ศึกจิตรเมืองนนท์ คือหนึ่งในศึกมวยไทยสายสร้างชื่อที่กำลังได้รับการพูดถึงอย่างต่อเนื่องในช่วงหลัง ด้วยเอกลักษณ์เด่นคือการให้พื้นที่กับมวยเยาวชนและมวยพลังสดจากค่ายต่าง ๆ ทั่วประเทศ ผสมผสานกับบรรยากาศเวทีมวยจิตรเมืองนนท์ ณ อตก.3 จังหวัดนนทบุรี ที่มีทั้งแฟนมวยขาประจำ เซียนมวย และคนทั่วไปที่อยากสัมผัสบรรยากาศมวยไทยแท้ ๆ ในสังเวียนที่ไม่ใหญ่จนเกินไป ในวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 ศึกจิตรเมืองนนท์ จัดเต็มโปรแกรมมวยถึง 10 คู่ เริ่มชกตั้งแต่เวลา 16.30 น. เป็นต้นไป ทำให้ช่วงเย็นวันหยุดของแฟนมวยแน่นไปด้วยไฟต์เดือดและมวยดาวรุ่งให้ติดตามตลอดทั้งรายการ

สำหรับศึกจิตรเมืองนนท์ ครั้งนี้ โครงสร้างบัตรจะเน้นไปที่มวยพิกัดเล็กและกลางเป็นหลัก โดย 7 คู่แรกใช้พิกัด 100 ปอนด์เท่ากันทั้งมุมแดงมุมน้ำเงิน ก่อนจะขยับขึ้นเป็นพิกัด 104 ปอนด์ในคู่ที่ 8 และปิดท้ายด้วยมวยพิกัด 126 ปอนด์และ 114 ปอนด์ในสองคู่สุดท้ายของบัตร รูปแบบนี้ช่วยให้ผู้ชมได้สัมผัสความเร็ว ความคล่องตัว และฝีมือของมวยเด็กอย่างเต็มอิ่ม ก่อนจะค่อย ๆ ยกระดับไปสู่ความแข็งแกร่งและแรงปะทะของมวยพิกัดกลางในช่วงท้าย ทั้งหมดนี้ทำให้ศึกจิตรเมืองนนท์ วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 เป็นหนึ่งในบัตรมวยที่เหมาะอย่างยิ่งต่อการจับตาดูสไตล์และศักยภาพของมวยสายอนาคตอย่างแท้จริง

โปรแกรมมวยศึกจิตรเมืองนนท์ ที่ 6 ธันวาคม 2568 เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 นนทบุรี

ตารางการแข่งขัน ศึกจิตรเมืองนนท์ 6 ธันวาคม 2568 เวทีมวยจิตรเมืองนนท์

ด้านล่างนี้คือตารางโปรแกรมมวยของศึกจิตรเมืองนนท์ ในวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 ณ เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 จ.นนทบุรี
ซึ่งรวบรวมข้อมูลคู่ชกทั้ง 10 คู่ โดยแสดงชื่อมุมแดงและมุมน้ำเงิน พร้อมพิกัดน้ำหนักและสังกัดค่ายอย่างครบถ้วน
แฟนมวยสามารถใช้ตารางนี้เป็นภาพรวมเพื่อวางแผนการรับชม เลือกคู่ที่อยากโฟกัสเป็นพิเศษ และใช้เปรียบเทียบแนวทางการสร้างมวยจากแต่ละค่าย
จากนั้นจึงไปอ่านการวิเคราะห์เชิงลึกในส่วนถัดไปเพื่อเพิ่มมิติในการดูมวยให้สนุกและเข้าใจเกมมากยิ่งขึ้น

คู่ที่ มุมแดง ค่าย/สังกัด พิกัด (ปอนด์) มุมน้ำเงิน ค่าย/สังกัด พิกัด (ปอนด์) หมายเหตุ
1 คิวทอง ป.สุจินดา 100.0 สิงห์พิชิต บังเซ็นคลองส้มปล่อย 100.0 มวยเปิดหัวพิกัด 100 ปอนด์
2 รัสเซีย สจ.ไบร์ทบ้านบึง 100.0 สกายเพชร ศ.วิษณุพร 100.0 มวยเยาวชนเกมไว
3 บิ๊กบอส BKracing 100.0 ณเดช อังเรย์ยิมส์ 100.0 ยิมสมัยใหม่ปะทะกัน
4 ยอดเหล็กเพชร นายกต่อสวนแตง 100.0 งาทอง เพชรบ้านบึง 100.0 คู่สายแข็งพิกัด 100 ปอนด์
5 คุณพิชิต ชานันท์มวยไทย 100.0 นพเกล้า พร้อมรบมวยไทยแคมป์ 100.0 ค่ายสร้างชื่อชนกัน
6 ริคุ จิตรเมืองนนท์ 100.0 เสกสรร วินไฟต์คลับ 100.0 มวยเจ้าบ้านพบยิมไฟต์คลับ
7 เด่นคลองปราบ ศ.วิษณุพร 100.0 เฟี้ยว สท.ไบร์ทบ้านบึง 100.0 มวยเด็กเชิงจัดสไตล์ทีมหัวเมือง
8 เก็บตก สท.เชษฐ์บ้านเขว้า 104.0 เบิกฤทธิ์ ลูกเมืองเพชร 104.0 ยกระดับพิกัดขึ้นเป็น 104 ปอนด์
9 ยอดทองไท ก.วุฒิชัย 126.0 พยัคฆ์หิรัญ ลูกเมืองเพชร 126.0 รุ่นใหญ่สุดของบัตร 126 ปอนด์
10 ฉลามขาว จิตรเมืองนนท์ 114.0 ยอดวิชา สท.เชษฐ์บ้านเขว้า 114.0 คู่ปิด ศึกจิตรเมืองนนท์ พิกัด 114 ป.

วิเคราะห์ภาพรวมโครงสร้างบัตร ศึกจิตรเมืองนนท์ 6 ธันวาคม 2568

หากพิจารณาจากตารางโปรแกรมจะเห็นได้ชัดว่าศึกจิตรเมืองนนท์ ใช้โครงสร้างบัตรที่เน้นมวยพิกัดเล็ก 100 ปอนด์ถึง 7 คู่แรก ซึ่งเหมาะกับการโชว์ศักยภาพของมวยเยาวชนและมวยอนาคตไกล
มวยในพิกัดนี้จะมีจุดเด่นเรื่องความเร็ว การขยับเท้า และจังหวะแลกอาวุธที่ต่อเนื่องแทบทุกวินาที ทำให้ผู้ชมไม่มีช่วงเบื่อหรือช้าเกินไปในช่วงต้นถึงกลางรายการ
จากนั้นจึงยกระดับพิกัดขึ้นสู่ 104 ปอนด์ในคู่ที่ 8 ก่อนจะทะยานไปสู่พิกัดใหญ่สุดของบัตรที่ 126 ปอนด์ และปิดท้ายด้วยมวยเทคนิคพิกัด 114 ปอนด์ในคู่ฉลามขาว–ยอดวิชา ซึ่งถือเป็นจังหวะปิดรายการที่เหมาะสมมาก

จุดที่น่าสนใจอีกประการคือการจัดแบ่งพิกัดให้ค่อย ๆ ขยับขึ้นทีละช่วง ขณะที่ชื่อค่ายที่ปรากฏในโปรแกรมล้วนมีสีสันและเอกลักษณ์เฉพาะตัว ไม่ว่าจะเป็นค่ายจิตรเมืองนนท์ ในฐานะเจ้าบ้าน
ค่ายศ.วิษณุพร ค่ายสจ.ไบร์ทบ้านบึง ลูกเมืองเพชร สท.เชษฐ์บ้านเขว้า พร้อมรบมวยไทยแคมป์ และยิมยุคใหม่อย่าง BKracing หรืออังเรย์ยิมส์
เมื่อทั้งหมดมาพบกันในศึกจิตรเมืองนนท์ การ์ดนี้จึงไม่ใช่แค่การชุมนุมของนักชกเยาวชน แต่ยังเป็นเวทีสะท้อนทิศทางการพัฒนามวยไทยในยุคที่ค่ายดั้งเดิมและยิมสมัยใหม่เดินคู่กันอย่างเห็นได้ชัด

วิเคราะห์คู่มวย ศึกจิตรเมืองนนท์ คู่ต่อคู่

หลังจากเห็นภาพรวมโครงสร้างบัตรของศึกจิตรเมืองนนท์ แล้ว ต่อไปคือการเจาะลึกวิเคราะห์คู่มวยแบบคู่ต่อคู่
เพื่อให้แฟนมวยมองเห็นแนวโน้มเกมการชก สไตล์ของแต่ละฝั่ง และความน่าจับตามองในแต่ละไฟต์ ทั้งในมุมของการเป็นมวยสายสร้าง ฟอร์มสด หรือเป็นมวยที่ค่ายตั้งใจดันเป็นพิเศษ
การวิเคราะห์ในส่วนนี้จะไม่ได้ฟันธงผลแพ้ชนะ แต่จะชี้ให้เห็นปัจจัยเชิงมวยที่อาจมีผลต่อรูปเกมจริงบนเวที ทั้งจังหวะเดินเข้า–ออก ความครบเครื่องของอาวุธ และความเป็นไปได้ของการยืนระยะทั้งสามยก

คู่ที่ 1 คิวทอง ป.สุจินดา vs สิงห์พิชิต บังเซ็นคลองส้มปล่อย (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่เปิดหัวของศึกจิตรเมืองนนท์ เป็นมวยพิกัด 100 ปอนด์ ระหว่าง คิวทอง ป.สุจินดา มุมแดง กับ สิงห์พิชิต บังเซ็นคลองส้มปล่อย มุมน้ำเงิน
ชื่อของคิวทองสะท้อนภาพมวยที่มี “คิว” หรือจังหวะการชกที่ดี เน้นความแม่นยำและการเข้า–ออกที่เป็นระบบ ส่วนสิงห์พิชิตในอีกฝั่งหนึ่งให้ภาพของมวยใจสู้สไตล์นักล่าที่พร้อมจะเดินผสมออกอาวุธเพื่อเอาชนะคู่ต่อสู้
การเจอกันในพิกัดเล็กเช่นนี้ทำให้เกมน่าจะไหลเร็ว มีการแลกหมัดแลกแข้งกันตั้งแต่ยกแรก เพื่อเรียกเสียงเชียร์และปลุกบรรยากาศในสนามให้ลุกเป็นไฟ

ในเชิงมวย คิวทอง ป.สุจินดา อาจมาในรูปแบบมวยฝีมือที่ใช้การเตะคุมระยะและหมัดตรงคม ๆ เป็นอาวุธหลัก หากสามารถรักษาระยะและคุมเกมกลางเวทีได้ จะทำให้สิงห์พิชิตต้องเสียแรงวิ่งไล่อยู่ตลอด
ด้านสิงห์พิชิต บังเซ็นคลองส้มปล่อย หากต้องการพลิกเกมให้เข้าทางตัวเอง ต้องกล้าเดินให้ใกล้เข้าไปในระยะหมัดของตนเอง ใช้หมัดชุดและศอกสั้นในวงในบีบให้คิวทองไม่สามารถหมุนออกจากมุมกดดันได้
จุดตัดสินอาจอยู่ที่ว่าใครทำเกมได้ก่อน และใครสามารถรักษารูปมวยและสมาธิได้มากกว่ากันในช่วงปลายยกที่แรงเริ่มตก

คู่ที่ 2 รัสเซีย สจ.ไบร์ทบ้านบึง vs สกายเพชร ศ.วิษณุพร (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่ที่สองของศึกจิตรเมืองนนท์ เป็นการเจอกันของ รัสเซีย สจ.ไบร์ทบ้านบึง กับ สกายเพชร ศ.วิษณุพร ในพิกัดเท่ากัน 100 ปอนด์
ชื่อ “รัสเซีย” ทำให้หลายคนคาดเดาว่าอาจเป็นนักชกต่างชาติหรือไทยที่ตั้งชื่อให้ดูอินเตอร์ ซึ่งสะท้อนถึงความเปิดกว้างของเวทีจิตรเมืองนนท์ ในการต้อนรับมวยหลากสัญชาติ
ส่วนสกายเพชรจากค่ายศ.วิษณุพรเอง ก็เป็นสายสร้างมวยเทคนิคที่ผสมมวยบู๊ได้อย่างลงตัว การจับคู่นี้จึงน่าจะเป็นการชนกันของสไตล์ลูกผสมยุคใหม่ที่แฟนมวยรุ่นใหม่ถูกใจ

รูปเกมคาดว่ารัสเซียจะพยายามใช้หมัดและเตะแรงเป็นจุดเด่น เน้นความหนักของอาวุธเพื่อสร้างความแตกต่าง ส่วนสกายเพชรอาจใช้ความนิ่งและจังหวะการตอบโต้แบบมวยไทยสายฝึกละเอียด
หากสกายเพชรสามารถอ่านจังหวะการเข้าทำของรัสเซียและตั้งรับพร้อมโต้กลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ก็มีโอกาสเก็บคะแนนชัดเจนในสายตากรรมการ
ในทางกลับกัน หากรัสเซียบุกกดดันไม่หยุดและยืนระยะได้ครบสามยกโดยไม่แผ่ว เกมก็อาจกลายเป็นไฟต์ที่วัดกันด้วยหัวจิตหัวใจมากกว่าแค่เชิงมวยบนกระดาษ

คู่ที่ 3 บิ๊กบอส BKracing vs ณเดช อังเรย์ยิมส์ (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่ที่สามในพิกัด 100 ปอนด์ ระหว่าง บิ๊กบอส BKracing กับ ณเดช อังเรย์ยิมส์ คือการเจอกันของสองยิมสมัยใหม่ที่สะท้อนภาพการฝึกมวยไทยร่วมกับวิทยาศาสตร์การกีฬาอย่างชัดเจน
ชื่อ BKracing และอังเรย์ยิมส์ ทำให้ผู้ชมคาดได้ว่า ทั้งสองฝ่ายน่าจะมีการฝึกด้วยเครื่องมือทันสมัย ฟิตเนสแบบเข้มข้น และเน้นการสร้างร่างกายให้พร้อมรับเกมหนักในสามยกเต็ม
ศึกจิตรเมืองนนท์ คู่นี้จึงน่าจะเป็นการชนกันของมวยที่มีความสมบูรณ์ทั้งด้านร่างกายและทักษะพื้นฐานในระดับเยาวชน

บิ๊กบอส BKracing อาจมีสไตล์ที่เน้นการออกหมัดเป็นชุด มีการเคลื่อนที่เท้าแบบฉับไวสไตล์ยิมยุคใหม่ ส่วนณเดช อังเรย์ยิมส์ อาจเด่นด้านการผสมอาวุธเข่าเข้ากับหมัดและแข้งแบบครบเครื่อง
เกมในไฟต์นี้อาจออกมาในรูปแบบมวยเปิดฉากไวทั้งสองฝั่ง ต่างฝ่ายต่างอยากพิสูจน์ให้เห็นว่ายิมของตนมีระบบการฝึกที่ได้ผลกว่า
การตัดสินชัยชนะจึงอาจขึ้นอยู่กับว่าฝ่ายใดสามารถรักษาวินัยในแผนการชกได้ดีกว่า และสามารถปรับแก้เกมได้ทันเมื่อเจอโจทย์ยากจากอีกมุมหนึ่งบนเวทีจริง

คู่ที่ 4 ยอดเหล็กเพชร นายกต่อสวนแตง vs งาทอง เพชรบ้านบึง (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่ที่สี่ ยอดเหล็กเพชร นายกต่อสวนแตง พบกับ งาทอง เพชรบ้านบึง ยังคงอยู่ในพิกัด 100 ปอนด์ แต่โทนของไฟต์อาจดู “แข็ง” และหนักหน่วงกว่าไฟต์ก่อนหน้าเล็กน้อย เนื่องจากชื่อของทั้งสองสะท้อนถึงความแกร่งในเชิงสภาพร่างกาย
ยอดเหล็กเพชรให้ภาพมวย “เหล็ก” ที่มีความอึด ทน และพร้อมยืนแลกในทุกสภาพ ส่วนงาทอง เพชรบ้านบึง เองก็เป็นค่ายที่ขึ้นชื่อเรื่องมวยดุดัน
ทำให้ไฟต์นี้มีโอกาสสูงที่จะเป็นเกมสายบู๊ที่แฟนมวยในศึกจิตรเมืองนนท์ รอชมเป็นพิเศษ

เกมน่าจะมาในรูปแบบที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีใครยอมใคร ยอดเหล็กเพชรอาจเดินเข้าหาตลอดเวลา ใช้ลูกเตะและหมัดเป็นอาวุธเปิด ขณะที่งาทองพร้อมตอบโต้ด้วยหมัด–ศอกในจังหวะใกล้
จุดสำคัญคือใครจะยืนระยะได้ดีกว่ากันในยกท้าย เพราะในมวยเยาวชนที่จังหวะเดินเร็วแบบนี้ ผู้ที่สามารถรักษาแรงไว้ได้ยาวจนถึงเสียงระฆังสุดท้ายมักได้เปรียบในสายตากรรมการอย่างเห็นได้ชัด
ไฟต์นี้จึงเป็นไฟต์ที่แฟนมวยชอบเกมชนควรจับตาดูอย่างใกล้ชิดในช่วงกลางบัตร

คู่ที่ 5 คุณพิชิต ชานันท์มวยไทย vs นพเกล้า พร้อมรบมวยไทยแคมป์ (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่ที่ห้าในพิกัด 100 ปอนด์ระหว่าง คุณพิชิต ชานันท์มวยไทย กับ นพเกล้า พร้อมรบมวยไทยแคมป์ เป็นการเจอกันของสองค่ายที่เน้นมวยสายสร้าง ทั้งชานันท์มวยไทยและพร้อมรบมวยไทยแคมป์ต่างมีชื่อเสียงในด้านการฝึกเยาวชนให้มีพื้นฐานมวยที่ดีตั้งแต่อายุยังน้อย
ชื่อ “คุณพิชิต” สื่อถึงความมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอย่างมีชั้นเชิง ขณะที่ “นพเกล้า” ชวนให้นึกถึงมวยใจใหญ่ กล้าชน กล้าปะทะในทุกจังหวะ การจับคู่กันของทั้งสองจึงลงตัวทั้งในเชิงความหมายและในเชิงเกมบนเวที

รูปเกมน่าจะเป็นการผลัดกันเดินและผลัดกันตั้งรับ คุณพิชิตอาจเน้นการใช้แข้งยาวและหมัดตรงเพื่อหยุดเกมบุกของนพเกล้า โดยพยายามเก็บคะแนนเรื่อย ๆ ด้วยอาวุธที่ชัดเจน
ส่วน นพเกล้า พร้อมรบมวยไทยแคมป์ คงไม่ปล่อยให้เกมไหลไปในทิศทางนั้นง่าย ๆ เขาอาจเลือกเดินสาดหมัด–เข่าเข้าใส่ ใช้ความกล้าในการบีบให้คุณพิชิตต้องออกจากตำแหน่งที่ถนัด
ท้ายที่สุดแล้วไฟต์นี้อาจตัดสินกันที่ความรัดกุมใครมากกว่ากันระหว่าง “ผู้พิชิตอย่างมีแบบแผน” กับ “นักรบที่พร้อมลุยทุกสถานการณ์”

คู่ที่ 6 ริคุ จิตรเมืองนนท์ vs เสกสรร วินไฟต์คลับ (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่ที่หก ริคุ จิตรเมืองนนท์ พบ เสกสรร วินไฟต์คลับ ในพิกัด 100 ปอนด์ เป็นไฟต์ที่สะท้อนเอกลักษณ์ของศึกจิตรเมืองนนท์ ได้เป็นอย่างดี เพราะมีมวยเจ้าบ้านอย่างริคุจากค่ายจิตรเมืองนนท์ ขึ้นเจอกับมวยจากยิมยุคใหม่อย่างวินไฟต์คลับ
ชื่อ “ริคุ” มีความเป็นต่างชาติสูง ซึ่งเป็นไปได้ว่าอาจเป็นนักชกต่างชาติที่มาฝึกซ้อมกับค่ายจิตรเมืองนนท์จริงจัง หรือเป็นการเลือกใช้ชื่อให้เข้ากับบรรยากาศมวยอินเตอร์ในยุคปัจจุบัน
ขณะที่เสกสรร วินไฟต์คลับ ก็เป็นตัวแทนของสายฟิตเนสและยิมทันสมัยที่เพิ่มบทบาทในวงการมวยไทยอย่างต่อเนื่อง

ศึกจิตรเมืองนนท์ คู่นี้จึงควรถูกมองว่าเป็นการวัดกันระหว่าง “มวยโรงเรียนค่ายดัง” กับ “มวยยิมสมัยใหม่” ว่าแนวทางการฝึกแบบไหนจะให้ผลลัพธ์ที่ชัดเจนกว่ากันบนเวที
ริคุอาจเน้นความครบเครื่องของมวยไทย ทั้งแข้ง เข่า หมัด และศอก ในขณะที่เสกสรรอาจโดดเด่นด้านสมรรถภาพร่างกายและความคล่องตัวเป็นพิเศษ
ผลแพ้–ชนะของคู่นี้จึงไม่ได้มีความหมายต่อแค่ตัวนักมวย แต่ยังเป็นเหมือนการเปรียบเทียบแนวทางการฝึกในยุคใหม่ของวงการมวยไทยอีกด้วย

คู่ที่ 7 เด่นคลองปราบ ศ.วิษณุพร vs เฟี้ยว สท.ไบร์ทบ้านบึง (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่ที่เจ็ด เด่นคลองปราบ ศ.วิษณุพร ปะทะ เฟี้ยว สท.ไบร์ทบ้านบึง พิกัด 100 ปอนด์ เป็นอีกคู่ที่น่าสนใจเพราะเป็นการเจอกันของสองค่ายที่มีชื่อปรากฏในบัตรหลายครั้ง ทั้งฝั่งศ.วิษณุพรและสจ.ไบร์ทบ้านบึง
เด่นคลองปราบในมุมแดงมีชื่อสื่อถึงความโดดเด่นในการควบคุมพื้นที่สังเวียน ขณะที่ “เฟี้ยว” ในมุมน้ำเงินชวนให้นึกถึงมวยที่มีลีลาและความคล่องตัวสูง
การเจอกันของทั้งสองจึงน่าจะเต็มไปด้วยการวัดกันทั้งเชิงเทคนิคและจังหวะเกมว่าใครจะสามารถแสดงจุดแข็งได้ชัดกว่าในสายตาผู้ชมและกรรมการ

ในแง่การชก เด่นคลองปราบอาจเน้นการยืนมวยแน่น ใช้แข้งเตะคุมระยะและหมัดค้ำให้คู่ชกไม่สามารถบุกแบบไร้ความเสี่ยงได้ง่าย ๆ
ขณะที่เฟี้ยวอาจใช้ความเร็วและความพลิ้วในการเข้าทำเป็นหลัก โดยเฉพาะจังหวะสลับมุมและการเข้า–ออกที่รวดเร็ว
หากเฟี้ยวสามารถสร้างภาพลักษณ์ “มวยเฟี้ยวฟ้าว” ได้ตลอดทั้งเกมโดยไม่หลุดจากกรอบแผน ก็อาจกุมความได้เปรียบเรื่องความประทับใจในสายตากรรมการ
แต่ถ้าเด่นคลองปราบควบคุมพื้นที่ได้ดี ปิดประตูไม่ให้เฟี้ยวใส่ลูกเล่นได้มาก ไฟต์นี้ก็มีโอกาสจบในแบบมวยเชิงจัดที่วัดกันด้วยคะแนนอย่างสนุกสูสี

คู่ที่ 8 เก็บตก สท.เชษฐ์บ้านเขว้า vs เบิกฤทธิ์ ลูกเมืองเพชร (พิกัด 104 ปอนด์)

คู่ที่แปดเป็นการยกระดับพิกัดขึ้นมาเป็น 104 ปอนด์ ระหว่าง เก็บตก สท.เชษฐ์บ้านเขว้า กับ เบิกฤทธิ์ ลูกเมืองเพชร
ชื่อของทั้งสองมุมมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่น่าสนใจ “เก็บตก” ทำให้นึกถึงมวยที่มีความสามารถในการเก็บรายละเอียดและจังหวะตกค้างของเกม
ส่วน “เบิกฤทธิ์” แสดงภาพมวยที่พร้อมปล่อยพลังและความดุดันออกมาอย่างเต็มที่
ไฟต์นี้ในศึกจิตรเมืองนนท์ จึงน่าจะเป็นการดวลกันของมวยที่ใช้สมองและมวยที่ใช้แรงผสมผสานกันอย่างลงตัว

เก็บตกอาจใช้วิธีรอและอ่านเกมให้มากก่อนออกอาวุธ ใช้จังหวะสวนกลับหลังเบิกฤทธิ์เดินเข้ามาเป็นพิเศษ เช่น เตะสวนหรือศอกในจังหวะหักมุม
ในทางตรงกันข้าม เบิกฤทธิ์ ลูกเมืองเพชร อาจเลือกเปิดเกมแบบดุดัน เดินบีบพื้นที่และพยายามทำให้เก็บตกไม่มีเวลาได้ใช้กลยุทธ์ที่ซับซ้อน
หากเบิกฤทธิ์เดินบุกอย่างมีวินัย ไม่วู่วามจนเปิดช่องเยอะ ไฟต์นี้อาจเอียงไปทางมุมเงิน แต่ถ้าการบุกนั้นเป็นไปอย่างรีบร้อนโดยไม่ดูจังหวะ เก็บตกก็พร้อมจะฉวยจังหวะ “เก็บแต้ม” ไปเรื่อย ๆ จนจบสามยกเช่นกัน

คู่ที่ 9 ยอดทองไท ก.วุฒิชัย vs พยัคฆ์หิรัญ ลูกเมืองเพชร (พิกัด 126 ปอนด์)

คู่ที่เก้า ยอดทองไท ก.วุฒิชัย พบ พยัคฆ์หิรัญ ลูกเมืองเพชร ในพิกัด 126 ปอนด์ เป็นคู่รุ่นใหญ่สุดของศึกจิตรเมืองนนท์ รอบนี้
พิกัดนี้มักให้ภาพมวยที่มีแรงปะทะหนัก การปะทะวงในและจังหวะหมัด–เข่ามักมีน้ำหนักเต็มออกทุกครั้ง
ยอดทองไทมุมแดงน่าจะเป็นมวยสายบู๊ที่ชื่อเสียงในระดับหนึ่งของสาย ก.วุฒิชัย ขณะที่พยัคฆ์หิรัญ ลูกเมืองเพชร ก็เป็นมวยที่มีชื่อค่ายการันตีว่าไม่ธรรมดา
การเจอกันในพิกัดนี้จึงเป็นหนึ่งในไฟต์สำคัญประจำบัตรที่คาดว่าจะดุเดือดและหนักแน่นกว่าคู่ก่อนหน้าอย่างชัดเจน

ยอดทองไทอาจใช้ลูกเดินชน เข้ากดดันตั้งแต่ต้นยก ใช้หมัดและเข่าทำงานให้เต็มที่เพื่อบั่นทอนท้องและลำตัวของพยัคฆ์หิรัญ
ส่วนพยัคฆ์หิรัญ ลูกเมืองเพชร อาจมีลูกเตะขาสลับเตะลำตัว และใช้การดักหมัดสวนในจังหวะที่ยอดทองไทเดินเข้ามาแรงเกินไป
เกมของคู่นี้จะเน้นความแข็งแรง ความอึด และการยืนระยะหากลากยาวครบสามยก
ใครรักษารูปมวยได้ตลอดจนยกสุดท้ายและยังมีอาวุธชัดเด่นอยู่ในมือมากกว่า ก็มีโอกาสได้เฮในไฟต์ใหญ่ของศึกจิตรเมืองนนท์ อย่างเต็มภาคภูมิ

คู่ที่ 10 ฉลามขาว จิตรเมืองนนท์ vs ยอดวิชา สท.เชษฐ์บ้านเขว้า (พิกัด 114 ปอนด์)

คู่ปิดท้ายของศึกจิตรเมืองนนท์ เป็นการเจอกันของสองค่ายใหญ่ ฉลามขาว จิตรเมืองนนท์ มุมแดง ปะทะ ยอดวิชา สท.เชษฐ์บ้านเขว้า ในพิกัด 114 ปอนด์
ชื่อ “ฉลามขาว” ทำให้คิดถึงมวยสไตล์นักล่าที่มีความคมในทุกจังหวะ มีทั้งหมัด–ศอก–เข่าที่พร้อมปล่อยเมื่อได้โอกาส
ส่วน “ยอดวิชา” แสดงถึงมวยที่เน้นการฝึกฝนและความละเอียดในเชิงมวยอย่างแท้จริง การจับคู่แบบนี้จึงเป็นเหมือนการวัดกันระหว่าง “สัตว์นักล่า” กับ “ผู้เชี่ยวชาญในวิชา” ที่มีความน่าสนใจในเชิงสัญลักษณ์และเชิงมวยไปพร้อมกัน

รูปเกมของฉลามขาว จิตรเมืองนนท์ อาจมาในลักษณะมวยฝีมือที่มีพร้อมทั้งรุกและรับ ใช้ลูกเตะและหมัดต่อยกดดันในจังหวะที่เห็นช่องว่าง ขณะที่ ยอดวิชา น่าจะเน้นการเล่นเชิง อาศัยจังหวะอ่านเกมของฉลามขาวและตอบโต้ด้วยอาวุธที่แม่นยำ
ไฟต์นี้หากทั้งคู่เล่นเกมแบบ “ดักไปดักมา” อาจกลายเป็นมวยเชิงที่สวยงาม ถูกใจเซียนมวยที่มองหาความหลากหลายของแม่ไม้มวยไทย
แต่ถ้ามีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งเลือกเร่งเกมบุกอย่างจริงจัง ก็อาจเห็นแฟนมวยลุกฮือจากที่นั่งเมื่อเกิดจังหวะชิงดำที่เปลี่ยนรูปมวยในพริบตา
คู่ปิดรายการศึกจิตรเมืองนนท์ คู่นี้จึงสมควรได้รับการจับตามองในฐานะไฟต์ที่อาจกลายเป็น “ของดี” แฝงตัวอยู่ช่วงท้ายบัตรอย่างแท้จริง

สรุปความน่าดูของศึกจิตรเมืองนนท์ 6 ธันวาคม 2568

ศึกจิตรเมืองนนท์ วันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 ณ เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 จ.นนทบุรี จึงเป็นบัตรมวยที่มีความน่าสนใจรอบด้าน
ทั้งในมุมของมวยเยาวชนที่มีถึง 7 คู่ในพิกัด 100 ปอนด์ มวยพิกัดกลาง–ใหญ่ในช่วงท้ายอย่างคู่ยอดทองไท–พยัคฆ์หิรัญ และคู่ฉลามขาว–ยอดวิชา
รวมไปถึงบทบาทของค่ายมวยและยิมสมัยใหม่ที่เข้ามามีส่วนร่วมในรายการอย่างเข้มข้น
ทุกไฟต์มีเรื่องราว มีบริบท และมีความหมายต่อการเติบโตของนักมวยในสายอาชีพ จึงนับได้ว่าศึกจิตรเมืองนนท์ รอบนี้เป็นหนึ่งในบัตรมวยที่แฟนมวยสายลึกไม่ควรพลาด

สำหรับผู้ที่ตั้งใจจะชมศึกจิตรเมืองนนท์ ทั้งในสนามและผ่านการถ่ายทอด การเตรียมตัวด้วยการอ่านโปรแกรมและการวิเคราะห์มุมต่าง ๆ ของคู่มวยก่อนชมจริง จะช่วยให้คุณดูมวยได้อย่างมีมิติยิ่งขึ้น
เพราะนอกจากจะรู้ว่าใครชกกับใครในน้ำหนักเท่าไร ยังเข้าใจเบื้องหลังของแต่ละค่าย เหตุผลของการจับคู่ และแนวโน้มของรูปเกมในแต่ละไฟต์
ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบมวยสายบู๊ มวยเชิง หรือมวยเยาวชน ศึกจิตรเมืองนนท์ ในวันที่ 6 ธันวาคม 2568 ก็พร้อมจะมอบความมันส์และความประทับใจให้คุณอย่างเต็มที่ในทุกคู่บนสังเวียน