โปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง x ภ.หลักบุญ จัดขึ้นวันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2568 ณ เวทีมวยนานาชาติรังสิต เวลา 18:00 น. รายการนี้วางคู่มวยครบ 10 คู่ ตั้งแต่พิกัดเล็กระดับ 37.5 กก. ไปจนถึงรุ่นใหญ่กว่า 130 ทำให้บรรยากาศทั้งรายการจะสลับกันระหว่างเกมเร็วจัดจ้านกับเกมหนักแน่นที่วัดกันด้วยความอึดและแรงปะทะ โดยข้อมูลผลชั่งน้ำหนักที่แนบมาช่วยให้เห็น “ความพร้อมก่อนชก” ได้ชัดขึ้น เพราะบางคู่ชั่งเกินพิกัดค่อนข้างมาก ขณะที่บางคู่ชั่งขาดจนต้องจับตาเรื่องแรงปลายยกเป็นพิเศษ
จุดเด่นของโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง ชุดนี้คือมีทั้งคู่ที่ชั่งได้ตามพิกัดทั้งสองฝ่าย ซึ่งมักทำให้รูปเกมวัดกันที่ฝีมือและแผนล้วน ๆ และมีคู่ที่ชั่งเกิน/ชั่งขาดต่างกันชัดจนส่งผลต่อการวางแท็กติก เช่น คู่ที่ 3 ฝั่งแดงชั่งเกิน 1.3 และคู่ที่ 7 ฝั่งน้ำเงินชั่งขาด 0.5 นอกจากนี้ยังมีหลายคู่ในพิกัดกิโลกรัมที่ต่างกันเล็กน้อยแต่ชั่งเกินหรือขาด ซึ่งในพิกัดเล็ก “ทุกขีดมีความหมาย” เพราะความเร็วและการยืนระยะจะเห็นผลต่างชัดกว่าพิกัดใหญ่
คู่ที่ 1 ภาณุเดช บูมเด็กเซียน vs ก้องนำชัย ว.วันนิมิต (พิกัด 101)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ภาณุเดช บูมเด็กเซียน | 101 | ตามพิกัด | 0.0 | ก้องนำชัย ว.วันนิมิต | 101 | 102.0 | เกิน 1.0 |
ภาณุเดชชั่งได้ตามพิกัดทำให้ภาพรวมดูพร้อมในเชิงความคล่องและการออกอาวุธต่อเนื่องตั้งแต่ยกแรก ขณะที่ก้องนำชัยชั่งเกิน 1.0 ซึ่งอาจได้เปรียบความหนาแน่นและแรงปะทะในจังหวะเข้าประชิด แต่ก็ต้องระวังเรื่องความไวของเท้าและการยืนระยะหากเกมถูกลากยาว คู่เปิดรายการนี้จึงน่าดูว่าแดงจะคุมระยะด้วยถีบและแข้งนำได้มากแค่ไหน หากคุมได้ น้ำหนักที่เกินของน้ำเงินอาจกลายเป็นภาระเมื่อถูกบังคับให้ไล่เกมตลอดเวลา
มุมมองรูปเกมของคู่ที่ 1 มักจะชัดตั้งแต่ 1–2 ยกแรก หากน้ำเงินเข้าปิดระยะได้เร็วแล้วทำให้เกิดการปะทะวงในต่อเนื่อง ความหนักจะเริ่มสร้างผลให้แดงเสียทรงและเสียแต้มได้ แต่ถ้าแดงชิงทำคะแนนก่อนด้วยอาวุธยาวและไม่ยอมให้ถูกจับติดง่าย เกมจะไหลไปทางแดงมากขึ้น เพราะฝ่ายที่ชั่งตรงพิกัดมักรักษาความเร็วได้สม่ำเสมอ โดยเฉพาะช่วงยกสามสี่ที่คนดูเห็นอาการเหนื่อยชัดที่สุด
คู่ที่ 2 เพชรสายธาร ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน vs วุฒิกานต์ บูมเด็กเซียน (พิกัด 102)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| เพชรสายธาร ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน | 102 | ตามพิกัด | 0.0 | วุฒิกานต์ บูมเด็กเซียน | 102 | ตามพิกัด | 0.0 |
คู่ที่ 2 เป็นคู่ที่ชั่งได้ตามพิกัดทั้งสองฝ่าย จึงตัดตัวแปรเรื่องน้ำหนักออกไปได้มากและทำให้รูปเกมน่าจะวัดกันที่จังหวะออกอาวุธ ความแม่น และการคุมพื้นที่บนเวทีเป็นหลัก เพชรสายธารกับวุฒิกานต์เมื่อไม่มีภาษีน้ำหนักมักต้องเน้น “ความชัด” ของอาวุธให้กรรมการเห็น เช่น เตะลำตัวเข้าเป้า ถีบคุมระยะ หรือหมัดชุดที่จบสวย ๆ เพราะในคู่สูสีแบบนี้คะแนนจะไหลไปตามความต่อเนื่องมากกว่าช็อตเดียว
สำหรับแฟนมวยที่ดูโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง เพื่อเลือกคู่ที่ “ฝีมือชัด” คู่ที่ 2 มักตอบโจทย์ เพราะเกมจะไม่ถูกบังคับด้วยความต่างน้ำหนักมากนัก สิ่งที่ควรจับตาคือใครชิงทำแต้มในยกแรกได้ก่อน เพราะเมื่อคะแนนนำแล้วอีกฝ่ายต้องเร่งและเสี่ยงเปิดช่องให้โดนสวน หากฝ่ายใดคุมจังหวะได้ดีและไม่เสียทรงในช่วงยกสามสี่ โอกาสปิดเกมด้วยความชัดของอาวุธจะสูงมาก และมักทำให้รูปเกมดูสนุกแบบลุ้นยาวจนจบ
คู่ที่ 3 ช้างมงคล รร.สุรินทร์ราชมงคล vs ยอดเสกสรร ม.ราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง (พิกัด 128/129)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ช้างมงคล รร.สุรินทร์ราชมงคล | 128 | 129.3 | เกิน 1.3 | ยอดเสกสรร ม.ราชภัฎหมู่บ้านจอมบึง | 129 | 129.2 | เกิน 0.2 |
คู่ที่ 3 เป็นคู่ที่ตัวเลขชั่งน้ำหนักโดดเด่นมาก เพราะช้างมงคลชั่งเกิน 1.3 ขณะที่ยอดเสกสรรเกินเพียง 0.2 ภาพรวมจึงเหมือน “แดงหนากว่า” อย่างชัดเจน ซึ่งอาจทำให้แดงได้แรงปะทะและความแน่นในจังหวะปะทะวงในหรือการชนคอ แต่ในอีกด้านหนึ่งเมื่อเกินมาก ความคล่องและการหมุนตัวอาจลดลง ทำให้เสี่ยงโดนเตะตัดล่างหรือโดนคุมระยะด้วยอาวุธยาวได้ง่ายกว่า คู่แบบนี้มักตัดสินกันที่ว่าใครทำให้เกมเป็นสไตล์ของตัวเองได้ก่อนตั้งแต่ต้นยก
มุมมองเกมของคู่ที่ 3 ในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง คือถ้าน้ำเงินคุมระยะและทำให้แดงต้อง “เดินไล่” ตลอดเวลา น้ำหนักที่เกินของแดงอาจกลายเป็นภาระในช่วงยกสามสี่ เพราะต้องใช้แรงมากในการปิดระยะ แต่ถ้าแดงบี้ติดและทำให้เกิดการปะทะต่อเนื่อง น้ำเงินอาจเสียทรงและเสียแต้มจากความหนักได้เร็ว จึงควรจับตาว่าน้ำเงินจะยืนวงนอกแล้วออกอาวุธชัดได้ต่อเนื่องหรือไม่ และแดงจะตัดช่องทางหนีด้วยการปักหลักกลางเวทีได้สำเร็จแค่ไหน
คู่ที่ 4 ซุปเปอร์บอย ต.สุรัตน์ vs บัลลังก์เพชร เปื้ลนคร (พิกัด 130)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ซุปเปอร์บอย ต.สุรัตน์ | 130 | ตามพิกัด | 0.0 | บัลลังก์เพชร เปื้ลนคร | 130 | ตามพิกัด | 0.0 |
คู่ที่ 4 ชั่งได้ตามพิกัดทั้งคู่เช่นเดียวกับคู่ที่ 2 ทำให้เป็นไฟต์ที่ควรดูในมุม “เกมบนเวที” มากกว่ามองภาษีน้ำหนัก ซุปเปอร์บอยกับบัลลังก์เพชรเมื่อคุมร่างกายได้ตรงพิกัด มักออกอาวุธได้เต็มและไม่ต้องห่วงเรื่องแรงตกจากการลดหนักเกินไป สิ่งที่จะตัดสินคือความชัดของอาวุธหลัก เช่น แข้งนำที่เข้าเป้า การคุมจังหวะวงใน และการไม่เสียทรงในจังหวะปะทะ เพราะพิกัด 130 คือช่วงที่ทั้งความเร็วและความหนักมีอยู่พร้อมกัน
หากมองเชิงรูปเกม คู่ที่ชั่งตรงพิกัดทั้งสองฝ่ายในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง มักเกิดการแก้เกมระหว่างยกชัดเจน เพราะทั้งคู่มีสภาพร่างกายพร้อมพอจะปรับแผนได้ทันที คนดูควรสังเกตว่าใครชิงคุมพื้นที่กลางเวทีได้ก่อน และใครเป็นฝ่ายทำให้คู่ชกต้องถอย เพราะการเป็นฝ่ายเดินคุมเกมจะทำคะแนนได้ง่ายกว่าในสายตากรรมการ โดยเฉพาะถ้ามีอาวุธชัดอย่างเตะนำแล้วถอยไม่ยอมให้โดนสวน เมื่อเกมสูสี จังหวะเล็ก ๆ อย่างการออกอาวุธท้ายยกหรือการยืนทรงไม่เสียจะมีผลต่อคะแนนมากกว่าที่คิด
คู่ที่ 5 เพชรอุดร ศ.พ่อบ่อทอง vs ก้าวไกล ศิษย์ไชโย (พิกัด 41.5 กก.)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| เพชรอุดร ศ.พ่อบ่อทอง | 41.5 กก. | 41.2 | ขาด 0.3 | ก้าวไกล ศิษย์ไชโย | 41.5 กก. | ตามพิกัด | 0.0 |
พิกัดเล็กแบบ 41.5 กก. ความแตกต่างของน้ำหนักจะส่งผลกับความเร็วและการยืนระยะชัดมาก เพชรอุดรชั่งขาด 0.3 ซึ่งอาจทำให้ขยับเข้าออกไวและชิงจังหวะได้ดี แต่ก็ต้องระวังว่า “ขาด” อาจสะท้อนการคุมร่างกายที่เบากว่าและแรงต้านในจังหวะปะทะอาจน้อยลง ขณะที่ก้าวไกลชั่งตรงพิกัดจึงดูนิ่งกว่าและมีโอกาสรักษาพลังในยกปลาย หากน้ำเงินเดินคุมเกมได้และไม่โดนชิงแต้มตั้งแต่ต้น เกมมีโอกาสไหลไปทางน้ำเงินมากขึ้นเมื่อเข้าสู่ยกสามสี่ที่ความอึดเริ่มเป็นตัวตัดสิน
ในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง คู่พิกัดเล็กมักสนุกเพราะจังหวะเร็วและมีการออกอาวุธถี่ คู่ที่ 5 จึงควรดูว่าฝั่งแดงจะใช้ความไวทำแต้มด้วยแข้งและหมัดชุดสั้น ๆ ได้ต่อเนื่องแค่ไหน หากแดงทำแต้มได้ก่อนและคุมระยะไม่ให้โดนชน เกมจะเข้าทางแดง แต่ถ้าน้ำเงินจับจังหวะได้แล้วคุมจุดปะทะให้เป็นของตัวเอง อาวุธหนักที่ชัดกว่าและความนิ่งจากการชั่งตามพิกัดอาจช่วยให้เก็บคะแนนปลายยกได้ดี โดยเฉพาะการออกอาวุธท้ายยกที่มักเป็นภาพจำของกรรมการ
คู่ที่ 6 ยอดมังกร ซ้อกานต์พรทิน่า vs ไฟฟ้า เอสพีซีมวยไทย (พิกัด 37.5 กก.)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ยอดมังกร ซ้อกานต์พรทิน่า | 37.5 กก. | 37.7 | เกิน 0.2 | ไฟฟ้า เอสพีซีมวยไทย | 37.5 กก. | 37.8 | เกิน 0.3 |
ยอดมังกรเกิน 0.2 และไฟฟ้าเกิน 0.3 เป็นคู่ที่ชั่งเกินทั้งสองฝ่ายแต่ตัวเลขไม่ห่างมาก ทำให้คู่นี้น่าจะออกมาแนวสูสีและวัดกันที่ความชัดของอาวุธมากกว่าความต่างน้ำหนัก เมื่อเป็นพิกัด 37.5 กก. เกมจะเร็วมาก การพลาดจังหวะเพียงเล็กน้อยอาจกลายเป็นการโดนเตะเข้าลำตัวหรือโดนหมัดสวนจนเสียทรงได้ง่าย ดังนั้นทั้งสองฝ่ายต้องคุมจังหวะและระยะให้ดี โดยเฉพาะการไม่โดนตัดล่างสะสมเพราะจะทำให้ความเร็วลดลงอย่างเห็นได้ชัดในยกปลาย
มุมมองของคู่ที่ 6 ในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง คือใครก็ตามที่เริ่มต้นด้วยแผนชัด เช่น เตะนำแล้วถอย หรือดักหมัดแล้วเตะตาม จะมีโอกาสสะสมคะแนนได้ก่อนและบังคับให้อีกฝ่ายต้องเร่งเกม เมื่อเกมเร่ง ความเสี่ยงเปิดช่องให้โดนสวนจะเพิ่มขึ้นทันที คนดูควรสังเกตการออกอาวุธท้ายยก เพราะพิกัดเล็กกรรมการมักให้ความสำคัญกับความชัดและความต่อเนื่อง หากฝ่ายใด “ชนะภาพ” ท้ายยกบ่อย ๆ คะแนนมักเอียงไปทางนั้น แม้จำนวนการปะทะรวมจะสูสีใกล้เคียงกันก็ตาม
คู่ที่ 7 เทียนทอง แดงรถดีมวยไทย vs เพชรซีพี อนันต์ธวัชมวยไทย (พิกัด 44 กก.)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| เทียนทอง แดงรถดีมวยไทย | 44 กก. | ตามพิกัด | 0.0 | เพชรซีพี อนันต์ธวัชมวยไทย | 44 กก. | 43.5 | ขาด 0.5 |
คู่ที่ 7 มีความต่างชัดเจนในเชิงผลชั่ง เพราะเทียนทองชั่งได้ตามพิกัด ขณะที่เพชรซีพีชั่งขาดถึง 0.5 ซึ่งถือว่าขาดค่อนข้างมากในพิกัด 44 กก. ความขาดอาจให้ข้อดีเรื่องความไวและความเบาในการเข้าออก แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงเรื่องแรงต้านเมื่อโดนปะทะ โดยเฉพาะหากเทียนทองเดินกดด้วยแข้งและถีบหนัก ๆ ซ้ำ ๆ น้ำเงินอาจเสียทรงและเสียจังหวะได้ง่ายกว่า คู่แบบนี้จึงน่าดูว่าเพชรซีพีจะคุมเกมด้วยความไวได้ตลอดหรือจะมีช่วงแรงตกเมื่อเข้าเกมยกสามสี่
ในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง คู่ที่มี “ขาดเยอะ” มักต้องชกให้ฉลาดเป็นพิเศษ คือออกอาวุธแล้วถอย ไม่ยืนปะทะให้โดนชน และต้องทำแต้มให้ชัดตั้งแต่ต้นเพื่อไม่ให้ถูกบี้จนเสียทรง หากเพชรซีพีทำได้ตามนี้ เกมจะลุ้นสนุกเพราะความไวสามารถทำให้คู่ชกจับจังหวะยาก แต่ถ้าเทียนทองปิดระยะได้และทำให้เกิดการปะทะวงในบ่อย ๆ ความนิ่งจากการชั่งตรงพิกัดจะเริ่มเห็นผลชัด และอาจทำให้แดงเก็บคะแนนปลายยกได้มากขึ้นจากความชัดของอาวุธและการยืนทรงที่ไม่เสีย
คู่ที่ 8 หยกขาว กุมารจีนบายโค๊กซ่า vs ยอดตะวัน ใต้คู้บอน (พิกัด 44 กก.)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| หยกขาว กุมารจีนบายโค๊กซ่า | 44 กก. | 44.2 | เกิน 0.2 | ยอดตะวัน ใต้คู้บอน | 44 กก. | ตามพิกัด | 0.0 |
หยกขาวชั่งเกิน 0.2 ขณะที่ยอดตะวันชั่งได้ตามพิกัด ความต่างไม่มากแต่มีนัยเชิงรูปเกมอยู่บ้าง เพราะฝั่งแดงอาจดูหนาแน่นขึ้นเล็กน้อยในจังหวะปะทะ ส่วนฝั่งน้ำเงินมีโอกาสได้ความคล่องและความลื่นในการออกอาวุธยาวมากกว่า คู่พิกัด 44 กก. มักชี้แพ้ชนะที่ความเร็วและการชิงจังหวะ โดยเฉพาะการเตะตัดล่างและการถีบคุมระยะ ถ้าฝ่ายใดทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะได้ต่อเนื่อง คะแนนจะไหลไปทางนั้นอย่างรวดเร็วแม้ส่วนต่างน้ำหนักจะไม่มากก็ตาม
คู่ที่ 8 ในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง จึงควรจับตาว่าหยกขาวจะใช้ความแน่นบี้ให้ติดวงในหรือจะเล่นเกมยาวคุมระยะ เพราะถ้าเลือกบี้มากเกินไปอาจโดนยอดตะวันชิงจังหวะแล้วถอยจนเสียแต้มได้ ขณะที่ยอดตะวันหากคุมระยะได้ดีและออกอาวุธให้ชัด โดยเฉพาะการเตะลำตัวหรือเตะตัดล่างแบบแม่น ๆ จะสร้างความได้เปรียบโดยไม่ต้องเสี่ยงยืนปะทะนาน ๆ แต่ถ้าโดนบี้ติดและเสียทรงบ่อย คะแนนอาจพลิกได้ง่ายเพราะกรรมการจะเห็นภาพความเป็นฝ่ายคุมเกมชัดเจน
คู่ที่ 9 เพชรชลธาร ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน vs เพชรดำ อ.เพชรขุนศึก (พิกัด 43 กก.)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| เพชรชลธาร ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน | 43 กก. | 43.4 | เกิน 0.4 | เพชรดำ อ.เพชรขุนศึก | 43 กก. | ตามพิกัด | 0.0 |
เพชรชลธารชั่งเกิน 0.4 ในพิกัด 43 กก. ถือว่ามีความหนาแน่นมากกว่าคู่ชกพอสมควร และอาจได้เปรียบในจังหวะปะทะหรือการชนวงใน แต่พิกัดเล็กเป็นเกมเร็ว การเกินอาจแลกกับความไวของเท้าบางส่วน หากเพชรดำซึ่งชั่งตรงพิกัดเลือกเล่นเกมคุมระยะและชิงจังหวะเตะนำ ตัดล่าง แล้วถอยออกทันที แดงอาจต้องไล่เกมมากขึ้นจนเสียพลังโดยไม่จำเป็น ดังนั้นคู่นี้จะสนุกตรงการวัดกันระหว่าง “ความแน่น” กับ “ความลื่น” ว่าใครทำให้เกมเป็นของตัวเองได้มากกว่ากัน
ในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง คู่ที่ 9 ควรดูการออกอาวุธที่ชัดในช่วงต้น หากเพชรชลธารทำให้เพชรดำหยุดขาได้ด้วยการเตะตัดล่างหรือชนคอจนเสียทรง เกมจะเข้าทางแดงและน้ำหนักที่เกินจะเริ่มมีผลเชิงภาพ แต่ถ้าเพชรดำไม่ยอมให้โดนจับติดและชิงจังหวะด้วยความเร็วได้ต่อเนื่อง แดงจะเริ่มหงุดหงิดและเปิดช่องให้โดนสวนมากขึ้น ซึ่งเป็นจุดที่คะแนนไหลเร็วเพราะกรรมการเห็นความชัดของอาวุธและการคุมระยะชัดเจน โดยเฉพาะท้ายยกที่เป็นช่วงตัดสินภาพรวมของยกนั้น ๆ
คู่ที่ 10 ตะเกียบเหล็ก แดงรถดีมวยไทย vs ลำน้ำมูลเล็ก บาสทุ่งเขาหลวง (พิกัด 38.5/39 กก.)
| มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|
| ตะเกียบเหล็ก แดงรถดีมวยไทย | 38.5 กก. | 38.7 | เกิน 0.2 | ลำน้ำมูลเล็ก บาสทุ่งเขาหลวง | 39 กก. | ตามพิกัด | 0.0 |
คู่ปิดรายการเป็นพิกัดเล็กที่เล่นกันเร็วและละเอียด ตะเกียบเหล็กชั่งเกิน 0.2 จากพิกัด 38.5 ขณะที่ลำน้ำมูลเล็กชั่งได้ตามพิกัด 39 ทำให้ภาพรวมเป็นคู่ที่ความต่างน้ำหนักจริงไม่ได้ห่างมาก แต่ความสำคัญอยู่ที่ความเร็วและการคุมระยะ เพราะพิกัดต่ำกว่า 40 กก. การพลาดจังหวะเพียงครั้งเดียวอาจโดนเตะหรือหมัดสวนจนเสียทรงทันที หากน้ำเงินคุมระยะด้วยอาวุธยาวได้ดีจะสร้างเกมที่อ่านยากให้แดง แต่ถ้าแดงบี้ติดได้และออกอาวุธหนักชัด ๆ จะทำให้เกมเป็นฝ่ายกดดันได้ง่ายขึ้น
มุมมองของคู่ที่ 10 ในโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง คือคู่นี้เหมาะกับการดู “ความชัดของแต้ม” มากกว่าความหนัก เพราะทั้งคู่มีภาษีน้ำหนักไม่มาก จุดที่ควรจับตาคือการออกอาวุธท้ายยกและการไม่เสียทรงเวลาปะทะ ถ้าแดงใช้ความแน่นเล็กน้อยจากการเกินพิกัดสร้างช็อตปะทะให้เห็นชัด จะมีผลต่อคะแนนได้ แต่หากน้ำเงินคุมเกมให้เป็นจังหวะ ออกแล้วถอย ไม่ยืนให้โดนชน และทำแต้มด้วยความสม่ำเสมอ น้ำเงินมีโอกาส “ชนะภาพรวม” ของยกมากกว่า และมักปิดเกมได้ด้วยความนิ่งในช่วงท้ายรายการที่ความกดดันสูง
สำหรับคอวัวชนตัวจริง การติดตามชมการแข่งขันสดๆ
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เว็บดูวัวชนสด อันดับ 1 ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด
สรุปอินไซต์จากผลชั่งน้ำหนักทั้งรายการ
เมื่อดูผลชั่งน้ำหนักรวมของโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง จะเห็นว่าฝั่งที่ชั่งเกินมากที่สุดคือช้างมงคล (เกิน 1.3) รองลงมาคือก้องนำชัย (เกิน 1.0) ขณะที่ฝั่งที่ชั่งขาดมากที่สุดคือเพชรซีพี (ขาด 0.5) และเพชรอุดร (ขาด 0.3) ส่วนคู่ที่ชั่งตามพิกัดทั้งสองฝ่ายมี 2 คู่คือคู่ที่ 2 และคู่ที่ 4 ซึ่งมักเป็นไฟต์ที่วัดกันที่ฝีมือและความชัดของอาวุธมากกว่าเรื่องสภาพร่างกายจากการคุมน้ำหนัก ความหลากหลายแบบนี้ทำให้ทั้งรายการมีจุดให้ลุ้นต่างกันไปและดูต่อเนื่องได้สนุกตั้งแต่คู่แรกจนคู่สุดท้าย
อีกจุดที่ควรสังเกตคือหลายคู่ในพิกัดเล็กมีการเกินหรือขาดเพียง 0.2–0.4 ซึ่งดูเหมือนน้อย แต่ในความจริงพิกัดเล็ก “ความเร็วและแรงต้าน” จะเห็นผลชัดกว่าพิกัดใหญ่ หากฝ่ายใดต้องไล่เกมตลอดอาจเหนื่อยเร็วขึ้น และถ้าฝ่ายใดขาดมากอาจต้องหลีกเลี่ยงการปะทะตรง ๆ นานเกินไป การดูคู่พิกัดเล็กจึงสนุกตรงการชิงจังหวะและการคุมระยะมากกว่า ส่วนพิกัดใหญ่จะชัดที่การยืนทรง ความแน่น และการออกอาวุธหนักให้เข้าเป้าแบบเห็นภาพชัดเจน
คำถามที่พบบ่อย
ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง x ภ.หลักบุญ จัดวันอังคารที่ 16 ธันวาคม 2568 เริ่มเวลา 18:00 น. ณ เวทีมวยนานาชาติรังสิต หากต้องการดูให้ทันคู่ที่สนใจ แนะนำให้เตรียมตัวก่อนเวลาเพื่อไม่พลาดคู่ต้น ๆ เพราะหลายรายการมักเริ่มตามเวลาจริงและคู่เปิดมักเป็นจุดตั้งจังหวะของบรรยากาศทั้งคืน ส่วนการอ่านผลชั่งให้ถูกให้ยึดหลักง่าย ๆ คือ “ตามพิกัด = ตรงพิกัด”, “ตัวเลขตามด้วย -0.x = เกินเท่านั้น”, และ “ขาด 0.x = ชั่งต่ำกว่า” เมื่ออ่านถูกแล้วจะทำให้การติดตามรูปเกมระหว่างความไว ความแน่น และความอึดสนุกขึ้นมาก

