ศึกมวยไทยพลังใหม่คืนวันพุธที่ 15 ตุลาคม 2568 จัดเต็มเก้าคู่สุดเข้มที่เวทีมวยราชดำเนิน เริ่มชกตั้งแต่เวลา 18:00 น. เป็นต้นไป โปรแกรมครั้งนี้คับคั่งด้วยนักชกชั้นดีและดาวรุ่งที่กำลังมาแรง หลายคู่มีผลชั่งน้ำหนักที่ “เกิน–ขาด” ต่างกันพอสมควรจึงน่าจับตาว่าจะสะท้อนสภาพร่างกาย กลยุทธ์ และแรงปลายอย่างไรบนสังเวียนจริง

มวยวันนี้ ศึกมวยไทยพลังใหม่ 15/10/68

โปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพลังใหม่ ประจำวันที่ 15 ตุลาคม 2568 (เวทีมวยราชดำเนิน | 18:00 น.)

รายละเอียดการแข่งขันและผลชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการ

โปรแกรมมวยรายการนี้วางคู่มวยหลากสไตล์ ตั้งแต่พิกัด 112 ปอนด์ไปจนถึง 140 ปอนด์ โดยภาพรวมมีทั้งนักชกที่คุมพิกัดได้ดีและบางรายที่เกินจากพิกัดพอสมควร ซึ่งส่งผลโดยตรงต่อความเร็ว ความอึด และแรงปะทะเมื่อขึ้นเวทีจริง ในทางยุทธวิธี ทีมงานแต่ละค่ายย่อมปรับแผนรับ–รุกตามผลชั่งที่ออกมา ไม่ว่าจะเป็นการเน้นเดินกดดันตั้งแต่ต้น การเล่นจังหวะสอง หรือการยื้อเกมเพื่อหวังผลยกท้าย ทั้งหมดนี้ทำให้ค่ำคืนนี้มีสีสันและความไม่แน่นอนสูงเป็นพิเศษ

คู่ที่ 1 หยกพยัคฆ์ ต. แย้มสวน vs ยอดขุนทัพ เจแอนด์พี. พัทลุง (พิกัด 112 ปอนด์)

ในคู่เปิดรายการ พิกัด 112 ปอนด์ หยกพยัคฆ์ ชั่งได้ 113 ปอนด์ เกิน 1.0 ขณะที่ ยอดขุนทัพ ชั่งถึง 118 ปอนด์ เกินมากถึง 6.0 แสดงให้เห็นถึงความแตกต่างด้านน้ำหนักที่ชัดเจน ฝั่งน้ำเงินอาจได้ประโยชน์เรื่องแรงปะทะและความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อ แต่ต้องระวังเรื่องความล้าและความเร็วที่ลดลง ส่วนฝั่งแดงแม้เป็นรองรูปร่าง ทว่าได้เปรียบความคล่องและการเข้าทำที่ฉับไว เกมคู่นี้จึงวัดกันระหว่างพลังดิบกับสปีดและจังหวะสองอย่างแท้จริง

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
1 หยกพยัคฆ์ ต. แย้มสวน 112 ปอนด์ 113.0 (เกิน 1.0) ยอดขุนทัพ เจแอนด์พี. พัทลุง 112 ปอนด์ 118.0 (เกิน 6.0)

มุมมองเชิงวิเคราะห์ แดงควรใช้เกมเร็วและวางเตะทำลายขาเพื่อตัดแรงปะทะ รวมถึงฉกฉวยจังหวะสวนในระยะกลาง น้ำเงินต้องเดินกดพื้นที่ เลี้ยงระยะประชิดให้เกิดการปะทะบ่อยขึ้นเพื่อลดข้อเสียเรื่องความช้า หากแดงคุมจังหวะได้ตั้งแต่ต้นโอกาสพลิกมีสูง แต่หากน้ำเงินยืนระยะแล้วล็อกเกมได้ เปอร์เซ็นต์ชนะจะเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อย่างเข้ายกท้าย

คู่ที่ 2 อัศวเทพ ศิษย์หมวดนิตย์ vs เทพสุทิน ศักดิ์อินเตอร์ (พิกัด 126 ปอนด์)

คู่นี้ผลชั่งค่อนข้างใกล้เคียง อัศวเทพ เกิน 0.5 ปอนด์ ขณะ เทพสุทิน ขาด 0.3 ปอนด์ ความต่างเล็กน้อยสะท้อนแนวทางการขึ้นเวทีที่ต่างกันเล็ก ๆ ฝั่งแดงน่าจะเน้นยืนเทรดแบบมั่นคง ใช้หมัด–แข้งชุดยาวเพื่อคุมจังหวะ ส่วนฝั่งน้ำเงินมีโอกาสได้เปรียบเรื่องสปีดและการสาดอาวุธฉาบฉวย ก่อนปักหลักแลกในช่วงชี้ขาด เกมน่าจะสูสีและต้องวัดกันที่ความคมในจังหวะสำคัญเป็นหลัก

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
2 อัศวเทพ ศิษย์หมวดนิตย์ 126 ปอนด์ 126.5 (เกิน 0.5) เทพสุทิน ศักดิ์อินเตอร์ 126 ปอนด์ 125.7 (ขาด 0.3)

หากแดงคุมจังหวะกลางเวทีได้อย่างเป็นระบบและไม่เสียโอกาสให้เกมสวนกลับของน้ำเงิน ก็มีลุ้นแต้มเด่นชัดจากความเรียบร้อยของรูปมวย ตรงกันข้ามถ้าน้ำเงินเร่งสปีดต่อเนื่องและบุกเป็นชุดในช่วงหัว–ท้ายยก ก็อาจตัดคะแนนความเนียนของแดงจนรูปเกมพลิกในบั้นปลายได้เช่นกัน

คู่ที่ 3 โชคดี แม็คจันดี vs เห่าดง เกียรติบ้านหลา (พิกัด 115 ปอนด์)

ผลชั่งคู่นี้ โชคดี เกิน 1.6 ปอนด์ ขณะที่ เห่าดง เกิน 0.9 ปอนด์ ทั้งสองฝั่งมีน้ำหนักเกินพิกัด แต่ไม่ถึงกับห่างกันมาก จุดตัดสินจึงอยู่ที่ “แรงปลาย” และ “วินัยเกมรับ” ใครรักษาบล็อกและตั้งการ์ดได้มั่นคงกว่าในจังหวะแลกยาวจะถือไพ่เหนือกว่า การเข้าทำซ้ำจุดเดิมและการบีบวงเข้า–ออกมีความสำคัญอย่างยิ่งในคู่ที่พละกำลังใกล้เคียงและต่างเกินพิกัดกันทั้งคู่

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
3 โชคดี แม็คจันดี 115 ปอนด์ 116.6 (เกิน 1.6) เห่าดง เกียรติบ้านหลา 115 ปอนด์ 115.9 (เกิน 0.9)

เชิงกลยุทธ์ แดงควรเปิดเกมด้วยแข้งนำและหมัดยาวให้ได้ความมั่นใจก่อนค่อยไต่ระดับความดุดัน ส่วนน้ำเงินต้องเน้นสลัดมุมและหลบหลีกดักทางแทคติก ไม่ยืนแลกนานเกินไป หากน้ำเงินลากเกมให้ยืดแล้วสวนคม ๆ ได้ต่อเนื่อง คะแนนปลายยกอาจโน้มไปทางน้ำเงินมากขึ้น

คู่ที่ 4 ชาตินำชัย นายกป็อดกบินทร์บุรี vs เพชรน้ำงาม พีเค. แสนชัยมวยไทยยิม (พิกัด 140 ปอนด์)

คู่นี้จัดว่าเป็นหนึ่งใน “เมนอีเวนต์เชิงคุณภาพ” ของรายการ ด้วยพิกัด 140 ปอนด์ที่มักเห็นเกมค่อนข้างเร็วและมีแรงปะทะหนัก ผลชั่ง ชาตินำชัย เกิน 0.2 ปอนด์ และ เพชรน้ำงาม เกิน 0.1 ปอนด์ ใกล้เคียงกันมากจนแทบไม่มีผลเสียเปรียบได้เปรียบ ทั้งสองจึงมีโอกาสเล่นเกมถนัดอย่างเต็มที่ ใครคุมจังหวะและยัดหมัด–ศอกในวงในได้ดีกว่า มักเป็นฝ่ายกุมโมเมนตัมตั้งแต่ช่วงกลางไฟต์

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
4 ชาตินำชัย นายกป็อดกบินทร์บุรี 140 ปอนด์ 140.2 (เกิน 0.2) เพชรน้ำงาม พีเค. แสนชัยมวยไทยยิม 140 ปอนด์ 140.1 (เกิน 0.1)

ทางแดงโดดเด่นเรื่องลูกบู๊และแรงชน ส่วนทางน้ำเงินขึ้นชื่อด้านฝีมือและชั้นเชิง การตัดสินใจใช้ “จังหวะสาม” หลังแลกชุดแรกจะเป็นกุญแจสำคัญ หากน้ำเงินอ่านเกมได้เร็วและไม่เสียเหลี่ยมให้แรงกดดันของแดง โอกาสขึ้นนำคะแนนตั้งแต่กลางไฟต์มีมาก แต่ถ้าแดงคุมพื้นที่ดีและบี้ต่อเนื่อง ผลอาจออกมาใกล้เคียงจนต้องลุ้นแต้มปลายยก

คู่ที่ 5 ซามูเอล เซเว่นฟาร์ม vs เรซ่า ส. บุญมีฤทธิ์ (พิกัด 137 ปอนด์)

ผลชั่งชี้ว่า ซามูเอล ขาด 0.3 ปอนด์ ส่วน เรซ่า ขาด 0.1 ปอนด์ ทั้งสองฝ่ายคุมพิกัดได้ในกรอบที่ดี สื่อถึงความฟิตและการเตรียมพร้อม เกมนี้จึงน่าจะออกมาสูสีและใช้แทคติกมากกว่าพละกำลังฝ่ายเดียว ใครออกอาวุธชุดแรกได้คมกว่าและมีการขยับเท้าหาช่องอย่างมีวินัย จะค่อย ๆ เก็บแต้มในสายตากรรมการได้เป็นระบบ

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
5 ซามูเอล เซเว่นฟาร์ม 137 ปอนด์ 136.7 (ขาด 0.3) เรซ่า ส. บุญมีฤทธิ์ 137 ปอนด์ 136.9 (ขาด 0.1)

มุมแดงควรเน้นวางแข้งนำสลับแทงเข่าเพื่อเบรกจังหวะ น้ำเงินต้องใช้เกมโยกหลอก–ตัดเหลี่ยม แล้วสวนหมัดสั้นให้ได้คะแนนชัด หากไม่มีน็อกเอาต์ รูปเกมมีแนวโน้มไหลไปสู่การชิงแต้มด้วยความละเอียดอ่อน ฝ่ายที่ผิดพลาดน้อยกว่าในช่วงหัว–ท้ายยกมักเป็นผู้ชนะ

คู่ที่ 6 มงคลเพชร ส.สมหมาย vs สิงห์ศึก ศักดิ์อนุพงษ์ (พิกัด 123 ปอนด์)

มงคลเพชร เกิน 0.6 ปอนด์ ส่วน สิงห์ศึก ขาด 0.1 ปอนด์ ตัวเลขสะท้อนการเตรียมตัวที่ต่างโทนกันเล็กน้อย แดงอาจมีความหนาแน่นของมวลกล้ามเนื้อมากกว่าเล็กน้อย แต่น้ำเงินได้ความว่องไวและการเล่นมุมที่คล่องตัวกว่า เกมนี้ผู้ชนะจะมาจาก “ฝ่ายที่พาเกมไปอยู่ในแดนถนัดของตน” ถ้าแดงล็อกวงในและกดหนัก ๆ ได้บ่อย ย่อมได้เปรียบ แต่ถ้าน้ำเงินเปิด–ปิดระยะเร็วและใช้การเข้า–ออกสวย ๆ ก็มีโอกาสชิงคะแนนได้ชัดเจน

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
6 มงคลเพชร ส.สมหมาย 123 ปอนด์ 123.6 (เกิน 0.6) สิงห์ศึก ศักดิ์อนุพงษ์ 123 ปอนด์ 122.9 (ขาด 0.1)

ในมุมเทคนิค แดงควรเน้นเตะตัดล่างบีบให้เกมช้าลง แล้วค่อยเร่งวงในช่วงกลางไฟต์ ส่วนสีน้ำเงินต้องใช้การเคลื่อนที่ด้านข้างมากขึ้นเพื่อหลบการปะทะตรง ๆ และหาช่องสวนหมัด–ศอก หากน้ำเงินรักษาระยะได้ดี โอกาสชนะคะแนนมีไม่น้อย

คู่ที่ 7 วัชรพล ไรซิ่งมวยไทย vs บัลลังก์เงิน อ. ยุทธชัย (พิกัด 120 ปอนด์)

คู่นี้ทั้งสองฝั่งเกินพิกัด วัชรพล เกิน 0.6 และ บัลลังก์เงิน เกิน 0.9 น้ำหนักที่เพิ่มขึ้นมักทำให้แรงปะทะดีขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความเร็วที่อาจลดลงเล็กน้อย เกมจึงน่าจะออกมาเป็นการเดินแลก–ดักสวนอย่างต่อเนื่อง ฝ่ายที่ “วางตำแหน่งตัว” ก่อนออกอาวุธได้ดีกว่าย่อมได้เปรียบ เพราะจะทำให้การโจมตีมีน้ำหนักและแม่นยำมากขึ้น

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
7 วัชรพล ไรซิ่งมวยไทย 120 ปอนด์ 120.6 (เกิน 0.6) บัลลังก์เงิน อ. ยุทธชัย 120 ปอนด์ 120.9 (เกิน 0.9)

คำแนะนำทางยุทธวิธี แดงควรเร่งเครื่องตั้งแต่ยกสองเพื่อกุมจังหวะและตัดทางบุกของน้ำเงิน ขณะที่น้ำเงินต้องเน้นลูกผสม หมัด–ศอกระยะประชิดสลับเตะก้านคอเพื่อเปลี่ยนโมเมนตัม หากฝ่ายใดพลาดรับอาวุธหนัก ๆ ตั้งแต่กลางไฟต์มีสิทธิ์เสียขวัญและปล่อยคะแนนไหลได้

คู่ที่ 8 ยอดบุญนำ ช. ห้าพยัคฆ์ vs ฉลามเงิน ศิษย์ฉลามขาว (พิกัด 118 ปอนด์)

ยอดบุญนำ ชั่งได้ตามพิกัดพอดี แสดงถึงความพร้อมทั้งด้านร่างกายและวินัย ส่วน ฉลามเงิน เกิน 0.5 ปอนด์เล็กน้อย เกมนี้ฝ่ายแดงมีโอกาสได้เปรียบเรื่องความคล่องตัวและความเนียนของรูปมวย ขณะที่น้ำเงินได้แรงปะทะเพิ่มขึ้นเล็กน้อย จึงต้องดูว่าฝ่ายใดจะนำคุณสมบัติเด่นของตนเองไปใช้ได้เต็มศักยภาพมากกว่าในช่วงชี้ขาด

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
8 ยอดบุญนำ ช. ห้าพยัคฆ์ 118 ปอนด์ ตามพิกัด ฉลามเงิน ศิษย์ฉลามขาว 118 ปอนด์ 118.5 (เกิน 0.5)

หากแดงคุมเกมด้วยเตะยาวและแทงเข่าเป็นชุดก่อนถอยปรับมุม จะทำให้น้ำเงินเสียรูปเกมและยากต่อการออกอาวุธหนัก ๆ ในจังหวะที่ถนัด ในทางกลับกัน ถ้าน้ำเงินสามารถบีบพื้นที่ให้แดงยืนแลกแบบไม่มีเวลาคิด โอกาสจะแปรเป็นพลังบวกให้คะแนนเข้าข้างน้ำเงินได้มากขึ้น

คู่ที่ 9 กรังด์ปรีซ์น้อย พีเค. แสนชัยมวยไทยยิม vs สิทธิศักดิ์ ส. ประสพโชค (พิกัด 133 ปอนด์)

คู่ปิดรายการที่น่าดูไม่แพ้คู่ใด กรังด์ปรีซ์น้อย ขาด 0.1 ปอนด์เล็กน้อย ส่วน สิทธิศักดิ์ เกิน 0.5 ปอนด์ เกมนี้มีความครบเครื่องสูง ทั้งสองต่างมีเครื่องมือที่หลากหลาย ทั้งหมัด–ศอก–เข่า–แข้ง จุดเปราะบางจึงอยู่ที่สมาธิและการเคลื่อนที่ การยืนยาวโดยไม่ตกเป็นเป้าในจังหวะสวนจะเป็นตัวชี้เป็นชี้ตายต่อผลคะแนนรวม

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้
9 กรังด์ปรีซ์น้อย พีเค. แสนชัยมวยไทยยิม 133 ปอนด์ 132.9 (ขาด 0.1) สิทธิศักดิ์ ส. ประสพโชค 133 ปอนด์ 133.5 (เกิน 0.5)

เกมรับที่แน่นและการคัดมุมออก–เข้าอย่างประณีตจะทำให้ฝ่ายที่เนียนกว่าเก็บแต้มกับกรรมการได้ชัดเจน หากน้ำเงินไม่ปล่อยให้แดงคุมจังหวะและออกอาวุธก่อนอยู่ฝ่ายเดียว โอกาสแซงปลายยกยังเปิดกว้าง โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยก 4–5 ที่ความผิดพลาดเล็กน้อยมีผลต่อผลตัดสินอย่างมาก

วิเคราะห์คู่มวยเดือดน่าสนใจประจำค่ำคืนนี้

ในบรรดาเก้าคู่ มีสี่คู่ที่จัดว่าน่าจับตาเป็นพิเศษ เนื่องจากผลชั่งน้ำหนักและสไตล์การชกชี้ไปที่เกมที่เข้มข้นและมีโอกาสพลิกผันสูง เราจึงหยิบมาวิเคราะห์เพิ่มเพื่อเป็นแนวทางก่อนชมจริง ทั้งในมิติของแทคติก การยืนระยะ และการบริหารกำลังช่วงยกท้าย

คู่เปิดหัวศึก – หยกพยัคฆ์ vs ยอดขุนทัพ

ความต่างน้ำหนักที่สูงมากของยอดขุนทัพคือดาบสองคม หากคุมแรงและความเหนียวแน่นได้ เกมจะไหลเข้าทางตั้งแต่กลางยกแรก แต่ถ้าโดนเตะสกัดและโดนวนออกด้านข้างบ่อย ๆ ความอึดจะค่อย ๆ หายไป ขณะที่หยกพยัคฆ์ต้องรักษาความเร็วและความแม่น ไม่เสียจังหวะให้การปะทะระยะประชิด หากลากเกมให้ยืดแล้วจบยกแบบภาพรวมสะอาด โอกาสชนะคะแนนมีจริง

ศึกแห่งศักดิ์ศรี – ชาตินำชัย vs เพชรน้ำงาม

น้ำหนักใกล้กันมากทำให้ “ชั้นเชิง” มีผลกว่าปัจจัยอื่น ชาตินำชัยควรเร่งต้นเพื่อกุมมุมและสร้างแรงกดดัน ขณะที่เพชรน้ำงามต้องคุมสติ เล่นเกมสองจังหวะและเลือกช็อตสวนให้คมกว่า หากน้ำเงินไม่ปล่อยให้โดนล็อกวงในบ่อย ๆ การชิงแต้มด้วยจังหวะหลอกและแข้งยาวจะเป็นเส้นทางสู่ชัยชนะที่ชัดเจนกว่า

การปะทะต่างสไตล์ – มงคลเพชร vs สิงห์ศึก

ผลชั่งเอียงให้มงคลเพชรได้เปรียบหน่อยด้านความแน่น แต่สิงห์ศึกได้ความไวและการสไลด์ตัวที่พลิ้วกว่า คู่นี้คีย์หลักคือ “ใครพาเกมอยู่ในแดนตัวเอง” หากแดงลากเข้าวงในและบดบี้ได้ สกอร์จะเข้าทางแดง ทว่าเมื่อใดที่น้ำเงินครองพื้นที่โล่งและชิงออกก่อน ผลจะเปลี่ยนทันที

คู่ปิดท้ายรายการ – กรังด์ปรีซ์น้อย vs สิทธิศักดิ์

ต่างฝ่ายต่างครบเครื่อง ความผิดพลาดเล็ก ๆ จะถูกขยายผลเป็นคะแนนทันที กรังด์ปรีซ์น้อยต้องเน้นความเนียนและการอ่านเกม ขณะที่สิทธิศักดิ์ควรเพรสชิงชนเล็กน้อยเพื่อไม่ให้คู่ต่อสู้คุมรีธึ่ม หากน้ำเงินรักษาความกดดันได้สม่ำเสมอแต่มิได้บุ่มบ่าม มีลุ้นแย่งแต้มในช่วงยก 4–5 ได้อย่างสนุก

บทสรุปและความคาดหวังในศึกมวยไทยพลังใหม่

โดยสรุป ศึกมวยไทยพลังใหม่ค่ำคืนนี้มี “องค์ประกอบการแข่งขัน” ครบถ้วน ทั้งคู่เปิดที่ชั่งต่างกันมากจนเกมน่าตื่นเต้น คู่กลางที่ผลชั่งใกล้เคียงชวนวัดแทคติก และคู่ปลายรายการที่ระดับฝีมือสูงใกล้เคียงกัน ความหลากหลายนี้ทำให้ผู้ชมได้รับอรรถรสทั้งสายบู๊ สายฝีมือ และสายแทคติก นอกจากนี้ เวทีมวยราชดำเนินยังช่วยยกระดับบรรยากาศและมาตรฐานการตัดสิน ทำให้เราเชื่อว่าทุกคู่จะได้โชว์ของอย่างยุติธรรมและเต็มศักยภาพ

ช่องทางติดตามผลและถ่ายทอดสด

แฟนมวยสามารถติดตามบรรยากาศขอบสังเวียนและผลการแข่งขันสดผ่านช่องกีฬาและแพลตฟอร์มถ่ายทอดที่รับสิทธิ์ รวมถึงเพจข่าวมวยชั้นนำที่รายงานผลยกต่อยก ทั้งนี้เพื่อประสบการณ์รับชมที่ดีที่สุด แนะนำให้ตรวจสอบตารางออกอากาศล่วงหน้า พร้อมทั้งติดตามอัปเดตจากผู้จัดหรือเวทีราชดำเนินโดยตรง เพื่อไม่พลาดคู่สำคัญและช่วงเวลาการชกที่อาจมีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยตามสถานการณ์หน้างาน

 

ชมถ่ายทอดสด ทุกคู่ทุกสนาม ให้ค่าน้ำไก่ชนที่ดีที่สุด ในเอเชียโปรแกรมไก่ชน