ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ในวันอังคารที่ 9 ธันวาคม 2568 ณ เวทีมวยนานาชาติรังสิต จ.ปทุมธานี
ถือเป็นอีกหนึ่งรายการมวยค่ำคืนวันธรรมดาที่แฟนมวยไทยให้ความสนใจอย่างต่อเนื่อง
ด้วยเอกลักษณ์ของศึกมวยมันส์สนั่นเมืองที่เน้นเกมบู๊เดือดสาดหมัดสาดแข้งผสมกับสไตล์เทคนิคของค่ายภ.หลักบุญที่ขึ้นชื่อเรื่องการปั้นมวยเชิงจัด
ทำให้ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ รอบนี้เต็มไปด้วยคู่มวยที่ทั้งสนุก ดูง่าย และมีรายละเอียดให้สายวิเคราะห์ได้จับตาทั้งเรื่องน้ำหนักชั่งจริง พิกัด และชื่อชั้นของค่ายมวยที่เข้าร่วมบนสังเวียนรังสิต

โปรแกรมของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ประจำค่ำคืนวันที่ 9 ธันวาคม 2568 เริ่มชกตั้งแต่เวลา 18.00 น. ไปจนถึง 20.15 น.
ประกอบด้วยมวยทั้งหมด 10 คู่ แบ่งเป็นมวยพิกัดปอนด์ 5 คู่ในช่วงต้นบัตรสำหรับสายมวยอาชีพ และมวยพิกัดกิโลกรัม 5 คู่ช่วงท้ายที่เน้นมวยเยาวชนและดาวรุ่งสายพลังสด
มีตั้งแต่รุ่นเล็ก 30.5 กิโลกรัมไปจนถึงรุ่น 45.5 กิโลกรัม
เมื่อรวมกับนักมวยจากค่ายดังและยิมมาตรฐานอย่างทาวน์อินทาวน์ยิม เกียรติจำรูญ ศูนย์กีฬากุดฉิม ศิษย์อาจารย์ต่าย ศิษย์วัชรชัย และอีกหลายสำนัก
ทำให้ศึกนี้มีความน่าสนใจทั้งในมุมของความมันส์และในมุมของการมองอนาคตมวยไทยไปพร้อมกัน

โปรแกรมมวยศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ 9 ธันวาคม 2568 เวทีมวยนานาชาติรังสิต

ตารางโปรแกรมมวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ 9 ธันวาคม 2568

ด้านล่างนี้คือตารางโปรแกรมมวยของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ที่รวบรวมข้อมูลคู่ชกทั้งหมดในค่ำคืนนี้อย่างครบถ้วน
ทั้งชื่อมุมแดงมุมน้ำเงิน ค่ายหรือสังกัด พิกัดการชก และสถานะน้ำหนักชั่งจริงที่มีผลต่อสภาพร่างกายและรูปเกมบนเวที
สำหรับแฟนมวยที่ต้องการเตรียมตัวก่อนชมมวยจริง ตารางนี้จะช่วยให้คุณมองเห็นโครงสร้างของการ์ด และประเมินเบื้องต้นได้ว่าคู่ใดน่าจับตามองเป็นพิเศษในแง่ของน้ำหนักและความสูสีเชิงสรีระ

คู่ที่ มุมแดง ค่าย/สังกัด พิกัด ชั่งได้ / สถานะ มุมน้ำเงิน ค่าย/สังกัด พิกัด ชั่งได้ / สถานะ หมายเหตุ
1 โรเบิร์ต ปานนิวัฒน์มวยไทย 102.0 ปอนด์ ชั่งได้ ตามพิกัด เขาตะเว ทาวน์อินทาวน์ยิม 102.0 ปอนด์ ชั่งได้ ตามพิกัด เปิดหัวรุ่น 102 ปอนด์ มวยโปรอาชีพ
2 เพชรเอก เกียรติจำรูญ 112.0 ปอนด์ ชั่งได้ ลด 0.1 ปอนด์ สิงห์เพชร อ.ปิยะพันธ์ฟาร์ม 112.0 ปอนด์ ชั่งได้ ลด 0.3 ปอนด์ มวยพิกัด 112 ปอนด์ ลดน้ำหนักทั้งคู่
3 พรสวรรค์ ศูนย์กีฬากุดฉิม 108.0 ปอนด์ ชั่งได้ ตามพิกัด โจเซฟ ศิษย์จอมยุทธ 108.0 ปอนด์ ชั่งได้ ตามพิกัด รุ่น 108 ปอนด์ ไทย vs ต่างชาติ
4 เพชรอะตอม เกียรติจำรูญ 108.0 ปอนด์ ชั่งได้ ตามพิกัด มนต์ดำ ศิษย์อาจารย์ต่าย 108.0 ปอนด์ ชั่งได้ ตามพิกัด มวยโปรเชิงจัด พิกัด 108 ป.
5 เดชบากิ จ่าแสร์คอหงส์ 114.0 ปอนด์ ชั่งได้ ลด 1.0 ปอนด์ มังกรหยก ทาวน์อินทาวน์ยิม 114.0 ปอนด์ ชั่งได้ ตามพิกัด คู่เดือดรุ่น 114 ปอนด์ แดงรีดหนัก
6 นายกเล็ก สิงห์เดชา 30.5 กก. ชั่งได้ ขาด 0.2 กก. เพชรตั้งใจ บาสทุ่งเขาหลวง 31.0 กก. ชั่งได้ ลด 0.2 กก. มวยเยาวชนรุ่น 30.5/31 กก.
7 มาร์คกี้ ศิษย์วัชรชัย 35.0 กก. ชั่งได้ ลด 0.3 กก. แชมป์ ศิษย์ อ.ปราโมทย์ 35.0 กก. ชั่งได้ ขาด 0.1 กก. คู่มวยเด็กชื่อจำง่าย รุ่น 35 กก.
8 ยอดปังตอ ศูนย์กีฬากุดฉิม 45.0 กก. ชั่งได้ ลด 0.4 กก. จอมโหด ก็อตชี้มวยชอบ 45.0 กก. ชั่งได้ ตามพิกัด มวยเยาวชนรุ่น 45 กก. เดือดแน่
9 เพชรอัศวิน มวยหูทวีศักดิ์เล็ก 35.0 กก. ชั่งได้ ลด 0.1 กก. ยอดธันวา ธ.เมืองเสมา 35.0 กก. ชั่งได้ ลด 0.1 กก. มวยเด็กพิกัด 35 กก. สองมุมรีดเท่า ๆ กัน
10 เด่นณัฐพงศ์ ทรายมูลสนุ๊กเกอร์ 45.0 กก. ชั่งได้ ขาด 0.1 กก. ยอดธีภพ แอ๊ดสันป่าตอง 45.5 กก. ชั่งได้ ลด 0.3 กก. คู่ปิดบัตร รุ่น 45/45.5 กก. เกมจัดเต็ม

จากตารางจะเห็นได้ชัดว่าศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ รอบนี้มีความหลากหลายของพิกัดและสถานะน้ำหนักชั่งจริงอย่างน่าสนใจ
คู่ต้น ๆ ส่วนใหญ่เป็นมวยพิกัดปอนด์ที่นักชกทั้งสองมุมควบคุมน้ำหนักได้ดี ลดไม่มากและไม่ขาดเกิน ซึ่งมักทำให้เกมออกมาสมดุลและเน้นที่ฝีมือกับกลยุทธ์บนเวทีเป็นหลัก
ส่วนช่วงท้ายบัตรมีมวยเยาวชนพิกัดกิโลกรัมที่ทั้งลดและขาดเล็กน้อยตามธรรมชาติของมวยเด็กที่ยังอยู่ในช่วงเติบโต
รายละเอียดเหล่านี้ล้วนส่งผลต่อภาพรวมของเกมการชกที่แฟนมวยจะได้ชมในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ค่ำคืนนั้นอย่างแน่นอน

วิเคราะห์ภาพรวมโครงสร้างบัตร ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ

ถ้ามองภาพรวมของทั้งบัตรศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ จะพบว่าผู้จัดวางโครงสร้างได้ “มีจังหวะ” และสมดุลระหว่างมวยอาชีพและมวยเยาวชนอย่างชัดเจน
ช่วงต้นรายการในคู่ที่ 1–5 เป็นมวยพิกัดปอนด์ที่เน้นนักชกอาชีพระดับเล็กถึงกลาง เริ่มจากพิกัด 102 ปอนด์ค่อย ๆ ขยับไปถึง 114 ปอนด์
ทำให้แฟนมวยได้เห็นทั้งความเร็วและแรงปะทะที่เข้มข้น เหมาะกับการดึงเรตติ้งและสร้างความสนใจตั้งแต่เริ่มถ่ายทอด
จากนั้นช่วงคู่ 6–10 จึงเปลี่ยนโทนเข้าสู่มวยพิกัดกิโลกรัมที่เน้นเยาวชนและดาวรุ่งสายพลังสด โดยเฉพาะรุ่น 30.5, 35 และ 45 กิโลกรัมที่มีจังหวะเกมรวดเร็วตามสไตล์มวยเด็ก

การจัดให้มีมวยเยาวชนในช่วงครึ่งหลังของบัตรยังช่วยสร้างภาพ “สองมิติ” ให้ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ คือด้านหนึ่งตอบโจทย์แฟนมวยที่ชอบดูมวยมันส์แบบอาชีพในรุ่น 102–114 ปอนด์
อีกด้านหนึ่งก็ทำหน้าที่เป็นเวทีบ่มเพาะฝีมือให้มวยเยาวชนจากค่ายต่าง ๆ ได้สะสมประสบการณ์บนเวทีนานาชาติรังสิต
เมื่อทั้งสองส่วนถูกวางในบัตรเดียวกัน แฟนมวยจึงได้ทั้งความมันส์ทันทีและได้เห็นอนาคตของวงการมวยไทยที่กำลังก่อตัวจากมวยรุ่นเล็กเหล่านี้ไปพร้อมกันในคราวเดียว

วิเคราะห์น้ำหนักชั่งจริงและผลต่อรูปเกมในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ

หนึ่งในรายละเอียดที่ช่วยให้การวิเคราะห์ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ มีมิติมากขึ้นคือข้อมูลน้ำหนักชั่งจริงของนักมวยแต่ละคู่
จากตารางจะเห็นว่าในกลุ่มมวยอาชีพช่วงต้นบัตร นักมวยอย่างเพชรเอกและสิงห์เพชรในคู่ที่ 2 ต่างลดน้ำหนักเพียงเล็กน้อย 0.1 และ 0.3 ปอนด์ ตามลำดับ
พรสวรรค์และโจเซฟในคู่ที่ 3 รวมถึงเพชรอะตอมและมนต์ดำในคู่ที่ 4 ก็ชั่งได้ตามพิกัดเต็ม
ทำให้คู่เหล่านี้มีความสมดุลสูงในด้านร่างกาย เน้นวัดกันที่ฝีมือและแท็กติกเป็นหลักกว่าปัจจัยน้ำหนัก
ข้อยกเว้นสำคัญคือเดชบากิในคู่ที่ 5ที่ต้องลดน้ำหนักถึง 1.0 ปอนด์ เพื่อให้เข้าเป้าพิกัด 114 ซึ่งอาจมีผลต่อแรงปลายในยกสามได้หากฟื้นตัวไม่เต็มร้อย

ในส่วนของมวยเยาวชนช่วงท้ายบัตร น้ำหนักที่ลดหรือขาดส่วนใหญ่จะอยู่ในระดับ 0.1–0.4 กิโลกรัม
เช่น มาร์คกี้ลด 0.3 กิโลกรัม แชมป์ขาด 0.1 กิโลกรัม ยอดปังตอลด 0.4 กิโลกรัม หรือเพชรอัศวินกับยอดธันวาที่ลดเท่ากัน 0.1 กิโลกรัม
ตัวเลขเหล่านี้แสดงให้เห็นว่าระบบการควบคุมพิกัดของมวยเด็กเริ่มมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น และไม่ปล่อยให้เด็กต้องรีดน้ำหนักหนักเกินไปจนเสี่ยงต่อสุขภาพ
เมื่อทั้งบัตรมีตั้งแต่มวยที่ลดหนักเล็กน้อยไปจนถึงมวยที่ตามพิกัดหรือขาดเพียงเล็กน้อย ก็ทำให้รูปเกมของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ มีความหลากหลายอย่างเป็นธรรมชาติ น่าดูทั้งในมุมของสายเชียร์และสายวิเคราะห์มวยอย่างแท้จริง

วิเคราะห์คู่มวย ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ คู่ต่อคู่

เมื่อเข้าใจภาพรวมและรายละเอียดด้านน้ำหนักชั่งจริงแล้ว เรามาดูการวิเคราะห์ในระดับคู่ต่อคู่ของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ กันต่อว่าแต่ละไฟต์มีจุดเด่นและแนวโน้มเกมบนเวทีอย่างไร
การวิเคราะห์นี้จะช่วยให้แฟนมวยที่ตั้งใจตามชมรายการในค่ำคืนวันที่ 9 ธันวาคม 2568 สามารถเปิดดูเกมชกได้อย่างมีข้อมูลในมือ
และเข้าใจว่าทำไมมวยบางคนจึงเดินเกมรุกตั้งแต่ต้น ในขณะที่บางคนอาจเน้นเกมรับและจังหวะสวนกลับแทนการบุกแบบแลกหมัดกับคู่ชกโดยตรง

คู่ที่ 1 โรเบิร์ต ปานนิวัฒน์มวยไทย vs เขาตะเว ทาวน์อินทาวน์ยิม (พิกัด 102 ปอนด์)

คู่เปิดหัวของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ เป็นการปะทะในพิกัด 102 ปอนด์ ระหว่าง โรเบิร์ต จากค่ายปานนิวัฒน์มวยไทย กับ เขาตะเว จากทาวน์อินทาวน์ยิม
โดยทั้งสองชั่งได้ตามพิกัดแบบไม่มีการลดหรือขาดน้ำหนัก ทำให้สภาพร่างกายของทั้งคู่ถือว่าเต็มร้อยในมุมตัวเลข
ข้อดีคือผู้ชมจะได้เห็นเกมที่วัดกันด้วยความสามารถจริง ๆ ไม่ถูกบิดเบือนจากการรีดน้ำหนักหนักเกินไปหรือการขาดพิกัดจนเสียเปรียบ
โรเบิร์ตในฐานะมวยสายค่ายมวยไทยดั้งเดิมอาจเน้นการเดินเข้าทำอย่างเป็นระบบ ขณะที่เขาตะเวจากยิมสมัยใหม่อย่างทาวน์อินทาวน์ยิม ก็น่าจะพกฟิตเนสและการเคลื่อนที่ที่คล่องตัวมาเป็นจุดขายเช่นกัน

ในเชิงรูปเกม โรเบิร์ตอาจใช้สไตล์มวยฝีมือผสมเดินชน พยายามใช้แข้งยาวและหมัดหนึ่ง–สองบีบให้เขาตะเวต้องถอยหรือรับอยู่ตลอดเพื่อควบคุมจังหวะ
ส่วนเขาตะเวอาจเน้นเกมไว อาศัยฟุตเวิร์คหลบแล้วโต้ กลายเป็นมวยที่เล่นจังหวะสองมากกว่าปะทะตรง
คู่เปิดของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ จึงมีแนวโน้มจะเป็นการวัดกันของ “มวยครบเครื่องสายค่าย” กับ “มวยทีฟิตสายยิม” ในพิกัดที่ทั้งสองฝ่ายไม่มีข้ออ้างเรื่องตัวเลขน้ำหนักให้พูดถึงกันภายหลัง

คู่ที่ 2 เพชรเอก เกียรติจำรูญ vs สิงห์เพชร อ.ปิยะพันธ์ฟาร์ม (พิกัด 112 ปอนด์)

คู่ที่สองในพิกัด 112 ปอนด์ เป็นการพบกันของสองค่ายที่แฟนมวยรู้จักดีคือ เพชรเอก จากเกียรติจำรูญ และ สิงห์เพชร จากอ.ปิยะพันธ์ฟาร์ม
โดยเพชรเอกลดน้ำหนักเพียง 0.1 ปอนด์ ขณะที่สิงห์เพชรลด 0.3 ปอนด์ ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ไม่หนักจนเกินไปทั้งคู่
เพชรเอกในมุมแดงมาจากค่ายที่เน้นมวยฝีมือครบอาวุธ มีความละเอียดในจังหวะออกแข้งและการป้องกันตัว
ส่วนสิงห์เพชรในมุมน้ำเงินจากฟาร์มมวย อ.ปิยะพันธ์ น่าจะเป็นมวยสายบู๊ที่ผ่านการกรำศึกมาในเวทีภูธรและเวทีท้องถิ่นมามากพอสมควรก่อนจะถูกดันขึ้นรายการสำคัญอย่างคืนนี้

รูปเกมของไฟต์นี้มีโอกาสสูงที่จะเป็นการสู้กันในจังหวะกลางเวทีแบบดุเดือดแต่ไม่มั่ว
เพชรเอกอาจเน้นจังหวะเตะและหมัดที่แม่นชัดเล่นงานลำตัวและใบหน้าของคู่ชก ขณะที่สิงห์เพชรอาจเดินสาดหมัดและใช้เข่าเข้าประชิดเพื่อบีบให้เพชรเอกเสียจังหวะ
หากเพชรเอกสามารถรักษาระยะและจังหวะของตัวเองได้ดี เกมจะไหลไปในทิศทางมวยฝีมือทำ แต้มต่อเนื่อง
แต่หากสิงห์เพชรบีบให้เกมกลายเป็นมวยแลกแบบตีโต้ไม่หยุดได้สำเร็จ เมื่อนั้นความแกร่งและหัวใจนักสู้ของฝั่งน้ำเงินอาจกลายเป็นจุดเด่นที่ทำให้ไฟต์นี้พลิกความคาดหวังของหลาย ๆ คนได้เช่นกัน

คู่ที่ 3 พรสวรรค์ ศูนย์กีฬากุดฉิม vs โจเซฟ ศิษย์จอมยุทธ (พิกัด 108 ปอนด์)

คู่ที่สามระหว่าง พรสวรรค์ ศูนย์กีฬากุดฉิม กับ โจเซฟ ศิษย์จอมยุทธ ในพิกัด 108 ปอนด์ เป็นหนึ่งในคู่ที่น่าสนใจในระดับ “ไทย vs ต่างชาติ” บนศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ
ทั้งสองชั่งได้ตามพิกัด ถือว่าเริ่มต้นจากฐานสรีระที่แฟร์กันทั้งคู่
พรสวรรค์จากศูนย์กีฬากุดฉิม น่าจะเป็นมวยที่ผ่านการฝึกในระบบโรงเรียนกีฬา มีสภาพร่างกายดีและรับผิดชอบเรื่องสภาพความฟิตได้ระดับมืออาชีพ
ส่วนโจเซฟ ศิษย์จอมยุทธ เป็นตัวแทนของนักชกต่างชาติหรือสายลูกครึ่งที่ซึมซับศิลปะมวยไทยผ่านค่ายไทยอย่างจริงจัง พร้อมสู้ด้วยความกล้าเต็มร้อย

เกมในไฟต์นี้น่าจะเป็นเกมที่เดินแลกในระดับหนึ่งแต่แอบแฝงด้วยการวางแผนทั้งสองฝั่ง
พรสวรรค์อาจใช้หลักมวยไทยแบบครบเครื่อง ทั้งเตะ ต่อย เข่า และการป้องกันที่มีระบบ เพื่อตัดจังหวะของโจเซฟไม่ให้ได้ใช้หมัดเต็มแรงบ่อยครั้ง
ขณะที่โจเซฟอาจหวังใช้พละกำลังและหมัดตรงที่หนักเป็นอาวุธหลักในการสร้างความต่าง
ไฟต์นี้จึงเป็นอีกหนึ่งจุดเชื่อมของมวยไทยกับนักชกต่างชาติในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ซึ่งแฟนมวยควรจับตาดูว่าฝั่งใดจะทำให้สไตล์ของตัวเองเด่นชัดได้มากกว่ากันตลอดสามยก

คู่ที่ 4 เพชรอะตอม เกียรติจำรูญ vs มนต์ดำ ศิษย์อาจารย์ต่าย (พิกัด 108 ปอนด์)

คู่ที่สี่ในพิกัด 108 ปอนด์ เป็นการพบกันของ เพชรอะตอม เกียรติจำรูญ และ มนต์ดำ ศิษย์อาจารย์ต่าย ซึ่งทั้งสองชั่งได้ตามพิกัดเต็ม
เพชรอะตอมในมุมแดงเป็นมวยจากค่ายเกียรติจำรูญที่ขึ้นชื่อเรื่องการสร้างมวยฝีมือดีที่มีลูกเล่นหลากหลาย
ส่วนมนต์ดำจากศิษย์อาจารย์ต่าย ก็เป็นสายวิชาเข้ม ที่แฟนมวยจำนวนไม่น้อยคาดหวังว่าจะได้เห็นการใช้ลูกไม้แม่ไม้มวยไทยแบบสวย ๆ บนเวที
ในแง่ของความสมดุล ฝีมือและประสบการณ์ของทั้งคู่ถือว่าน่าจะสูสี ทำให้คู่นี้มีโอกาสเป็นมวยเชิงที่ดูสนุกในระดับสูง

ในเชิงเกมการชก เพชรอะตอมอาจใช้สไตล์มวยฝีมือที่เน้นการคุมระยะด้วยแข้งหน้าและการโยกหลอกคู่ชกก่อนจะเข้าทำ
มนต์ดำในอีกฝั่งน่าจะเน้นการดักเตะและศอกสั้นในจังหวะเข้า–ออก รวมถึงเกมวงในที่อาจมีเข่าแทรกมาเป็นตัวทำคะแนน
หากศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ มีไฟต์ที่เน้นความสวยของเชิงมากกว่าความบู๊แบบเดินชนทุกวินาที คู่นี้ก็น่าจะติดหนึ่งในรายชื่อแบบไม่ต้องสงสัย
แฟนมวยที่ชื่นชอบการดูว่ามวยสองค่ายใหญ่จะงัดวิชาอะไรมาประชันกันในกรอบ 108 ปอนด์ ควรเก็บไฟต์นี้ไว้ในลิสต์ไฟต์ห้ามพลาดของค่ำคืนนี้

คู่ที่ 5 เดชบากิ จ่าแสร์คอหงส์ vs มังกรหยก ทาวน์อินทาวน์ยิม (พิกัด 114 ปอนด์)

คู่ที่ห้าในพิกัด 114 ปอนด์ ระหว่าง เดชบากิ จ่าแสร์คอหงส์ กับ มังกรหยก ทาวน์อินทาวน์ยิม เป็นหนึ่งในคู่ที่น่าจับตาอย่างยิ่งของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ
เพราะเดชบากิต้องลดน้ำหนักถึง 1.0 ปอนด์ ขณะที่มังกรหยกชั่งได้ตามพิกัดเต็ม
ในแง่ของสรีระ เดชบากิอาจมีฐานตัวจริงที่ใหญ่กว่าเล็กน้อยแต่เสียพลังงานไปพอสมควรกับการรีดน้ำหนัก
ส่วนมังกรหยกอยู่ในจุดที่สมดุลระหว่างความแน่นของกล้ามเนื้อและความฟิต ทำให้มีความได้เปรียบเล็ก ๆ ในเรื่องความมั่นใจด้านร่างกายก่อนขึ้นชก

อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักของเดชบากิก็มีข้อดีคือทำให้รูปร่างเขาดูแห้งและคม ทำให้ช่วงต้นยกมีโอกาสใช้ลูกหนัก ๆ อย่างเต็มที่ทั้งหมัดและแข้ง
ในขณะที่มังกรหยกจากทาวน์อินทาวน์ยิม น่าจะวางเกมคุมมากกว่าเดินเปรี้ยงตั้งแต่ต้น เพราะรู้ว่าหากลากเข้ายกสาม ความสดของตัวเองอาจเหนือกว่า
ไฟต์นี้จึงมีโอกาสเห็นภาพแดงแรงต้น–น้ำเงินแรงปลายอย่างชัดเจน
แฟนมวยที่ชอบดูเกมพลิกในยกสามควรให้ความสนใจกับคู่นี้เป็นพิเศษในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ครั้งนี้

คู่ที่ 6 นายกเล็ก สิงห์เดชา vs เพชรตั้งใจ บาสทุ่งเขาหลวง (พิกัด 30.5/31.0 กิโลกรัม)

คู่ที่หกเป็นมวยเยาวชนในพิกัด 30.5/31.0 กิโลกรัม ระหว่าง นายกเล็ก สิงห์เดชา ที่ชั่งได้ขาด 0.2 กิโลกรัม กับ เพชรตั้งใจ บาสทุ่งเขาหลวง ที่ชั่งได้ลด 0.2 กิโลกรัม
ต่างฝ่ายต่างไม่ได้เสียเปรียบกันมากในเชิงตัวเลข แต่การที่เพชรตั้งใจยืนพิกัดสูงกว่าเล็กน้อย อาจหมายถึงมีตัวจริงใหญ่กว่าและรีดลงมาเล็กน้อย ขณะที่นายกเล็กตัวเบากว่า
ในมวยเยาวชนระดับนี้ ความเร็วและความมุ่งมั่นมีผลต่อรูปเกมมาก ไม่แพ้ความได้เปรียบในเชิงน้ำหนักเพียงเล็กน้อย

นายกเล็ก สิงห์เดชา อาจมาในสไตล์มวยตั้งใจเดินทำอย่างเต็มที่ ใช้การเข้าถึงตัวเร็วและออกของต่อเนื่องเพื่อสร้างความโดดเด่นในสายตากรรมการ
ด้านเพชรตั้งใจ บาสทุ่งเขาหลวง เองนั้นชื่อก็บอกอยู่แล้วว่ามีความตั้งใจและฝึกฝนมาอย่างดี มีโอกาสที่จะออกอาวุธอย่างเป็นระเบียบ
คู่มวยคู่นี้ในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ จึงสื่อภาพ “มวยเยาวชนไทย” ที่เต็มไปด้วยสปิริตพร้อมเดินหน้าใส่กันอย่างไม่กลัวเจ็บ เพื่อเก็บเกี่ยวประสบการณ์และเตรียมขึ้นสู่บันไดขั้นถัดไปในเวทีใหญ่

คู่ที่ 7 มาร์คกี้ ศิษย์วัชรชัย vs แชมป์ ศิษย์ อ.ปราโมทย์ (พิกัด 35.0 กิโลกรัม)

คู่ที่เจ็ดในพิกัด 35 กิโลกรัม ระหว่าง มาร์คกี้ ศิษย์วัชรชัย ที่ลดน้ำหนัก 0.3 กิโลกรัม กับ แชมป์ ศิษย์ อ.ปราโมทย์ ที่ขาด 0.1 กิโลกรัม
ให้ภาพการเจอกันของมวยเยาวชนสองค่ายที่เน้นสร้างมวยคุณภาพและชื่อจำง่าย
ชื่อของมาร์คกี้และแชมป์ต่างก็เป็นชื่อที่เหมาะกับการสร้างแบรนด์มวยในยุคใหม่ และเหมาะกับเวทีอย่างศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ที่ต้องการสีสันและจุดขายชัดเจนในทุกคู่

มาร์คกี้อาจมีจุดเด่นด้านความแข็งแรงและการฝึกที่เข้มข้นจากสายศิษย์วัชรชัย ซึ่งมักให้ความสำคัญกับการวางพื้นฐานในทุกด้าน
ส่วนแชมป์ ศิษย์ อ.ปราโมทย์ ก็มีโอกาสเป็นมวยเชิงที่ใช้การอ่านเกมและตอบโต้ในจังหวะที่เหมาะสม
ไฟต์นี้อาจเป็นเกมแลกเร็วที่ทั้งสองฝ่ายต่างต้องการยืนยันว่าตนเองมีของสมชื่อมากน้อยเพียงใด
สำหรับแฟนมวยที่ชอบดูคู่มวยเยาวชนที่ผสมทั้งฝีมือและสีสัน คู่นี้คืออีกหนึ่งไฟต์ในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ที่ไม่ควรมองข้ามเลยทีเดียว

คู่ที่ 8 ยอดปังตอ ศูนย์กีฬากุดฉิม vs จอมโหด ก็อตชี้มวยชอบ (พิกัด 45.0 กิโลกรัม)

คู่ที่แปดในพิกัด 45 กิโลกรัม ระหว่าง ยอดปังตอ ศูนย์กีฬากุดฉิม กับ จอมโหด จากสังกัด ก็อตชี้มวยชอบ
เป็นอีกคู่ที่ชื่อมวยสะท้อนความดุดันในแบบที่แฟนมวยคาดหวังจากรายการอย่างศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ
ยอดปังตอลดน้ำหนัก 0.4 กิโลกรัม ขณะที่จอมโหดชั่งได้ตามพิกัด ทำให้ฝั่งน้ำเงินมีความแน่นของร่างกายมากกว่าบาง ๆ แต่ฝั่งแดงมีความเบาสบายและอาจเคลื่อนที่ได้เร็วกว่าเล็กน้อย
การเจอกันของสองชื่อที่เต็มไปด้วยพลังเช่นนี้ ย่อมมีโอกาสสูงที่จะกลายเป็นคู่เดือดแห่งค่ำคืน

ยอดปังตออาจเลือกเดินเกมบุก เตะต่อยเป็นชุดตามสไตล์มวยเยาวชนจากศูนย์กีฬาที่ได้รับการฝึกให้ครบเครื่องตั้งแต่ต้น
ในขณะที่จอมโหด ก็อตชี้มวยชอบ ก็น่าจะไม่ถอยหนีง่าย ๆ เพราะชื่อค่ายก็สื่อว่าเป็นมวยที่ถูกเลือกมาเพราะสไตล์ดุดันถูกใจแฟนมวย
หากทั้งสองฝ่ายตัดสินใจเล่นเกมแลกกันเต็มตัว ผู้ชมก็มีโอกาสได้เห็นไฟต์ที่ไม่มีใครยอมใครตั้งแต่ยกแรกจนยกสุดท้าย
เรียกได้ว่าเป็นหนึ่งในคู่ที่มีโอกาสขโมยซีนคู่ใหญ่ ๆ ในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ได้เลยทีเดียว

คู่ที่ 9 เพชรอัศวิน มวยหูทวีศักดิ์เล็ก vs ยอดธันวา ธ.เมืองเสมา (พิกัด 35.0 กิโลกรัม)

คู่ที่เก้าในพิกัด 35 กิโลกรัม ระหว่าง เพชรอัศวิน จากสายมวยหูทวีศักดิ์เล็ก และ ยอดธันวา จาก ธ.เมืองเสมา
ทั้งสองชั่งได้ลดเท่ากันที่ 0.1 กิโลกรัม แสดงให้เห็นถึงความสมดุลและความเป็นมืออาชีพแม้จะเป็นมวยเยาวชน
เพชรอัศวิน ในชื่อค่ายมวยหูฯ บ่งบอกว่ามีเซียนมวยให้การสนับสนุน ซึ่งมักจะเลือกมวยที่มีสไตล์ถูกใจสายเล่น ขณะที่ยอดธันวาเองจากค่ายธ.เมืองเสมาก็มีแนวทางการปั้นมวยที่เน้นความครบเครื่องและความนิ่งไม่แพ้กัน

ไฟต์นี้ในศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ น่าจะเป็นเกมแบบยืดเยื้อที่มีการวัดกันทั้งในจังหวะรุกและรับ
เพชรอัศวินอาจใช้การเดินเข้าสาดแข้ง–หมัดแบบมีชั้นเชิง ส่วนยอดธันวาอาจใช้การรับแล้วโต้ด้วยจังหวะที่มั่นคง
เพราะน้ำหนักชั่งจริงแทบไม่ต่างกัน จึงไม่มีข้ออ้างเรื่องสรีระใด ๆ มาเป็นตัวแปรให้พูดถึงหลังชก
ทำให้คู่ที่เก้านี้จัดเป็นหนึ่งในคู่ที่ “วัดกันด้วยฝีมือ” อย่างแท้จริงในศึกคืนนี้ แฟนมวยที่ชื่นชอบการดูมวยเด็กที่มีระเบียบแบบแผน ไม่ใช่บู๊อย่างเดียว น่าจะถูกใจไฟต์นี้เป็นพิเศษ

คู่ที่ 10 เด่นณัฐพงศ์ ทรายมูลสนุ๊กเกอร์ vs ยอดธีภพ แอ๊ดสันป่าตอง (พิกัด 45.0/45.5 กิโลกรัม)

คู่สุดท้ายของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ เป็นการเจอกันในพิกัด 45.0/45.5 กิโลกรัม ระหว่าง เด่นณัฐพงศ์ ทรายมูลสนุ๊กเกอร์ ซึ่งชั่งได้ขาด 0.1 กิโลกรัม ในพิกัด 45 กก.
กับ ยอดธีภพ จากค่ายแอ๊ดสันป่าตอง ที่ต้องลดน้ำหนัก 0.3 กิโลกรัมให้ลงมาอยู่ในพิกัด 45.5 กิโลกรัม
แม้จะมีความต่างของตัวเลขเล็กน้อย แต่มวยทั้งสองฝ่ายก็ยังถือว่าอยู่ในระดับความพร้อมที่สูงพอสมควร สำหรับการปิดค่ำคืนมวยในสังเวียนนานาชาติรังสิตแบบน่าประทับใจ

เด่นณัฐพงศ์จากสายทรายมูลสนุ๊กเกอร์ มีแนวโน้มเป็นมวยฝีมือดี รูปร่างสมส่วน เน้นจังหวะเตะและหมัดที่ชัดเจน ขณะที่ยอดธีภพ จากแอ๊ดสันป่าตอง น่าจะเน้นสไตล์บู๊แบบภาคใต้ เดินเข้าหาและปล่อยของแบบไม่คิดเยอะ
ไฟต์นี้จึงมีโอกาสเป็นการปะทะกันของ “มวยเชิงทรงสวย” กับ “มวยดิบมันส์” ที่ลงตัวสมชื่อศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ อย่างแท้จริง
หากทั้งสองเลือกเดินเกมบู๊แลกแบบเต็มอัตรา บทสรุปคู่นี้ก็อาจกลายเป็นไฟต์ที่ทำให้แฟนมวยลุกขึ้นยืนส่งเสียงเชียร์กันทั้งสนามก่อนกลับบ้านด้วยความสะใจ

สรุปความน่าชมของศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ 9 ธันวาคม 2568

โดยภาพรวม ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ วันที่ 9 ธันวาคม 2568 ณ เวทีมวยนานาชาติรังสิต จ.ปทุมธานี
ถือเป็นบัตรมวยที่ผสมผสานทั้งความมันส์แบบมวยอาชีพรุ่นเล็ก–กลางในช่วงต้นบัตร และความสดของมวยเยาวชนในช่วงท้ายบัตรได้อย่างสมดุล
ตั้งแต่คู่เปิดหัวอย่างโรเบิร์ต–เขาตะเว ที่วัดกันแบบน้ำหนักเท่ากัน ไปจนถึงคู่สุดท้ายอย่างเด่นณัฐพงศ์–ยอดธีภพ ที่มีความต่างพิกัดเพียงเล็กน้อยแต่เต็มไปด้วยความดุเดือดในทุกจังหวะ
เมื่อมองรวมกับน้ำหนักชั่งจริงที่อยู่ในระดับควบคุมได้ดี ไม่มีใครต้องรีดหนักจนเสียสภาพร่างกายเกินไป ทุกคู่บนการ์ดจึงพร้อมมอบเกมที่ทั้งสนุกและแฟร์ในสายตาแฟนมวย

สำหรับแฟนมวยที่ต้องการชมมวยทีวีหรือมวยถ่ายทอดสดที่มีทั้งสีสัน ความดุเดือด และแฝงด้วยมิติของการพัฒนาดาวรุ่ง ศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ คือหนึ่งในรายการที่ไม่ควรมองข้าม
การเตรียมตัวด้วยการอ่านตารางโปรแกรมและบทวิเคราะห์เช่นนี้ จะช่วยให้ทุกหมัดทุกเข่าที่คุณได้ชมมีความหมายมากขึ้น เพราะเข้าใจว่าภายใต้ชื่อค่ายและตัวเลขพิกัดเหล่านั้น มีทั้งกลยุทธ์การสร้างมวย การคุมร่างกาย และแนวทางการชกที่ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถัน
เมื่อนั่งชมศึกมวยมันส์สนั่นเมือง+ภ.หลักบุญ ในค่ำคืนวันที่ 9 ธันวาคม คุณจึงไม่เพียงดูมวยเพื่อความมันส์ แต่ยังได้เห็นภาพของมวยไทยยุคใหม่ที่เดินหน้าอย่างแข็งแรงบนเวทีรังสิตด้วยสายตาของคนที่เข้าใจเกมมากขึ้นอีกระดับหนึ่ง