ศึกป่าตองไฟท์ไนท์ คือหนึ่งในรายการแข่งขันมวยไทยที่แฟนกีฬาหมัดมวยทั้งชาวไทยและต่างชาติรอคอย การแข่งขันนี้เต็มไปด้วยนักชกจากหลากหลายชาติ ไม่ว่าจะเป็นไทย คาซัคสถาน ซาอุดิอาระเบีย ออสเตรเลีย อิตาลี และจีน ทำให้เวทีแห่งนี้กลายเป็นจุดรวมความหลากหลายที่น่าติดตามเป็นพิเศษ การชั่งน้ำหนักก่อนชกถือเป็นกระบวนการสำคัญที่บ่งบอกถึงความพร้อมของนักมวยแต่ละคน บทความนี้จะสรุปผลการชั่งน้ำหนักทั้ง 6 คู่ พร้อมการวิเคราะห์เชิงลึกในแต่ละไฟท์ เพื่อให้ผู้อ่านได้เห็นภาพรวมของ ศึกป่าตองไฟท์ไนท์ อย่างครบถ้วน

มวยวันนี้ ศึกป่าตองไฟท์ไนท์ 28/08/68

มวยวันนี้ ศึกป่าตองไฟท์ไนท์ 28/08/68

โปรแกรมการแข่งขันศึกป่าตองไฟท์ไนท์
วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568
ณ สนามมวยป่าตองไสน้ำเย็น จ.ภูเก็ต เริ่มเวลา 21:00 น.
อัพเดตข่าวสาร ตารางมวย พร้อมลิ้งก์ดูมวยสด ที่นี่

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
1 น้องแนน หงษ์ฟ้ามวยไทย 104 ปอนด์ 103.4 (ขาด 0.6) ไอนัว ศ.ศักดิ์ใต้ (คาซัคสถาน) 105 ปอนด์ 104 (ขาด 1.0)
2 คมพยัคฆ์ เพชรภูมิมวยไทย 150 ปอนด์ 149 (ขาด 1.0) อับดุลอาซิส ภูเก็ตสิงห์มวยไทย (ซาอุดิอาระเบีย) 150 ปอนด์ 147 (ขาด 3.0)
3 ศิริมงคล เขาหลักมวยไทย 160 ปอนด์ 160.6 (เกิน 0.6 ต้องลด) ฮิวส์ พาวเวอร์เฮาส์ภูเก็ต (ออสเตรเลีย) 162 ปอนด์ 161 (ขาด 1.0)
4 ชาละวัน ศ.ศักดิ์ใต้ 141 ปอนด์ 136 (ขาด 5.0) เอลิซูร์ มวยไทย (อิตาลี) 141 ปอนด์ 142.6 (เกิน 1.6 ต้องลด)
5 น้ำตาล ศิษย์ครูเบิร์ด 140 ปอนด์ ไม่ชั่ง ลู่ เจีย ภูเก็ตสิงห์มวยไทย (จีน) 140 ปอนด์ ไม่ชั่ง
6 แก่นไกร ลูกถ้ำเสือ 107 ปอนด์ ตามพิกัด หยกนำชัย อบต. ธวัชชัย 107 ปอนด์ 107.4 (เกิน 0.4 ต้องลด)

 

คู่ที่ 1 : น้องแนน หงษ์ฟ้ามวยไทย vs ไอนัว ศ.ศักดิ์ใต้ (คาซัคสถาน)

รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก

วิเคราะห์

คู่เปิดหัวเป็นการเจอกันของนักชกหญิงที่มีความแตกต่างกันทั้งเชื้อชาติและสไตล์การชก ฝ่ายแดงอย่างน้องแนนสามารถคุมน้ำหนักได้ใกล้เคียงพิกัด ขาดเพียงเล็กน้อย ส่วนไอนัวก็ตกอยู่ในสถานการณ์คล้ายกันเมื่อชั่งได้ต่ำกว่าพิกัด ทั้งคู่ต่างต้องใช้กลยุทธ์เพื่อชดเชยเรื่องน้ำหนัก โดยฝ่ายแดงอาจได้เปรียบเล็กน้อยในแง่ของความฟิต ความเร็ว และความคล่องตัว การชกครั้งนี้คาดว่าจะเป็นการดวลเชิงเทคนิคที่มีความสูสีสูง


คู่ที่ 2 : คมพยัคฆ์ เพชรภูมิมวยไทย vs อับดุลอาซิส ภูเก็ตสิงห์มวยไทย (ซาอุดิอาระเบีย)

รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก

วิเคราะห์

คู่นี้ฝ่ายน้ำเงินอับดุลอาซิสขาดน้ำหนักมากถึง 3 ปอนด์ ขณะที่คมพยัคฆ์ขาดเพียง 1 ปอนด์ ซึ่งถือว่ามีความใกล้เคียงกับพิกัดจริงมากกว่า การขาดน้ำหนักอาจบ่งบอกได้ถึงความเหนื่อยน้อยกว่าในการลดน้ำหนัก แต่ก็อาจเสียเปรียบในเรื่องพลังปะทะ คู่ชกนี้น่าจะเป็นการต่อสู้ที่ฝ่ายแดงมีภาษีดีกว่าเล็กน้อย ทั้งด้านความแข็งแรงและการฟื้นตัวหลังการชั่งน้ำหนัก


คู่ที่ 3 : ศิริมงคล เขาหลักมวยไทย vs ฮิวส์ พาวเวอร์เฮาส์ภูเก็ต (ออสเตรเลีย)

รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก

วิเคราะห์

ฝ่ายแดงอย่างศิริมงคลมีน้ำหนักเกินเล็กน้อย แต่ยังสามารถปรับแก้ได้ไม่ยาก ส่วนฮิวส์จากออสเตรเลียแม้จะขาด 1 ปอนด์ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ดี คู่นี้จึงเป็นไฟท์ที่น่าจับตามองเพราะทั้งสองฝ่ายมีความฟิตใกล้เคียงกัน ความแตกต่างเล็กน้อยนี้อาจทำให้ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับความเร็ว การอ่านเกม และความแข็งแกร่งทางด้านจิตใจเป็นหลัก


คู่ที่ 4 : ชาละวัน ศ.ศักดิ์ใต้ vs เอลิซูร์ มวยไทย (อิตาลี)

รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก

วิเคราะห์

คู่นี้มีความแตกต่างชัดเจนในเรื่องการชั่งน้ำหนัก โดยชาละวันขาดมากถึง 5 ปอนด์ อาจเสียเปรียบด้านพละกำลังเมื่อขึ้นเวทีจริง ขณะที่เอลิซูร์จากอิตาลีเกินพิกัดและต้องลดน้ำหนัก ทำให้การฟื้นฟูร่างกายมีความสำคัญอย่างมาก คู่นี้อาจเป็นการชกที่ทดสอบกลยุทธ์ เพราะฝ่ายหนึ่งเบากว่า อีกฝ่ายหนักกว่า จึงน่าจะเป็นไฟท์ที่แฟนมวยให้ความสนใจเป็นพิเศษ


คู่ที่ 5 : น้ำตาล ศิษย์ครูเบิร์ด vs ลู่ เจีย ภูเก็ตสิงห์มวยไทย (จีน)

รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก

วิเคราะห์

คู่ที่ 5 มีความพิเศษตรงที่ทั้งสองฝ่ายไม่ได้ทำการชั่งน้ำหนัก อาจด้วยเหตุผลทางเทคนิคหรือข้อตกลงระหว่างค่ายมวย อย่างไรก็ตาม การแข่งขันจริงยังคงเดินหน้าไปตามกำหนด การที่ไม่ได้ชั่งน้ำหนักอาจทำให้แฟนมวยจับตาดูเป็นพิเศษว่าร่างกายของนักชกทั้งคู่จะมีความพร้อมอย่างไรเมื่อขึ้นเวที


คู่ที่ 6 : แก่นไกร ลูกถ้ำเสือ vs หยกนำชัย อบต. ธวัชชัย

รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก

วิเคราะห์

ฝ่ายแดงแก่นไกรสามารถชั่งได้ตรงตามพิกัด ถือว่ามีการเตรียมตัวดีเยี่ยม ส่วนหยกนำชัยเกินเพียง 0.4 ปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สามารถจัดการได้ไม่ยาก การแข่งขันครั้งนี้จึงน่าจะเป็นการชกที่สมดุล และขึ้นอยู่กับทักษะและความแข็งแกร่งมากกว่าประเด็นเรื่องน้ำหนัก


สรุปภาพรวมของศึกป่าตองไฟท์ไนท์

ศึกป่าตองไฟท์ไนท์ ครั้งนี้สะท้อนถึงความหลากหลายของนักมวยจากหลายประเทศ การชั่งน้ำหนักมีทั้งคู่ที่เกินพิกัด ขาดพิกัด และบางคู่ไม่ได้ชั่งเลย ทำให้การแข่งขันเต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคาดเดายาก ความสมดุลในแต่ละไฟท์สร้างความน่าสนใจและความเข้มข้นแก่แฟนมวยทุกคน ศึกนี้ไม่เพียงแต่เป็นเวทีการต่อสู้ แต่ยังเป็นเวทีที่สะท้อนถึงความเป็นสากลของมวยไทยที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก