ค่ำคืนวันพฤหัสบดีที่ 23 ตุลาคม 2568 แฟนมวยจะได้พบกับศึก “ป่าตองไฟท์ไนท์” ที่สนามมวยป่าตองไสน้ำเย็น จังหวัดภูเก็ต เปิดสังเวียนเวลา 21:00 น. รายการนี้รวมนักชกไทยและต่างชาติ 6 คู่แบบเน้นคุณภาพ ตั้งแต่พิกัด 105 ปอนด์ไปจนถึง 172 ปอนด์ พร้อมผลชั่งน้ำหนักทางการและพรีวิวแทคติกครบถ้วน เพื่อให้ผู้อ่านใช้เป็นคู่มือก่อนชมจริงทั้งในสนามและผ่านการถ่ายทอดสด เนื้อหาถูกเรียงเป็นระบบพร้อมตารางประกอบทุกคู่

โปรแกรมมวย ศึกป่าตองไฟท์ไนท์ 23 ตุลาคม 2568 สนามมวยป่าตองไสน้ำเย็น

ไฮไลต์ค่ำคืนนี้ที่ควรจับตา

จุดน่าสนใจของค่ำคืนนี้อยู่ที่ความหลากหลายของรูปแบบการชก ตั้งแต่เกมเร็วของพิกัดเล็ก 105 ปอนด์ ไปจนถึงแรงปะทะและระยะทำลายล้างของพิกัด 172 ปอนด์ นอกจากนี้ยังมีไฟต์ต่อพิกัด 105/106 ปอนด์ซึ่งต้องใช้ความละเอียดทางแทคติกสูง ทั้งเรื่องฟุตเวิร์ก การคุมจังหวะ และการจบภาพท้ายยกอย่างมีชั้นเชิง ทำให้ค่ำคืนนี้มีทั้งคู่ฉาบฉวยไวและคู่ที่ต้องวัดกันด้วยวินัยรุก–รับแบบเนียนกริบ

รายการแข่งขันและผลชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการ

การชั่งน้ำหนักคือด่านแรกที่สะท้อนวินัย ความฟิต และแนวทางการวางเกมของค่ายแต่ละฝั่ง โดยตัวเลข “เกิน/ขาด/ตามพิกัด” ส่งผลต่อสปีด ความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ
และความสามารถในการยืนชนหรือถอยฉาบฉวยอย่างชัดเจน เมื่อเชื่อมกับสไตล์ถนัดของนักชกแต่ละคน เราจึงสามารถคาดการณ์ทิศทางรูปเกมได้เป็นเบื้องต้น ดังรายละเอียดรายคู่ต่อไปนี้

คู่ที่ 1 ดีน่า พี ยู ผ้าใบ vs Holya Shakira (Gorila MMA Club, ฝรั่งเศส) — พิกัด 105 ปอนด์

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้
1 ดีน่า พี ยู ผ้าใบ 105 104 (ขาด 1.0) Holya Shakira (Gorila MMA Club, ฝรั่งเศส) 105 104.6 (ขาด 0.4)

คู่นี้ทั้งสองฝั่งชั่ง “ขาดพิกัด” ทำให้คาดหวังเกมที่เร็วและฉาบฉวยสูง ดีน่ามีข้อดีเรื่องความคล่องตัวและความสม่ำเสมอของจังหวะหมุนตัว ส่วนฮอยย่าจากฝรั่งเศสมีพื้นฐานสากลผสานลูกเตะที่ยาวและแม่น จุดสำคัญคือการชิงลูกแรกและการปิดภาพท้ายยก เพราะในพิกัดเล็กการเร่งสกอร์ช่วง 20–30 วินาทีสุดท้ายมักส่งผลต่อความประทับใจกรรมการได้ชัดเจนมากเป็นพิเศษในสายตารวมของรูปเกมยกนั้น ๆ

ด้านแทคติก ดีน่าควรใช้ฟุตเวิร์กและแข้งซ้าย–ขวาตัดจังหวะก่อนค่อยลากเข้าหมัดหนึ่ง–สองเพื่อเก็บคะแนน ขณะที่ฮอยย่าควรรักษาความหนาแน่นของการโจมตีสั้นถี่ ไม่ยืนแลกนาน ๆ ในมุมตัน และหาจังหวะสวนด้วยหมัดตรงเมื่อคู่แข่งถ่ายน้ำหนักผิด หากฝ่ายใดเสียบาลานซ์บ่อยหรือปล่อยให้ถูกต้อนติดเชือกบ่อยครั้ง โอกาสเสียรูปจะสูงและอาจเสียแต้มสะสมไปแบบน่าเสียดายตลอดสามยก

คู่ที่ 2 Billy Gibbon (บางเทามวยไทย & MMA, ออสเตรเลีย) vs Jeryl Khoo Chung Yang (Ghetto Fitness, สิงคโปร์) — พิกัด 162 ปอนด์

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้
2 Billy Gibbon (บางเทามวยไทย & MMA, ออสเตรเลีย) 162 158.6 (ขาด 3.4) Jeryl Khoo Chung Yang (Ghetto Fitness, สิงคโปร์) 162 163 (ลด 1.0)

ผลชั่งสะท้อน “ความต่างตัวเลข” ชัดเจน บิลลี่ขาดถึง 3.4 ปอนด์ น่าจะได้ความเร็วและการขยับตัวที่ลื่นไหล ส่วนเจอริลเกิน 1 ปอนด์แล้วต้องไล่ลด ทำให้แรงชนและความแข็งของลำตัวมีมาก แต่ต้องบริหารรีจึ่มไม่ให้แผ่วช่วงยกท้าย จุดสำคัญคือการอ่านมุมและการสลับระยะกลาง–ประชิดอย่างมีวินัย เพราะผู้ที่ยอมถูกบี้คาเชือกหรือยืนแลกโดยไม่เปลี่ยนแกน จะเสียเปรียบภาพรวมทันทีแม้จะมีพลังปะทะมากกว่าก็ตาม

ทางบิลลี่ควรใช้เกมเปิดกว้าง เน้น “เข้า–ออก–ตัดมุม” และจบชุดด้วยหมัดตรงหรือเตะล่างเพื่อตัดแรงขาของเจอริล ขณะที่เจอริลควรพาเกมสู่ระยะประชิดเร็วขึ้น ล็อกตัวและอัดเข่า–ศอกสั้นให้ถี่เพื่อตัดสปีดของบิลลี่ ถ้าใครควบคุมจังหวะหัว–ท้ายยกได้ดีกว่ากัน จะเห็นผลคะแนนไหลเข้าข้างแบบคมชัด เพราะกรรมการมักจดจำภาพหนักและชัดช่วงปิดยกเป็นพิเศษ

คู่ที่ 3 น้องแนน หงษ์ฟ้ามวยไทย vs เปรี้ยวหวาน เพชรไพรัช — พิกัด 105 ปอนด์

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้
3 น้องแนน หงษ์ฟ้ามวยไทย 105 105 (เท่าพิกัด) เปรี้ยวหวาน เพชรไพรัช 105 107 (ลด 2.0)

น้องแนนชั่งเท่าพิกัดเป็นสัญญาณความพร้อมที่ดี ทั้งสปีด ความสมดุล และการยืนระยะ ส่วนเปรี้ยวหวานต้องไล่ลดถึง 2 ปอนด์ จึงต้องจับตาว่าช่วงต้นยกจะฟื้นตัวและตั้งเกมได้เร็วเพียงใด แนวโน้มรูปเกมจะเป็น “วงนอกคุมระยะ” ของน้องแนนปะทะ “แรงบุกเป็นชุด” ของเปรี้ยวหวาน คีย์สำคัญคือการปิดพื้นที่ของน้ำเงิน และการไม่ถอยเป็นเส้นตรงของแดงเพื่อหลบหลีกการบี้ที่ยาวและหนักในช่วงกลางยก

แทคติกที่ชัดคือน้องแนนควรออกก่อนด้วยแข้งยาวและหมัดหนึ่ง–สอง เพื่อบังคับให้เปรี้ยวหวานรับแล้วเสียจังหวะตั้งตัว ขณะเดียวกันต้องรีเซ็ตรีจึ่มเร็ว ไม่ยอมให้คู่แข่งล็อกใกล้จนเสียตำแหน่งบ่อย ๆ ส่วนเปรี้ยวหวานควรเร่งเพรสทันทีที่เห็นช่อง พร้อมใช้ศอกสั้นทำลายจังหวะและความมั่นใจของแดง หากฝ่ายใดลืม “จบภาพท้ายยก” มักจะเสียคะแนนรวมแบบน่าเสียดาย

คู่ที่ 4 ทับทิมโทน ผู้ใหญ่เลาะห์พันธุ์ปาล์ม vs Anil Mehta (เอกเมืองนนท์, อินเดีย) — พิกัด 137 ปอนด์

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้
4 ทับทิมโทน ผู้ใหญ่เลาะห์พันธุ์ปาล์ม 137 137 (เท่าพิกัด) Anil Mehta (เอกเมืองนนท์, อินเดีย) 137 135.6 (ขาด 1.4)

ทับทิมโทนเท่าพิกัด จึงคาดหวังแรงคงที่และรูปทรงที่หนักแน่น น้ำเงินอย่างอนิลขาดถึง 1.4 ปอนด์ ได้ความไวและความพลิ้วในการเปลี่ยนแกนเข้า–ออก จุดที่ชี้ขาดคือ “ใครพาเกมไปแดนถนัด” ถ้าทับทิมโทนบี้วงใน ล็อกตัว และยัดเข่าทำลายลำตัวซ้ำ ๆ เกมจะเข้าทางทันที แต่ถ้าอนิลรักษาความห่าง ปล่อยแข้งยาวและหมัดตรงก่อน แล้วหมุนหนีทุกครั้งที่โดนปิดมุม รูปเกมจะเปิดกว้างและคะแนนจะไหลอย่างต่อเนื่อง

องค์ประกอบด้านสมาธิและความนิ่งปลายยกสำคัญมาก โดยเฉพาะในยกที่สองและสาม ซึ่งฝ่ายที่เร่งจนเกินพอดีมีโอกาส “เสียรูป” และโดนสวนชัด การอ่านสัญญาณของกรรมการและปิดภาพ 10–15 วินาทีสุดท้าย จึงเป็นงานที่ทั้งสองมุมต้องย้ำเตือนนักชกบนเวทีอย่างเคร่งครัดเพื่อเก็บความประทับใจและแต้มในสายตาให้ได้มากที่สุด

คู่ที่ 5 Jang Jia Jin (Ghetto Fitness, สิงคโปร์) vs Cristian Pastore (บางเทามวยไทย & MMA, อาร์เจนตินา) — พิกัด 172 ปอนด์

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้
5 Jang Jia Jin (Ghetto Fitness, สิงคโปร์) 172 171.4 (ขาด 0.6) Cristian Pastore (บางเทามวยไทย & MMA, อาร์เจนตินา) 172 170.2 (ขาด 1.8)

พิกัด 172 ปอนด์คือช่วงที่ “แรงปะทะ + ความยาวช่วงแขน–ขา” ส่งผลสูง จางขาดเพียง 0.6 ปอนด์ เบากว่านิดเดียว จึงคาดหวังความสมดุลและแรงหมัด–เตะที่ยังหนักแน่น ส่วนคริสเตียนขาด 1.8 ปอนด์จะได้ความเร็วและการสับจังหวะที่พลิ้วกว่าเล็กน้อย คีย์เกมอยู่ที่ “ระยะกลาง–ไกล” ใครใช้แข้งยาวเปิดทางและตามด้วยหมัดตรงได้บ่อย จะสะสมคะแนนชัดเจน ขณะที่อีกฝ่ายต้องไม่ปล่อยให้ถูกตั้งระยะก่อนอยู่ฝ่ายเดียวจนรูปเกมตายด้าน

ทั้งสองควรระวังการแลกยาวโดยไม่มีมุมหนี เพราะเมื่อเสียบาลานซ์ในพิกัดใหญ่ ยากจะรีเซ็ตทันทีแล้วไม่เสียแต้มเพิ่ม การใช้เตะล่างตัดฐานขาและเกมหลอกไหล่ก่อนปล่อยหมัดจะช่วยเปิดช่องได้ดี หากฝ่ายใดอ่านจังหวะคู่แข่งได้ไวและไม่ปล่อยโอกาสทองหลุดมือเมื่อคู่ต่อสู้หลุดทรง ฝ่ายนั้นจะคุมโมเมนตัมและแต้มรวมได้ต่อเนื่องจนถึงระฆังสุดท้าย

คู่ที่ 6 เพชรมาริสา ศ.นาเคียน vs เพชรน้ำหนึ่ง ดราก้อนมวยไทย — พิกัด 105/106 ปอนด์ (ต่อพิกัด 1 ปอนด์)

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้
6 เพชรมาริสา ศ.นาเคียน 105 105 (เท่าพิกัด) เพชรน้ำหนึ่ง ดราก้อนมวยไทย 106 105.4 (ขาด 0.6)

ไฟต์ต่อพิกัด 1 ปอนด์เปิดช่องให้เห็น “รายละเอียดเกม” ชัดเจน เพชรมาริสาเท่าพิกัด 105 ปอนด์ จึงน่าจะได้รูปทรงที่กระชับและสมดุล ขณะที่เพชรน้ำหนึ่งขาด 0.6 จากพิกัด 106 ปอนด์ ทำให้ได้ความเร็วและความคล่องเพิ่มเล็กน้อย แนวโน้มจะเป็นเกมละเอียดที่วัดกันด้วยความแม่นของลูกแรก–ลูกสอง และความสามารถในการ “รีเซ็ต” หลังจบคอมโบเพื่อไม่ให้ตกเป็นเป้าในจังหวะสวนกลับของอีกฝ่าย

แดงควรใช้แข้งยาว–แทงเข่าเป็นแพตเทิร์น เปิดทางหมัดตรงชัด ๆ ให้กรรมการเห็นภาพ ขณะที่น้ำเงินต้องขยันสลับมุม ไม่ยืนติดเชือก และใช้การฉีกองศาเพื่อป้องกันการโดนล็อกวงใน เมื่อเข้าสู่ยกสองและสาม ใครยังรักษาความคมและบาลานซ์หลังปล่อยอาวุธได้ดีกว่า จะเป็นฝ่ายโกยแต้มอย่างต่อเนื่องและมีสิทธิ์ปิดเกมด้วยคะแนนนำแบบชัดเจน

สรุปภาพรวมค่ำคืนศึกป่าตองไฟท์ไนท์

จากภาพรวมทั้ง 6 คู่ แฟนมวยจะได้ชมความหลากหลายของแทคติก ทั้งเกมเร็วในพิกัดเล็ก, การชิงระยะกลาง–ไกลในพิกัด 172 ปอนด์ และการต่อพิกัดที่ต้องอาศัยความละเอียดเป็นพิเศษ สิ่งที่เหมือนกันของผู้ชนะคือการ “พาเกมไปอยู่ในแดนถนัด” พร้อมรักษาวินัยรุก–รับและสมาธิในช่วงหัว–ท้ายยกให้เหนียวแน่นที่สุด เพราะรายละเอียดเพียงเสี้ยววินาทีบนสังเวียน มักกลายเป็นคะแนนสำคัญที่สร้างความแตกต่างบนใบสรุปของกรรมการได้เสมอในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความเข้มข้นเช่นนี้

ชมถ่ายทอดสด ทุกคู่ทุกสนาม ให้ค่าชนที่ดีที่สุด ในเอเชียโปรแกรมไก่ชน