ศึกเพชรยินดี คือหนึ่งในเวทีมวยที่ได้รับการยอมรับและได้รับความนิยมสูงสุดในประเทศไทย การแข่งขันครั้งนี้มีทั้งหมด 9 คู่ แต่ละคู่ล้วนเต็มไปด้วยความเข้มข้น นักมวยจากหลายค่ายดังเข้าร่วมประชันฝีมือ โดยจุดเด่นของศึกครั้งนี้คือการชั่งน้ำหนักก่อนการแข่งขัน ซึ่งถือเป็นขั้นตอนสำคัญในการประเมินความพร้อมของร่างกาย บทความนี้จะนำเสนอผลการชั่งน้ำหนักของแต่ละคู่ พร้อมการวิเคราะห์อย่างละเอียด เพื่อให้แฟนมวยได้เห็นภาพรวมของศึกครั้งนี้อย่างชัดเจน
มวยวันนี้ ศึกเพชรยินดี 28/08/68
โปรแกรมการแข่งขันศึกเพชรยินดี
วันพฤหัสบดีที่ 28 สิงหาคม 2568
ณ เวทีมวยราชดำเนิน เวลา 18.00 น.
อัพเดตข่าวสาร ตารางมวย พร้อมลิ้งก์ดูมวยสด ที่นี่
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | จิรวัฒน์ ส. ราชภูมิ | 109 ปอนด์ | 109.1 (เกิน 0.1) | เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี่ | 109 ปอนด์ | 111.9 (เกิน 2.9) |
2 | เพชรสีแดง ศิษย์เจริญทรัพย์ | 110 ปอนด์ | 111.2 (เกิน 1.2) | พลายทองคำ แอ็ดสันป่าตอง | 110 ปอนด์ | 111.2 (เกิน 1.2) |
3 | เพชรเอก เกียรติจำรูญ | 112 ปอนด์ | 112.7 (เกิน 0.7) | พลอยขาว เจพี. พาวเวอร์ | 112 ปอนด์ | 112.5 (เกิน 0.5) |
4 | เพชรนำโชค ป๋าโด๋อยุธยา | 122 ปอนด์ | 122.5 (เกิน 0.5) | สายเลือด ไฟท์เตอร์มวยไทย | 122 ปอนด์ | 122.4 (เกิน 0.4) |
5 | ปรรบศึก ศิษย์แก้วประพล | 132 ปอนด์ | 134.3 (เกิน 2.3) | กฤษดา แดงรถดี | 132 ปอนด์ | ตามพิกัด |
6 | สิงห์สุราษฎร์ อ. อู๊ดอุดร | 107 ปอนด์ | ตามพิกัด | ขุนหาญ ดาบทิตบางรัก | 107 ปอนด์ | 107.6 (เกิน 0.6) |
7 | ยอดกล้า พ. วิเศษยิม | 116 ปอนด์ | 116.2 (เกิน 0.2) | สุดหล่อ ส.จารุวรรณ | 116 ปอนด์ | 118.3 (เกิน 2.3) |
8 | สมิงแดง วันของโอม WKO | 126 ปอนด์ | 127.7 (เกิน 1.7) | เฉียบขาด ป. พงษ์สว่าง | 126 ปอนด์ | 126.1 (เกิน 0.1) |
9 | ธีรพงศ์ ดาบทิตบางรัก | 119 ปอนด์ | 120.7 (เกิน 1.7) | กัปตันทีม แอ็ดสันป่าตอง | 119 ปอนด์ | 119.3 (เกิน 0.3) |
คู่ที่ 1 : จิรวัฒน์ ส. ราชภูมิ vs เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี่
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 จิรวัฒน์ ส. ราชภูมิ พิกัด 109 ปอนด์ ชั่งได้ 109.1 เกิน 0.1 ปอนด์
-
🔵 เพชรดำ เพชรยินดีอะคาเดมี่ พิกัด 109 ปอนด์ ชั่งได้ 111.9 เกิน 2.9 ปอนด์
วิเคราะห์
คู่นี้ฝ่ายแดงอย่างจิรวัฒน์มีน้ำหนักเกินเล็กน้อยเพียง 0.1 ปอนด์ ขณะที่ฝ่ายน้ำเงินเพชรดำเกินมากถึง 2.9 ปอนด์ ทำให้เกิดความต่างที่อาจส่งผลต่อความแข็งแกร่งและพละกำลังในเวทีจริง อย่างไรก็ตาม การเกินน้ำหนักมากเกินไปอาจส่งผลต่อความเร็วและการออกอาวุธที่ช้าลง เกมนี้จึงน่าจับตาว่าเพชรดำจะใช้พลังร่างกายเข้าชนหรือจิรวัฒน์จะใช้ความเร็วเป็นตัวสร้างความได้เปรียบ
คู่ที่ 2 : เพชรสีแดง ศิษย์เจริญทรัพย์ vs พลายทองคำ แอ็ดสันป่าตอง
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 เพชรสีแดง ศิษย์เจริญทรัพย์ พิกัด 110 ปอนด์ ชั่งได้ 111.2 เกิน 1.2 ปอนด์
-
🔵 พลายทองคำ แอ็ดสันป่าตอง พิกัด 110 ปอนด์ ชั่งได้ 111.2 เกิน 1.2 ปอนด์
วิเคราะห์
ทั้งสองนักมวยต่างก็เกินพิกัดเท่ากันที่ 1.2 ปอนด์ ถือว่าเป็นคู่ที่สมดุลอย่างมาก และทำให้ไม่เกิดความเสียเปรียบในเรื่องน้ำหนัก การแข่งขันครั้งนี้จึงน่าจะขึ้นอยู่กับทักษะ เทคนิค และการวางแผนการชกเป็นหลัก แฟนมวยคาดว่าจะได้เห็นการแลกหมัดที่สูสีและยากต่อการคาดเดาผลแพ้ชนะ
คู่ที่ 3 : เพชรเอก เกียรติจำรูญ vs พลอยขาว เจพี. พาวเวอร์
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 เพชรเอก เกียรติจำรูญ พิกัด 112 ปอนด์ ชั่งได้ 112.7 เกิน 0.7 ปอนด์
-
🔵 พลอยขาว เจพี. พาวเวอร์ พิกัด 112 ปอนด์ ชั่งได้ 112.5 เกิน 0.5 ปอนด์
วิเคราะห์
คู่นี้ทั้งสองฝ่ายมีน้ำหนักเกินเล็กน้อย โดยเพชรเอกเกิน 0.7 ปอนด์ ส่วนพลอยขาวเกิน 0.5 ปอนด์ ถือว่ามีความใกล้เคียงกันมาก การชั่งน้ำหนักแบบนี้มักบ่งบอกถึงการเตรียมตัวที่ดี แต่ยังต้องรอดูว่าใครจะสามารถฟื้นสภาพร่างกายได้ดีกว่าก่อนขึ้นเวทีจริง
คู่ที่ 4 : เพชรนำโชค ป๋าโด๋อยุธยา vs สายเลือด ไฟท์เตอร์มวยไทย
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 เพชรนำโชค ป๋าโด๋อยุธยา พิกัด 122 ปอนด์ ชั่งได้ 122.5 เกิน 0.5 ปอนด์
-
🔵 สายเลือด ไฟท์เตอร์มวยไทย พิกัด 122 ปอนด์ ชั่งได้ 122.4 เกิน 0.4 ปอนด์
วิเคราะห์
ทั้งสองฝ่ายเกินพิกัดใกล้เคียงกัน ความแตกต่างเพียงเล็กน้อยไม่ส่งผลชัดเจนต่อความได้เปรียบเสียเปรียบ การแข่งขันจริงจะขึ้นอยู่กับฝีมือและสไตล์การชกเป็นหลัก นับเป็นอีกคู่ที่น่าลุ้นเพราะนักมวยทั้งสองมีชื่อเสียงและแฟนคลับคอยติดตาม
คู่ที่ 5 : ปรรบศึก ศิษย์แก้วประพล vs กฤษดา แดงรถดี
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 ปรรบศึก ศิษย์แก้วประพล พิกัด 132 ปอนด์ ชั่งได้ 134.3 เกิน 2.3 ปอนด์
-
🔵 กฤษดา แดงรถดี พิกัด 132 ปอนด์ ชั่งได้ตามพิกัด
วิเคราะห์
ปรรบศึกมีน้ำหนักเกินมากถึง 2.3 ปอนด์ ขณะที่กฤษดาสามารถควบคุมน้ำหนักได้ตามพิกัดพอดี ทำให้ฝ่ายน้ำเงินดูได้เปรียบในเชิงความฟิตและความแม่นยำในการเตรียมตัว แต่ในอีกมุมหนึ่ง ปรรบศึกอาจใช้พละกำลังที่มากกว่าเข้าต่อสู้ เกมนี้จึงถือว่าน่าดูอย่างยิ่ง
คู่ที่ 6 : สิงห์สุราษฎร์ อ. อู๊ดอุดร vs ขุนหาญ ดาบทิตบางรัก
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 สิงห์สุราษฎร์ อ. อู๊ดอุดร พิกัด 107 ปอนด์ ชั่งได้ตรงตามพิกัด
-
🔵 ขุนหาญ ดาบทิตบางรัก พิกัด 107 ปอนด์ ชั่งได้ 107.6 เกิน 0.6 ปอนด์
วิเคราะห์
สิงห์สุราษฎร์ทำผลงานได้ดีเยี่ยมในการชั่งน้ำหนักตรงตามพิกัด ขณะที่ขุนหาญเกินไปเล็กน้อย 0.6 ปอนด์ แต่ก็ยังอยู่ในเกณฑ์ที่ไม่ห่างมาก การแข่งขันครั้งนี้อาจต้องวัดกันที่ความเร็วและไหวพริบในการชกมากกว่าพละกำลัง
คู่ที่ 7 : ยอดกล้า พ. วิเศษยิม vs สุดหล่อ ส.จารุวรรณ
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 ยอดกล้า พ. วิเศษยิม พิกัด 116 ปอนด์ ชั่งได้ 116.2 เกิน 0.2 ปอนด์
-
🔵 สุดหล่อ ส.จารุวรรณ พิกัด 116 ปอนด์ ชั่งได้ 118.3 เกิน 2.3 ปอนด์
วิเคราะห์
ยอดกล้าเกินพิกัดเล็กน้อยเพียง 0.2 ปอนด์ ขณะที่สุดหล่อเกินมากถึง 2.3 ปอนด์ ความต่างนี้อาจส่งผลให้ยอดกล้ามีความได้เปรียบเรื่องความคล่องตัว ส่วนสุดหล่ออาจได้เปรียบด้านพละกำลัง เกมนี้จึงน่าสนใจว่าจะเป็นการปะทะกันของความเร็วกับพลังเต็มรูปแบบ
คู่ที่ 8 : สมิงแดง วันของโอม WKO vs เฉียบขาด ป. พงษ์สว่าง
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 สมิงแดง วันของโอม WKO พิกัด 126 ปอนด์ ชั่งได้ 127.7 เกิน 1.7 ปอนด์
-
🔵 เฉียบขาด ป. พงษ์สว่าง พิกัด 126 ปอนด์ ชั่งได้ 126.1 เกิน 0.1 ปอนด์
วิเคราะห์
สมิงแดงเกินน้ำหนักค่อนข้างมาก ขณะที่เฉียบขาดเกินเล็กน้อยเพียง 0.1 ปอนด์ เกมนี้จึงอาจเห็นความแตกต่างด้านสภาพร่างกาย แต่ก็ยังคงน่าจับตาว่าใครจะสามารถใช้จังหวะและกลยุทธ์เอาชนะได้
คู่ที่ 9 : ธีรพงศ์ ดาบทิตบางรัก vs กัปตันทีม แอ็ดสันป่าตอง
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 ธีรพงศ์ ดาบทิตบางรัก พิกัด 119 ปอนด์ ชั่งได้ 120.7 เกิน 1.7 ปอนด์
-
🔵 กัปตันทีม แอ็ดสันป่าตอง พิกัด 119 ปอนด์ ชั่งได้ 119.3 เกิน 0.3 ปอนด์
วิเคราะห์
คู่นี้ธีรพงศ์มีน้ำหนักเกินถึง 1.7 ปอนด์ ขณะที่กัปตันทีมเกินเพียง 0.3 ปอนด์ ความแตกต่างตรงนี้อาจทำให้ธีรพงศ์มีพลังมากกว่า แต่กัปตันทีมจะได้เปรียบเรื่องความเร็วและการออกอาวุธที่ฉับไว แฟนมวยรอชมได้เลยว่าใครจะคว้าโอกาสเหนือกว่าในสังเวียนจริง
สรุปภาพรวมของศึกเพชรยินดี
ศึกเพชรยินดี ในครั้งนี้สะท้อนให้เห็นถึงความเข้มข้นของการเตรียมตัวนักมวย เพราะหลายคู่มีการเกินหรือต่ำกว่าพิกัดเล็กน้อย ซึ่งเป็นเรื่องปกติในกีฬามวยไทย แต่สิ่งที่แฟนมวยรอคอยคือการชกจริงบนเวทีที่ทุกคนต้องใช้ทั้งพละกำลัง ไหวพริบ และเทคนิคเพื่อคว้าชัยชนะ แต่ละคู่มีความสมดุลและความน่าสนใจแตกต่างกันไป ทำให้ ศึกเพชรยินดี ครั้งนี้เต็มไปด้วยความตื่นเต้นและคุ้มค่าที่จะติดตามชม