวะสอง เกมนี้จะเล่นกันที่เชิงและจังหวะสวนกลับเป็นหลัก
ฝ่ายที่อ่านทางคู่ต่อสู้ได้เร็วกว่าจะเป็นผู้คุมเกมทั้งหมด

คู่ที่ 4: ฉลามเงิน ศิษย์ฉลามขาว vs กล้าศึก ส.สมาคม (พิกัด 119 ปอนด์)

ฉลามเงินและกล้าศึกต่างชั่งได้ตามพิกัด 119 ปอนด์ ทำให้ความพร้อมทั้งคู่ใกล้เคียงกันมาก ฉลามเงินเป็นมวยเข่าสูงที่มีความแข็งแรงและมีจังหวะการบุกเป็นระบบ
ส่วนกล้าศึกเป็นมวยฝีมือที่มีลูกเตะทำลายจังหวะและการออกหมัดอย่างแม่นยำ ไฟต์นี้มีแนวโน้มจะสูสีเพราะทั้งสองเป็นมวยที่มีสไตล์ต่างกัน
หากฉลามเงินสามารถประชิดวงในได้เร็ว จะมีโอกาสทำคะแนนจากลูกเข่า แต่ถ้ากล้าศึกสามารถรักษาระยะและวางแข้งยาวได้ เกมจะเอนเอียงไปทางน้ำเงินทันที

คู่ที่ 5: นฤนาท ผญ.พรชัยท่าศาลา vs เจริญศักดิ์ เพชรเอกอะคาเดมี่ (พิกัด 37 กก.)

นฤนาทเป็นมวยเล็กที่มีความคล่องตัวสูง แต่การชั่งได้เพียง 35.8 กิโลกรัม แสดงให้เห็นว่าอาจมีความเสียเปรียบด้านแรงปะทะ
แต่เขามีจุดเด่นด้านความเร็วและความว่องไว ส่วนเจริญศักดิ์ชั่งได้ตามพิกัด 37 กิโลกรัมเต็ม ทำให้มีรูปร่างและแรงปะทะดีกว่าอย่างชัดเจน
ไฟต์นี้จะเป็นการวัดกันระหว่างแรงกับความเร็ว หากนฤนาทหลบหลีกและเข้าทำแบบหลายจังหวะจะมีโอกาสพลิกชนะ แต่หากเจริญศักดิ์จับได้เพียงครั้งเดียว
อาจสร้างความเสียหายหนักแก่ฝ่ายแดงได้ทันที เป็นไฟต์ที่ดูสนุกและมีโอกาสเกิดความพลิกล็อกแบบสูงมาก

คู่ที่ 6: ลมนคร ผญ.พรชัยท่าศาลา vs โตเกียว จอมโหดมวยไทย (พิกัด 114 ปอนด์)

ลมนครชั่งได้ 114.6 ปอนด์ เกินพิกัดเล็กน้อย แต่ถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ลงแข่งขันได้ ซึ่งสไตล์ของเขาเน้นการเดินเร็วและบุกต่อเนื่อง
ขณะที่โตเกียวชั่งได้ 113.8 ปอนด์ ขาดเล็กน้อย แต่ผลคือความเร็วและจังหวะออกอาวุธจะดีขึ้นมาก ไฟต์นี้เป็นการชนกันระหว่างมวยเดินบู๊และมวยจังหวะสอง
หากลมนครเร่งเกมเร็วและใช้ความหนักของอาวุธอย่างต่อเนื่องยังคงได้เปรียบ แต่ต้องระวังลูกสวนที่แม่นยำของโตเกียว ซึ่งมีโอกาสทำให้รูปเกมเปลี่ยนได้ทุกเมื่อ

คู่ที่ 7: สิบต่อ ศ.ศศิวัฒน์ vs แสงพระจันทร์ นภัทรมวยไทย (พิกัด 116 ปอนด์)

ทั้งสองชั่งได้ตามพิกัดที่ 116 ปอนด์พอดี ทำให้ไฟต์นี้ถือว่าเริ่มต้นด้วยความสมดุลอย่างแท้จริง สิบต่อเป็นมวยเชิง มีจังหวะออกแข้งยาวที่แม่นยำ
และมีการป้องกันตัวที่ดีมาก ขณะที่แสงพระจันทร์เป็นมวยที่มีจังหวะเร่งรัด ใช้หมัดและเข่าเข้าทำอย่างดุดัน
ไฟต์นี้ต้องวัดกันที่ความนิ่งและความแม่นยำของแต่ละฝ่าย หากสิบต่อคุมเกมด้วยแข้งยาวได้ จะมีโอกาสเก็บคะแนนอย่างต่อเนื่อง
แต่ถ้าแสงพระจันทร์สามารถเข้าประชิดและบีบเกมได้ เขาจะคุมพื้นที่กลางเวทีและสร้างความเสียหายให้คู่ต่อสู้ได้ทันที

คู่ที่ 8: สี่พลัง ส.สละชีพ vs กล้าพยัคฆ์ ทีเด็ด99 (พิกัด 116 ปอนด์)

สี่พลังชั่งได้ตามพิกัดที่ 116 ปอนด์ ขณะที่กล้าพยัคฆ์ชั่งได้ 116.8 ปอนด์ เกินเล็กน้อย แต่เป็นมวยที่มีพละกำลังสูง
ไฟต์นี้สไตล์ต่างกันชัดเจน สี่พลังเป็นมวยจังหวะสอง มีแข้งซ้ายคม สามารถทำลายจังหวะคู่แข่งได้ดี
ส่วนกล้าพยัคฆ์เป็นมวยเดินเร็ว บุกแหลก และมีแรงปะทะที่น่ากลัว หากสี่พลังสามารถรักษาระยะออกแข้งยาวได้
เขาจะคุมเกมไว้ได้ แต่หากโดนกล้าพยัคฆ์เดินเปิดเกมหนัก ๆ ตั้งแต่ยกแรก อาจตกเป็นรองทันที เพราะคู่ต่อสู้มีหมัดที่อันตรายมาก

คู่ที่ 9: ซุปเปอร์บอล จอมโหดมวยไทย vs ลูกบอล เกียรติก้องเกรียงไกร (พิกัด 114 ปอนด์)

ซุปเปอร์บอลชั่งได้ 114.6 ปอนด์ เกินเล็กน้อย แต่ด้วยประสบการณ์และความเก๋าบนเวทีทำให้เขายังน่ากลัวในหลายสถานการณ์
ส่วนลูกบอลชั่งได้ 113.8 ปอนด์ ขาดนิดเดียว แต่มีความเร็วสูงและมีสไตล์การชกแบบใช้จังหวะสอง
ไฟต์นี้จะวัดกันที่ความแม่นยำและการคุมจังหวะกลางเวที หากซุปเปอร์บอลใช้ความแข็งแรงเข้ากดดันและเดินบีบพื้นที่ได้
จะมีโอกาสสร้างคะแนนนำ แต่หากลูกบอลสามารถออกแข้งคม ๆ และหมัดไหลลื่นได้ เกมอาจพลิกไปทางฝั่งน้ำเงินทันที
ถือเป็นคู่ที่สูสีและมีความเป็นไปได้สูงว่าจะต่อยกันครบยกแบบสนุกตลอดทั้งไฟต์


สรุปภาพรวม ศึกมวยไทยพันธมิตร 17 พฤศจิกายน 2568

ศึกมวยไทยพันธมิตรวันนี้เป็นอีกหนึ่งวันคุณภาพ ที่รวมเอานักมวยหลากหลายสไตล์และระดับฝีมือไว้ในรายการเดียว
ตั้งแต่นักชกรุ่นเล็กที่เน้นความเร็ว ไปจนถึงมวยใหญ่ที่เน้นพละกำลังและแรงปะทะ ทำให้บรรยากาศของเวทีคึกคักตั้งแต่คู่แรกจนถึงคู่สุดท้าย
ผลชั่งน้ำหนักของนักมวยส่วนใหญ่ถือว่าอยู่ในมาตรฐานดีมาก แม้บางรายจะลดมากหรือเกินเล็กน้อย แต่ทุกคนยังอยู่ในสภาพพร้อมแข่งขัน
ส่งผลให้รูปเกมในวันนี้มีคุณภาพสูง และเต็มไปด้วยความตื่นเต้นที่แฟนมวยห้ามพลาดเด็ดขาด
ศึกมวยไทยพันธมิตรในวันนี้จึงเป็นอีกครั้งที่สะท้อนถึงความแข็งแกร่งของวงการมวยไทยและศักยภาพของนักชกไทยรุ่นใหม่ที่กำลังก้าวขึ้นมาสู่ระดับแนวหน้า