ศึกมวยไทยเกียรติเพชร เอสเคเอส กลับมาสร้างความคึกคักให้วงการมวยไทยในบ่ายวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 ที่เวทีสยาม อ้อมน้อย ด้วยไฟต์การ์ดคัดพิเศษ 5 คู่เน้นความสูสีและคุณภาพครบเครื่อง ทั้งเชิงรุกเชิงรับ เกมวงนอกและวงใน ตลอดจนลูกศอกลูกเข่าที่เป็นเอกลักษณ์ของมวยไทยแท้ โดยกำหนดการแข่งขันเริ่มต้นในเวลา 14:30 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่ร่างกายต้องปรับสภาพให้พร้อมอย่างละเอียด ผู้ชมนอกจากจะได้รับความมันบนสังเวียน ยังได้เห็นความเข้มงวดของวินัยการคุมน้ำหนักจากผลชั่งก่อนขึ้นชกจริง ซึ่งล้วนมีผลต่อแผนการต่อสู้และการตัดสินใจเลือกจังหวะออกอาวุธในแต่ละยกอย่างชัดเจน

โปรแกรมมวย ศึกมวยไทยเกียรติเพชรSKS วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 14:30 น.

โปรแกรมมวย “ศึกมวยไทยเกียรติเพชร เอสเคเอส” วันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 14:30 น. ณ เวทีสยาม อ้อมน้อย

ข้อมูลภาพรวมรายการ

รายการในครั้งนี้จัดวางลำดับคู่ชกให้ไล่ระดับความเข้มข้น โดยเริ่มจากคู่ยกแรกที่เน้นสปีดและจังหวะสอง ไปจนถึงคู่กลางรายการที่วัดกันด้วยแรงปะทะและลูกขยันจากการเดินหน้า ก่อนปิดรายการด้วยคู่ที่เน้นความแม่นยำและความแกร่งในเชิงแท็กติก ทั้งนี้ เวทีสยาม อ้อมน้อยถือเป็นสนามที่เปิดพื้นที่สำหรับมวยที่ชอบงานปล้ำตีเนื่องจากระยะเวทีค่อนข้างกะทัดรัด ส่งผลให้นักมวยที่ฟิตจัดและมีแรงกดดันต่อเนื่องมักทำคะแนนได้เด่น หากแต่ฝั่งที่เป็นมวยฝีมือก็ยังมีโอกาสสร้างความได้เปรียบจากการคุมจังหวะ สลับคีพลมหายใจ และแทงอาวุธสะอาดในระยะที่เหมาะสมได้เสมอ

วัน–เวลาแข่งขันและลำดับการดำเนินรายการ

การแข่งขันกำหนดเริ่มชกเวลา 14:30 น. โดยทีมงานมีการจัดลำดับการเดินของคู่ชกอย่างมีระบบ เพื่อช่วยให้ผู้ชมวางแผนรับชมได้ลื่นไหล ครบทั้งห้ายกของแต่ละคู่โดยไม่เกิดช่องว่างมากเกินไป การบริหารเวลาเป็นเรื่องสำคัญในรายการบ่าย เพราะภาวะอากาศและอุณหภูมิอาจมีผลต่อการเผาผลาญพลังงานของนักมวย ทำให้ต้องคุมวอร์มอัพและภาวะจิตใจให้สมดุลเพื่อรักษาความคมของอาวุธตลอดทั้งห้ายก นอกจากนี้ ทีมพยาบาลและคณะกรรมการถูกเตรียมพร้อมเต็มกำลังเพื่อความปลอดภัยและความยุติธรรมของการแข่งขันในทุกจังหวะสำคัญ

ตารางสรุป และผลชั่งน้ำหนัก

ด้านล่างคือตารางรวมไฟต์การ์ดพร้อมผลชั่งน้ำหนักของทั้งสิบมุม ช่วยให้ผู้อ่านเห็นภาพรวมได้ในครั้งเดียว ตั้งแต่พิกัดมาตรฐานของแต่ละคู่ น้ำหนักที่ชั่งได้จริงของมุมแดงและมุมน้ำเงิน ตลอดจนสถานะน้ำหนักว่า “ตามพิกัด”, “ขาด”, หรือ “ลด” มากน้อยเพียงใด ซึ่งจะถูกนำไปวิเคราะห์ต่อในรายละเอียดรายคู่ เพื่อชี้ให้เห็นผลกระทบต่อแผนเกมและจุดชี้ขาดที่ควรจับตาเป็นพิเศษในแต่ละยก

คู่ แดง น้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้แดง ชั่งได้น้ำเงิน สถานะน้ำหนัก (แดง/น้ำเงิน) หมายเหตุ
1 ซุปเปอร์บอส กระเป๋าลิงกี้ เพชรอาวุธ กิ๊กพระราม7 102 101.6 101.8 ขาด 0.4 / ขาด 0.2
2 แสนศึก ส.ราชภูมิ นิวเคลียร์ ส.สุภัทโท 104 103.6 104.8 ขาด 0.4 / ลด 0.8
3 ยอดอัจฉริยะ ท็อปแฟรี่ยิม เดชญฤทธิ์ ส.เดชดำรงค์ 102 101.4 102.4 ขาด 0.6 / ลด 0.4
4 ปราบดา แอ๊ดสันป่าตอง ชามะนาว ม.ราชภัฏอุบล 132 132.0 133.0 ตามพิกัด / ลด 1.0
5 ยอดเพทาย อ.เบญจมาศ เพชรกระนวน ศิษย์ราชสีห์ 100 99.6 100.0 ขาด 0.4 / ตามพิกัด

คู่ที่ 1 – ซุปเปอร์บอส กระเป๋าลิงกี้ vs เพชรอาวุธ กิ๊กพระราม7 (พิกัด 102 ปอนด์)

ฝ่าย ชื่อนักมวย พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ (ปอนด์) สถานะน้ำหนัก หมายเหตุเชิงแท็กติก
🔴 แดง ซุปเปอร์บอส กระเป๋าลิงกี้ 102 101.6 ขาด 0.4 สปีดต้นดี เน้นฉีกจังหวะสองและเข้า–ออกไว
🔵 น้ำเงิน เพชรอาวุธ กิ๊กพระราม7 102 101.8 ขาด 0.2 ตั้งการ์ดแน่น ดักถีบ–แข้งคุมรีจจ์ ต่อยสวนจังหวะ

ยกเปิดรายการมักเน้นความเร็วและการวัดความฟิตแบบกดดันตั้งแต่วินาทีแรก ซุปเปอร์บอสเป็นมวยที่มีจังหวะสองเด่น ใช้การโยกส่ายและถีบสั้นเพื่อดึงจังหวะคู่แข่งให้เสียหลักก่อนวางแข้งหรือบันไดสองด้วยหมัดตรง จุดสังเกตคือการชั่งขาด 0.4 ปอนด์ ซึ่งช่วยให้เคลื่อนที่คล่องตัวและยืนระยะสไตล์เข้าถอยได้ดีขึ้น หากสามารถรักษาระยะกลางและคุมจังหวะด้วยการถีบทำลายการบุกของเพชรอาวุธตั้งแต่ต้นยก โอกาสตุนคะแนนสะอาดจะมีสูง โดยเฉพาะการสลับโจมตีลำตัวเพื่อบั่นทอนแรงในช่วงท้ายยกที่รีเฟล็กซ์เริ่มตกลง

ด้านเพชรอาวุธแม้ชั่งขาดเพียง 0.2 ปอนด์ แต่ชื่อชั้นบ่งบอกถึงความเป็นมวยครบเครื่องที่วางหมากได้รัดกุม จุดแข็งอยู่ที่การตั้งการ์ดแน่น อ่านเกมและดักสวนชัดเจน หากเร่งเดินเข้าหาด้วยหมัดหนึ่ง–สองบังหน้าและจังหวะถีบไล่ต้อนคู่ต่อสู้จนชิดเชือก จะเปิดทางสู่เกมวงในที่สามารถแทงเข่าและกดคอให้เกิดความเสียเปรียบทางสมดุลได้ การจัดการกับสปีดของซุปเปอร์บอสคือกุญแจสำคัญ หากทำให้คู่แข่งต้องออกอาวุธช้าไปครึ่งจังหวะด้วยการหลอกสเต็ปและขู่ศอกสั้นในจังหวะประชิด การเปลี่ยนโมเมนตัมยกสามสี่อาจเกิดขึ้นอย่างเห็นได้ชัด


คู่ที่ 2 – แสนศึก ส.ราชภูมิ vs นิวเคลียร์ ส.สุภัทโท (พิกัด 104 ปอนด์)

ฝ่าย ชื่อนักมวย พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ (ปอนด์) สถานะน้ำหนัก หมายเหตุเชิงแท็กติก
🔴 แดง แสนศึก ส.ราชภูมิ 104 103.6 ขาด 0.4 เกมรับเหนียว เน้นคอมโบถีบ–แข้ง–หมัดสวน
🔵 น้ำเงิน นิวเคลียร์ ส.สุภัทโท 104 104.8 ลด 0.8 แรงปะทะหนา จังหวะเดินบดกดพื้นที่ เวิร์คในคลินช์

คู่ที่สองเป็นการปะทะกันของสไตล์ที่ต่างขั้ว แสนศึกเป็นมวยที่ใช้ความฉลาดในการยืนตำแหน่งและรอจังหวะสอง สอดแทรกด้วยถีบหน้า–ถีบล่างเพื่อตัดสปีด แล้ววางแข้งเนียนเก็บคะแนน เมื่อชั่งขาดเล็กน้อย 0.4 ปอนด์ จึงมีความคล่องตัวในการถอย–เข้า–ออกที่ลื่นไหล เหมาะแก่การบริหารระยะในเวทีอ้อมน้อยที่พื้นที่กระชับ อย่างไรก็ตาม ต้องระวังแรงกดดันจากนิวเคลียร์ที่แม้ต้องลดน้ำหนัก 0.8 ปอนด์แต่ยังคงมีแรงปะทะและความหนาของอาวุธครบเครื่อง หากยอมให้ถูกต้อนจนชิดเชือกหรือโดนล็อกคอในคลินช์บ่อยครั้ง เกมอาจไหลไปทางน้ำเงินทันที

ฝั่งนิวเคลียร์คือมวยบู๊ที่เดินแบบมีชั้นเชิง สามารถจัดคอมโบหมัดชุดตัดลำตัวแล้วพาเข้าสู่วงในใช้เข่าและคอทับเพื่อกินแรง การลดน้ำหนัก 0.8 ปอนด์ต้องบริหารพลังให้พอดี หากเร่งเกินไปในยกแรกสองอาจเกิดภาวะล้าในยกสี่ห้า ดังนั้นจังหวะการเร่งที่เหมาะสมคือหลังอ่านจุดหลุดของแสนศึกได้แล้วค่อยเร่งบี้ต่อเนื่อง การยึดกลางเวทีและป้องกันไม่ให้คู่ต่อสู้หมุนหนีมุมได้ง่ายคือหัวใจหลัก หากทำได้ คะแนนจากช็อตมีเนื้อมีหนังและการกดเกมจะเด่นชัดในสายตากรรมการ


คู่ที่ 3 – ยอดอัจฉริยะ ท็อปแฟรี่ยิม vs เดชญฤทธิ์ ส.เดชดำรงค์ (พิกัด 102 ปอนด์)

ฝ่าย ชื่อนักมวย พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ (ปอนด์) สถานะน้ำหนัก หมายเหตุเชิงแท็กติก
🔴 แดง ยอดอัจฉริยะ ท็อปแฟรี่ยิม 102 101.4 ขาด 0.6 ชั้นเชิงแพรวพราว สปีดปลายดี วางแข้งสะอาด
🔵 น้ำเงิน เดชญฤทธิ์ ส.เดชดำรงค์ 102 102.4 ลด 0.4 แรงชนหนา วงในแน่น ใช้หมัดเปิดทางเข้าคลินช์

คู่นี้คือการทดสอบความนิ่งและวิธีรับแรงกดดันของทั้งสองมุม ยอดอัจฉริยะเป็นมวยจังหวะสองที่มีลูกล่อลูกชนครบมือ ใช้การโยกตัวและซอยเทาเพื่อแยกจังหวะคู่ต่อสู้ก่อนวางแข้งหรือแทงเข่า หากรักษาระยะกลางและไม่ยอมถูกปะทะตรงๆ จะสร้างมูลค่าคะแนนด้วยอาวุธสะอาดได้ต่อเนื่อง การชั่งขาด 0.6 ปอนด์แม้ทำให้แรงปะทะด้อยกว่าน้ำเงินเล็กน้อย แต่ข้อดีคือความพลิ้วซึ่งสามารถใช้เพื่อเผ่นหลบศอกและตีวงหนีมุมได้ดี ทว่าต้องระวังอย่าให้ถูกหักเหลี่ยมแล้วเสียหลัก เพราะจะทำให้เดชญฤทธิ์ปักหลักบี้ต่อทันที

เดชญฤทธิ์ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและการเข้าคลินช์ที่คม เขามักใช้หมัดหนึ่งสองเปิดประตูแล้วกดคอแทงเข่าจนคู่ชกยุบ ทำให้การ “ลด” น้ำหนัก 0.4 ปอนด์ต้องวางแผนการใช้พลังอย่างชาญฉลาด โดยเฉพาะช่วงยกสามสี่ที่จะเป็นจุดเร่งเพื่อชิงภาพเกม หากสามารถตรึงยอดอัจฉริยะให้อยู่ในระยะประชิดแบบต่อเนื่องและป้องกันไม่ให้หลุดออกด้านข้าง การสะสมการบาดเจ็บเชิงสะสมจะเห็นผลชัด ยกห้าจึงเป็นช่วงปิดบัญชีด้วยการกดเชือกหรือเดินบี้เพื่อให้กรรมการเห็นความชัดเจนของเกมรุก

คู่ที่ 4 – ปราบดา แอ๊ดสันป่าตอง vs ชามะนาว ม.ราชภัฏอุบล (พิกัด 132 ปอนด์)

ฝ่าย ชื่อนักมวย พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ (ปอนด์) สถานะน้ำหนัก หมายเหตุเชิงแท็กติก
🔴 แดง ปราบดา แอ๊ดสันป่าตอง 132 132.0 ตามพิกัด บาลานซ์ดี รัดกุม วางแข้ง–ศอกแม่นในระยะก้ำกึ่ง
🔵 น้ำเงิน ชามะนาว ม.ราชภัฏอุบล 132 133.0 ลด 1.0 แรงปะทะสูง เดินบดใช้ลำตัวชนและเข่าต่อเนื่อง

คู่รองเอกในพิกัด 132 ปอนด์จัดว่าเข้มข้นเพราะเป็นรุ่นที่แรงชนชัดและมีโอกาสเกิดช็อตหักเหเกมได้ทุกยก ปราบดาเป็นมวยที่ครบเครื่อง มีวินัยการ์ดมือและเท้าสูง เน้นความแม่นของแข้งและศอกในจังหวะสั้นๆ เมื่อชั่งได้ตามพิกัด ทำให้ไม่เสียทั้งความเร็วและแรงปะทะ เหมาะแก่การคุมระยะก้ำกึ่งและเลือกแลกเฉพาะจังหวะที่ตัวเองได้เปรียบ ความนิ่งและสายตาที่อ่านฟุตเวิร์กคู่แข่งคืออาวุธลับ หากไม่เปิดพื้นที่ให้โดนบี้ติดตัว จะทำให้จังหวะออกอาวุธของชามะนาวขาดความต่อเนื่องลงอย่างเห็นได้ชัด

ด้านชามะนาวต้อง “ลด” น้ำหนักถึง 1 ปอนด์ซึ่งถือว่าไม่มากแต่มีผลต่อการบริหารพลังในยกหลัง จุดแข็งของชามะนาวคือการเดินบดไม่รู้ถอย ใช้ลำตัวชนและเข่าคล้องทำลายสมดุล โดยมีหมัดบังหน้าเป็นตัวค้ำคอเพื่อเปิดช่องทางเข้าสู่คลินช์ หากสามารถยึดกลางเวทีและทำให้ปราบดาต้องถอยหลังอยู่เรื่อย ๆ จะทำให้ภาพเกมรุกโดดเด่นในสายตากรรมการ อย่างไรก็ตามต้องระวังจังหวะศอกสวนของปราบดาที่ขึ้นชื่อเรื่องความคม ถ้าถูกตัดเลือดหรือเสียหลักจากศอกย้อน เกมอาจพลิกทันที ดังนั้นการป้องกันตัวและการ์ดกลับหลังออกอาวุธจึงเป็นรายละเอียดที่ห้ามหลุด

คู่ที่ 5 – ยอดเพทาย อ.เบญจมาศ vs เพชรกระนวน ศิษย์ราชสีห์ (พิกัด 100 ปอนด์)

ฝ่าย ชื่อนักมวย พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ (ปอนด์) สถานะน้ำหนัก หมายเหตุเชิงแท็กติก
🔴 แดง ยอดเพทาย อ.เบญจมาศ 100 99.6 ขาด 0.4 สปีดจัด จังหวะสองไว เน้นสะสมคะแนนสะอาด
🔵 น้ำเงิน เพชรกระนวน ศิษย์ราชสีห์ 100 100.0 ตามพิกัด ยืนระยะดี เดินบี้มีวินัย อาวุธหนักแน่น

คู่ปิดรายการออกแบบมาเพื่อย้ำความมันในช่วงท้าย ยอดเพทายเป็นมวยที่มีสปีดเท้าและการฉีกจังหวะโดดเด่น การชั่งขาด 0.4 ปอนด์ยิ่งทำให้คล่องตัวและเล่นงานด้วยแข้ง–หมัดที่คมในระยะสั้น–กลาง หากสามารถรักษาระยะและคุมจังหวะเข้าทำได้ก่อนเสี้ยวจังหวะ จะเก็บคะแนนสะอาดได้เรื่อย ๆ โดยเฉพาะการหลอกทิศทางแล้วสับศอกสั้นซึ่งมักสร้างความชุลมุนให้คู่ต่อสู้ อย่างไรก็ตาม จุดอ่อนคือเมื่อถูกจับจังหวะได้แล้วถูกบี้ติดเชือก ความหนาของแรงปะทะอาจสู้เพชรกระนวนไม่ได้ จึงต้องใช้ไหวพริบหลบ 45 องศาและหมุนออกด้านข้างเพื่อตัดเกมอย่างต่อเนื่อง

เพชรกระนวนเป็นมวยตามสไตล์เดินบดมีวินัยสูง ใช้แรงกดดันสม่ำเสมอและอาวุธหนักแน่นเป็นตัวข่ม การชั่งได้ตามพิกัดทำให้มั่นใจเรื่องแรงปลายยก สามารถเร่งยกสี่และห้าด้วยความต่อเนื่องของหมัด–เข่าที่มูลค่าสูง หากทำให้ยอดเพทายต้องตั้งรับมากเกินไป เกมจะไหลสู่ภาพของน้ำเงินที่คุมพื้นที่กลางเวที โดยจุดที่ต้องจับตาคือการ์ดศีรษะและการป้องกันศอกสวนในจังหวะกำลังไล่ปิดระยะ หากปิดช่องนี้ได้และไม่หลุดสมาธิเมื่อโดนสวนกลับ เพชรกระนวนมีโอกาสปิดรายการด้วยภาพรวมเกมรุกที่ชัดเจนในสายตากรรมการ

วิเคราะห์เชิงบริบท: โฟลว์ของการแข่งขันและจุดชี้ขาด

เมื่อพิจารณาภาพรวมของทั้งห้าคู่จะพบว่าคีย์เวิร์ดสำคัญคือการบริหารระยะและจังหวะการเร่งเกม โดยเฉพาะในเวทีอ้อมน้อยที่ระยะสั้นกว่ามาตรฐานบางเวที การยืนแลกในวงในจะเกิดขึ้นบ่อยและยาวขึ้น นักมวยที่ต้อง “ลด” น้ำหนักมากก่อนแข่งต้องระวังภาวะล้าสะสมในยกสี่ห้า จึงควรใช้ยกต้นเพื่อเก็บงานและยึดพื้นที่ก่อน ส่วนผู้ที่ “ขาด” น้ำหนักเล็กน้อยมักได้เปรียบด้านความคล่องตัว แต่จำเป็นต้องชดเชยแรงปะทะด้วยการเลือกออกอาวุธที่มีความแม่นและสะอาด ทั้งหมดนี้ทำให้แต่ละคู่มีทางแพ้–ชนะที่เปิดกว้างและพร้อมพลิกได้ทุกยก หากฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งสามารถยึดกลางเวทีและบังคับให้คู่ต่อสู้หลุดแผนเพียงสองยกติดกัน ภาพคะแนนรวมจะเริ่มโน้มไปทันที

นอกจากนี้ การตัดสินใจของหัวมุมในช่วงพักยกก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญ ว่าจะเร่งหรือผ่อนในจังหวะใดเพื่อตัดกำลังหรือเก็บคะแนน อาทิ คู่ที่ต้องพึ่งคลินช์ควรกำหนดจังหวะลมหายใจให้แน่นอนเพื่อไม่ให้เสียสมดุลเวลาโดนดึง เกมที่มีการสับศอกสวนมากจำเป็นต้องคุมตำแหน่งศีรษะและกำแพงการ์ดให้เหนียว ส่วนคู่ที่เน้นสปีดต้องฝึกการรีเซ็ตระยะหลังออกอาวุธทุกครั้งเพื่อไม่ให้ถูกโต้คืนโดยทันที หากทีมงานสามารถวางหมากเหล่านี้ได้อย่างแม่นยำ โอกาสที่จะคุมภาพรวมยกสี่ห้าและชิงชัยด้วยความเชื่อมั่นก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย

ตารางย่อสรุปจุดเด่น–จุดที่ต้องระวังของแต่ละคู่

คู่ จุดเด่น (ภาพรวม) จุดที่ต้องระวัง ยกชี้ชะตาที่คาด
1 สปีด–จังหวะสองของซุปเปอร์บอส vs เกมดักสวนของเพชรอาวุธ มุมแดงห้ามถูกกดเชือก; มุมน้ำเงินต้องแก้ความไวเท้า ยก 3–4
2 ความคล่องตัวของแสนศึก vs แรงกดดันหนาของนิวเคลียร์ แดงอย่าติดคลินช์; น้ำเงินระวังภาวะล้าหลังลดน้ำหนัก ยก 3–4
3 ชั้นเชิงยอดอัจฉริยะ vs ความแข็งของเดชญฤทธิ์ แดงระวังถูกล็อกคอ; น้ำเงินระวังโดนดึงยืดระยะ ยก 4
4 ความแม่น–รัดกุมของปราบดา vs พลังเดินบดของชามะนาว แดงระวังศอกสวน; น้ำเงินระวังโดนฉีกจังหวะ ยก 3–5
5 สปีด–ความพลิ้วของยอดเพทาย vs ความหนักแน่นของเพชรกระนวน แดงอย่าถูกปิดมุม; น้ำเงินอย่าลืมการ์ดศอกสวน ยก 4–5

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

รายการนี้เริ่มกี่โมง และแข่งขันที่ไหน?

ศึกมวยไทยเกียรติเพชร เอสเคเอส นัดนี้เริ่มทำการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 25 ตุลาคม 2568 เวลา 14:30 น. ณ เวทีสยาม อ้อมน้อย ซึ่งเป็นสนามที่แฟนมวยคุ้นเคยในฐานะเวทีที่ให้ความสำคัญกับเกมบุกที่มีเนื้อมีหนังและการปล้ำตีในระยะประชิด สภาพเวทีที่กระชับช่วยให้ผู้ที่ฟิตจัดสามารถกดดันคู่ต่อสู้ได้ต่อเนื่อง จึงเหมาะกับผู้ชมที่ชื่นชอบการชิงจังหวะแบบรวดเร็วตลอดทั้งห้ายก

ผลชั่งน้ำหนักส่งผลต่อรูปเกมอย่างไรในครั้งนี้?

จากข้อมูลชั่งน้ำหนักพบว่ามีหลายคู่ที่ “ขาด” เล็กน้อย ส่งผลให้การเคลื่อนไหวคล่องตัวและเล่นงานด้วยจังหวะสองได้ถนัดขึ้น ขณะที่บางมุมต้อง “ลด” น้ำหนักก่อนขึ้นชกซึ่งมีผลให้ต้องบริหารพลังให้เหมาะสม โดยทั่วไปคู่ที่ลดมากจะเลือกเร่งเกมในช่วงที่ร่างกายยังสดเพื่อสร้างภาพรวมเกมรุกให้กรรมการเห็นชัด จากนั้นรักษาความต่อเนื่องในยกกลาง–ท้ายเพื่อประคองคะแนนและลดโอกาสโดนโต้กลับหนักๆ ที่อาจพลิกยกได้

คู่ไหนน่าจับตาเป็นพิเศษสำหรับการพลิกเกม?

คู่น่าจับตาคือคู่ที่สองและคู่ที่สี่ เนื่องจากมีเงื่อนไขน้ำหนักที่ต่างกันชัดเจนระหว่างมุม “ขาด/ตามพิกัด” กับมุมที่ “ลด” ก่อนแข่ง เมื่อเข้าสู่ยกสามและสี่ หากฝ่ายที่ลดน้ำหนักสามารถเร่งคลินช์และเดินบดจนคู่ต่อสู้เสียทรง คะแนนอาจไหลไปแบบครึ่งยกทันที ในทางกลับกัน หากฝั่งที่คล่องตัวครองระยะและแทงอาวุธสะอาดได้สม่ำเสมอ เกมจะเปลี่ยนทิศและเปิดโอกาสชิงความได้เปรียบในยกห้าอย่างน่าตื่นเต้น

หมายเหตุและการอัปเดต

ข้อมูลทั้งหมดในบทความนี้เรียบเรียงจากโปรแกรมการแข่งขันและผลชั่งน้ำหนักก่อนเริ่มรายการ ทั้งนี้ หากมีการสลับคู่ ปรับพิกัด หรือมีมติจากคณะกรรมการเพิ่มเติม ทีมงานจะแก้ไขข้อมูลให้สอดคล้องโดยเร็วที่สุด ผู้อ่านที่ติดตามจากหน้าเว็บไซต์สามารถรีเฟรชเพื่อดูข้อมูลล่าสุดก่อนระฆังยกแรกเสมอ สำหรับผู้เดินทางไปชมที่สนามควรเตรียมเวลาเผื่อการจราจร และปฏิบัติตามระเบียบความปลอดภัยของสนามอย่างเคร่งครัด เพื่อให้ประสบการณ์การเชียร์เต็มอรรถรสและปลอดภัยตลอดการแข่งขัน

ท้ายที่สุด ศึกมวยไทยเกียรติเพชร เอสเคเอส ในบ่ายวันนี้ถือเป็นอีกหนึ่งรายการคุณภาพที่สะท้อนวินัย ความมุมานะ และศิลปะแห่งการต่อสู้ของนักมวยไทยทุกคนอย่างแท้จริง ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบเกมเดินบดที่ทรงพลังหรือเกมเชิงที่เน้นช็อตสะอาดและการอ่านจังหวะ บทสรุปของทั้งห้าคู่ล้วนพร้อมมอบความเร้าใจให้แฟนมวยได้ลุ้นกันแบบเกาะติดทุกวินาที และคาดว่าจะเป็นรายการที่สร้างบทสนทนาในแวดวงคอมวยได้ต่อเนื่องหลังจบการแข่งขันอย่างแน่นอน

 

ชมถ่ายทอดสด ทุกคู่ทุกสนาม ให้ค่าชนที่ดีที่สุด ในเอเชียโปรแกรมไก่ชน