ค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 16 ตุลาคม 2568 ศึกเพชรยินดีหวนคืนสังเวียนเวทีมวยราชดำเนิน เวลา 18:00 น. ด้วยไลน์อัป 9 คู่สุดเข้มข้นที่ผสานทั้งความสดของดาวรุ่งและชั้นเชิงของนักสู้มากประสบการณ์ บทความนี้สรุปรายชื่อตามประกาศทางการ พร้อมผลชั่งน้ำหนักแบบละเอียด และวิเคราะห์แนวโน้มเกมต่อสู้เชิงยุทธวิธีในทุกคู่ เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมตั้งแต่บริบทของพิกัด ไปจนถึงปัจจัยตัดสินชัยชนะที่น่าจับตาในสังเวียนจริง
โปรแกรมมวย ศึกเพชรยินดี 16 ตุลาคม 2568 (เวทีมวยราชดำเนิน | 18:00 น.)
รายการแข่งขันและผลชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการ
ตลอดค่ำคืนนี้ เราจะได้เห็นความต่างของสรีระและการคุมพิกัดที่ส่งผลต่อกลยุทธ์อย่างชัดเจน หลายคู่มีตัวเลข “เกิน/ขาด” ซึ่งเกี่ยวพันโดยตรงกับสปีด ความอึด และแรงปะทะ เมื่อเชื่อมโยงกับสไตล์ถนัด เช่น วงในหนักหน่วงหรือวงนอกเนียนไหล จะทำให้รูปเกมสวิงได้ทุกยก ผู้ชนะจึงมักเป็นฝ่ายที่ “พาเกมไปอยู่ในแดนตัวเอง” และรักษาความมีวินัยทางแทคติกตลอดระยะเวลาการต่อสู้
คู่ที่ 1 เอกอาวุธ ส.จารุวรรณ vs มรกตเขียว ส.เรืองสวัสดิ์ (พิกัด 110 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | เอกอาวุธ ส.จารุวรรณ | 110 ปอนด์ | 110.6 (เกิน 0.6) | มรกตเขียว ส.เรืองสวัสดิ์ | 110 ปอนด์ | 112.7 (เกิน 2.7) |
ในเชิงตัวเลข มรกตเขียวเกินพิกัดมากกว่าเอกอาวุธอย่างชัดเจน ส่งผลให้แรงปะทะและความแน่นของร่างกายอาจโดดเด่น แต่ต้องแลกด้วยความเร็วและการฟื้นตัวในช่วงปลายยก ขณะที่เอกอาวุธเกินเพียงเล็กน้อย
น่าจะยังรักษาสปีด การชิ่งมุม และความแม่นของจังหวะสองได้ดีกว่า หากแดงยื้อเกมให้ไหลตามรีธึ่มของตนเอง แล้วอาศัยอาวุธยาวคุมจุดเสี่ยง มีโอกาสสะสมคะแนนคมชัดในสายตากรรมการ
ทางน้ำเงินควรใช้ความเหนือกว่าด้านพละกำลังบีบพื้นที่ตั้งแต่ต้น ลดพื้นที่วงนอกไม่ให้คู่แข่งเซ็ตสปีดเล่นแผนสบาย ๆ หากล็อกวงในและเพิ่มการปะทะซ้ำ ๆ ได้อย่างต่อเนื่อง จะบั่นทอนแรงขาและจังหวะวางแข้งของเอกอาวุธได้มาก เมื่อเข้าสู่ยกสามสู่สี่ ใครคุมศูนย์กลางเวทีและปล่อยหมัดเข่าศอกแบบมีน้ำหนักได้สม่ำเสมอ จะเป็นตัวแปรสำคัญของผลคะแนนปลายยก
คู่ที่ 2 พีระพัฒน์ ซีเค.มวยไทยยิม vs สิงห์อุบล ศิษย์อ๊อดพิบูลย์ (พิกัด 128 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
2 | พีระพัฒน์ ซีเค.มวยไทยยิม | 128 ปอนด์ | ตามพิกัด | สิงห์อุบล ศิษย์อ๊อดพิบูลย์ | 128 ปอนด์ | 128.9 (เกิน 0.9) |
พีระพัฒน์คุมพิกัดได้เนียน แปลว่าความฟิต ความเร็ว และการทรงตัวน่าจะทำงานได้เต็มที่ จุดแข็งคือการคุมระยะด้วยแข้งนำและแทงเข่าตัดจังหวะ ทำให้คู่ต่อสู้ต้องคิดก่อนเข้าปะทะเสมอ ตรงกันข้าม
สิงห์อุบลเกินเล็กน้อย ได้พลังปะทะเพิ่มขึ้น แต่ต้องจัดการจังหวะหายใจและฟุตเวิร์กให้ไม่หนืดในยกกลางและปลาย เพื่อไม่ให้เสียเปรียบความคล่องตัวของแดง
แผนของน้ำเงินควรเป็นการเร่งแรงในหน้าต่างเวลาที่คุมได้ เช่น ท้ายยกที่กรรมการจดจำง่าย ด้วยหมัดหนึ่ง–สองและศอกสวนเมื่อเข้าแลก ขณะเดียวกัน แดงต้องรักษาวินัยเกมรับ ไม่ยืนแลกในตำแหน่งเสียเหลี่ยม และหมุนมุมออกตลอด หากคุมโครงสร้างเกมได้เหมือนซ้อม โอกาสชนะคะแนนด้วยความสม่ำเสมอจะสูงมาก
คู่ที่ 3 ฉัตรเงินเล็ก ปานนิวัฒน์มวยไทย vs ทาเลนซิโอ้ เพชรยินดีอะคาเดมี่ (พิกัด 113 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
3 | ฉัตรเงินเล็ก ปานนิวัฒน์มวยไทย | 113 ปอนด์ | 116.7 (เกิน 3.7) | ทาเลนซิโอ้ เพชรยินดีอะคาเดมี่ | 113 ปอนด์ | 112.8 (ขาด 0.2) |
ผลชั่งสะท้อนภาพต่างขั้ว ฉัตรเงินเล็กเกินมาก ชี้ว่าแรงชนและการยืนปะทะประชิดจะน่าเกรงขาม หากได้บี้วงในต่อเนื่อง น้ำหนักหมัด–ศอกย่อมข่มความเบาของคู่แข่ง ส่วนทาเลนซิโอ้ขาดเล็กน้อย คาดหวังความเร็ว การเข้าถอนตัวฉับพลัน และการอ่านทางที่ไวกว่าเพื่อเลี่ยงคลื่นแรงชน เมื่อมองรวม คู่นี้คือการชนกันระหว่างพละกำลังดุดันกับงานเทคนิคสายสปีดเต็มรูปแบบ
กุญแจของน้ำเงินคืออย่าให้ถูกล็อกมุมหลังเชือก และต้อง “ชิงตัดเกม” ทุกครั้งที่แดงเริ่มตั้งเครื่องด้วยลูกถีบ–แข้งยาว–ฟุตเวิร์กสลัดวงใน ส่วนแดงต้องกดเพรสเร็วตั้งแต่กลางยกหนึ่ง ไม่ปล่อยให้เกมแตกเป็นช่วงสั้น ๆ ขาดความต่อเนื่อง หากใครรักษาโครงสร้างเกมได้ยาวกว่า โอกาสปิดบัญชีด้วยแต้มขาดมีสูง
คู่ที่ 4 เพชรส่องแสง เพชรเจริญวิทย์ vs กล้ารบ ภ.หลักบุญ (พิกัด 122 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
4 | เพชรส่องแสง เพชรเจริญวิทย์ | 122 ปอนด์ | 120.9 (ขาด 1.1) | กล้ารบ ภ.หลักบุญ | 122 ปอนด์ | 122.7 (เกิน 0.7) |
เพชรส่องแสงขาดพิกัดทำให้เบากว่า เลือกใช้ความไว การล่อหลอก และการเข้า–ออกที่คมจะเด่นชัด ขณะที่กล้ารบเกินเล็กน้อยมีแรงชนเพิ่ม เป็นงานบี้ที่โครงสร้างเกมมักเข้าทาง คู่นี้จึงเป็นการชิงพื้นที่ระหว่าง
“วงนอกเนียน” กับ “วงในดุดัน” หากใครลากเกมไปอยู่ในแดนถนัดได้สม่ำเสมอจะคุมคะแนนได้ตลอดยก
แดงต้องวางแข้งยาวตัดจังหวะ หลีกเลี่ยงการยอมปะทะตรงและรีเซ็ตรีธึ่มบ่อย ๆ ด้วยฟุตเวิร์กเฉียงมุม น้ำเงินควรคุมเส้นกลาง เร่งเพรสหลังถูกแตะยาว ไม่ปล่อยให้เกมสะดุด หากน้ำเงินปิดทางหนีและล็อกบอดีได้สำเร็จ ผลคะแนนจะโน้มเข้าใกล้ทันที แต่ถ้าถูกดึงออกข้างและโดนจิ้มสวนซ้ำ ๆ ภาพรวมจะหายไปอย่างเห็นได้ชัด
คู่ที่ 5 ลำน้ำโขง ว.วัฒนะสุพงษ์ vs เพชรเทวดา ส.บุญรักษ์ (พิกัด 135 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
5 | ลำน้ำโขง ว.วัฒนะสุพงษ์ | 135 ปอนด์ | ตามพิกัด | เพชรเทวดา ส.บุญรักษ์ | 135 ปอนด์ | 135.8 (เกิน 0.8) |
ลำน้ำโขงคุมพิกัดเนียน คาดหวังเกมครบเครื่อง เน้นความแม่นและการยืนระยะที่ไหลสวย ส่วนเพชรเทวดาเกินเล็กน้อย เพิ่มน้ำหนักปะทะและการยืนชนในวงใน คู่นี้จะชี้ชะตาตรงความละเอียดในจังหวะเข้าทำ
หากแดงไม่ปล่อยให้เกมติดเชือก และเลือกจังหวะสวนคมในตำแหน่งเด่นสายตา กรรมการจะเห็นภาพความเหนือกว่าชัดเจน
น้ำเงินต้องทำให้เกม “กลม” ด้วยการผสมหมัดสั้น–ศอก–เข่าให้ต่อเนื่อง ลดช่วงว่างหลังปล่อยคอมโบ และอย่าเสียตำแหน่งจนโดนโต้กลับใส ๆ ในโค้งท้าย ถ้ารักษาแรงเพรสได้ครบสามยกสำคัญ
โอกาสตีคะแนนสูสีและมีลุ้นแซงปลายยกยังเปิดกว้าง
คู่ที่ 6 บั้งไฟโก้ ทรายมูลสนุกเกอร์คลับ vs ขุนหาญ ดาบทิตบางรัก (พิกัด 104–105 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
6 | บั้งไฟโก้ ทรายมูลสนุกเกอร์คลับ | 104 ปอนด์ | ตามพิกัด | ขุนหาญ ดาบทิตบางรัก | 105 ปอนด์ | 106.4 (เกิน 1.4) |
บั้งไฟโก้ตามพิกัด สื่อถึงความสดและสปีดที่น่าจะฉายภาพชัดในยกต้น ๆ ด้านขุนหาญเกิน 1.4 ปอนด์ บอกว่ามีพลังปะทะมาก แต่ต้องระวังการหลุดรีธึ่มเมื่อเจอเกมเร็วและการตัดมุมซ้ำ ๆ หากน้ำเงินจับตัวแดงได้และบีบระยะประชิดตั้งแต่กลางยก เกมจะย้ายไปอยู่ในแดนถนัดทันที ตรงข้าม หากแดงรักษาระยะและเจาะเข้า–ออกแบบไม่ติดเชือก โอกาสคุมภาพรวมจะสูงมาก
ไม้ตายของแดงคืออย่าปล่อยให้คู่แข่งตั้งหลักสองจังหวะในวงใน ต้องรีเซ็ตเกมหลังปล่อยชุดทันทีด้วยการหมุนตัวและเปลี่ยนแกนโจมตี ขณะที่น้ำเงินต้องขยับเพรสสั้นถี่ ไม่เว้นช่องว่างให้โดนจิ้มสวน หากทำได้
รูปเกมจะกลายเป็นฝ่ายน้ำเงินที่ดันคะแนนขึ้นได้ต่อเนื่อง
คู่ที่ 7 เพชรนำโชค ป๋าโด๋อยุธยา vs เจเจ เทพภาคิน (พิกัด 119 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
7 | เพชรนำโชค ป๋าโด๋อยุธยา | 119 ปอนด์ | 120.1 (เกิน 1.1) | เจเจ เทพภาคิน | 119 ปอนด์ | ตามพิกัด |
เพชรนำโชคเกิน 1.1 ปอนด์ ย่อมมีแรงชนและการยืนบี้ที่หนักแน่นกว่า ส่วนเจเจตามพิกัด ได้ความฉับไว ฟุตเวิร์ก และการตั้งหลักที่สมดุลกว่าในช่วงยกท้าย คู่นี้เป็นโจทย์ของ “ความเร็วคุมเกม” ปะทะ “พละกำลังกดดัน” ซึ่งฝ่ายที่ทำให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะถนัดก่อน จะค่อย ๆ ครองโมเมนตัมและโกยคะแนนอย่างมั่นคง
แนวทางแดงคือเดินเพรสให้เกมช้า เน้นล็อกตัวและทำลายขาด้วยเตะตัด–แทงเข่าเป็นแพตเทิร์น น้ำเงินต้องหลอกจังหวะสองให้คู่แข่งเผลอถ่ายน้ำหนักผิด แล้วสวนชัดในตำแหน่งเด่นสายตา หากน้ำเงินรักษาวินัยเกมหนี–โต้ได้ตลอด ผลคะแนนจะสวยงาม ขณะที่หากแดงปิดทางหนีและบี้ไม่หยุด โอกาสพลิกลากยาวก็เกิดขึ้นได้ทันที
คู่ที่ 8 รักประมวล หจก.กุ๊ปกุ๊ปสุทธิ vs มาลัยทอง นุ้ยสี่มุมเมือง (พิกัด 118 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
8 | รักประมวล หจก.กุ๊ปกุ๊ปสุทธิ | 118 ปอนด์ | 118.7 (เกิน 0.7) | มาลัยทอง นุ้ยสี่มุมเมือง | 118 ปอนด์ | 119.6 (เกิน 1.6) |
ทั้งสองฝ่ายต่างเกินพิกัด รักประมวลเกิน 0.7 ปอนด์ ส่วนมาลัยทองเกิน 1.6 ปอนด์ จึงคาดหวังเกมที่มีแรงปะทะค่อนข้างสูง แต่อาจแลกด้วยความเร็วและอัตราฟื้นตัว การแบ่งแรงและการจัดจังหวะเข้าทำจึงสำคัญมาก หากฝ่ายใดเร่งติดต่อกันยาวเกินไปโดยไม่พัก รีจึ่มจะหลุดและเปิดช่องให้ถูกตีกลับด้วยคอมโบคม ๆ
แผนแดงควรจัดจังหวะ “เข้า–พัก–เข้า” ให้สมดุล ใช้หมัดหนึ่ง–สองเซ็ตทางก่อนค่อยยัดเข่า น้ำเงินต้องไม่ปล่อยให้เกมช้าจนเสียโครง ใช้การบุกสั้นถี่และบังคับให้เกิดการปะทะในจุดที่ตัวเองได้เปรียบ หากใครคุมพลังงานและไม่เสียตำแหน่งหลังปล่อยชุดได้ดีกว่า มักเป็นผู้ชนะคะแนนแบบชัดเจน
คู่ที่ 9 เพชรชลธาร ก.อดิศักดิ์ vs เพชรรุ่งเรือง ส.จารุวรรณ (พิกัด 132 ปอนด์)
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
9 | เพชรชลธาร ก.อดิศักดิ์ | 132 ปอนด์ | 132.5 (เกิน 0.5) | เพชรรุ่งเรือง ส.จารุวรรณ | 132 ปอนด์ | 133.5 (เกิน 1.5) |
คู่ปิดรายการมักเป็นไฟต์ชั้นเชิงสูง เพชรชลธารเกิน 0.5 ปอนด์ เพิ่มแรงชนเล็กน้อย ส่วนเพชรรุ่งเรืองเกิน 1.5 ปอนด์ ให้พลังปะทะมากขึ้น แต่ต้องคุมสปีดไม่ให้ตก คู่นี้ “ความนิ่งและสมาธิ” สำคัญยิ่ง
การวางหมัด–ศอกในจังหวะสวนและการขยับตัวหลบถูกจุด จะทำให้ภาพรวมของคะแนนแตกต่างกันชัดเจนในสายตากรรมการ
ทางแดงควรเล่นละเอียด รักษารูปทรงและไม่ยืนแลกในจังหวะเสียเหลี่ยม น้ำเงินต้องกดดันแต่พอเหมาะ ไม่บ้าพลังจนโดนดึงออกข้างแล้วสวนนำกลับ หากน้ำเงินทำให้เกมอยู่ในพื้นที่แคบ
และเพิ่มอัตราการปะทะได้อย่างมีวินัย โอกาสพลิกผลคะแนนช่วงยกสี่ถึงห้ายังเปิดอยู่เสมอ
บทสรุป & ช่องทางติดตาม
ศึกเพชรยินดีค่ำคืนนี้ที่เวทีมวยราชดำเนินพาเรากลับสู่แก่นแท้ของศิลปะแม่ไม้มวยไทยอย่างครบเครื่อง ตั้งแต่คู่เปิดที่ต่างพิกัดชัดเจน ไปจนถึงคู่ปิดที่ใช้ชั้นเชิงและวินัยเกมเป็นตัวตัดสิน ผู้ชนะจะไม่ใช่เพียงผู้ที่แรงกว่า
แต่คือผู้ที่ “คิดไว ใช้ทรัพยากรร่างกายอย่างมีแบบแผน และรักษาโครงสร้างเกมได้ยาวที่สุด” แนะนำให้แฟนมวยตรวจสอบช่องถ่ายทอดสดและเพจรายงานผลยกต่อยกของผู้จัด เพื่อไม่พลาดทุกโมเมนต์สำคัญและการอัปเดตสกอร์สดที่ส่งผลต่ออารมณ์เกมในแต่ละยก
ชมถ่ายทอดสด ทุกคู่ทุกสนาม ให้ค่าน้ำไก่ชนที่ดีที่สุด ในเอเชีย