ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ในค่ำวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งอีเวนต์มวยไทยระดับเวิลด์คลาสที่แฟนมวยทั้งชาวไทยและต่างชาติไม่ควรมองข้าม เพราะศึกนี้ไม่ใช่แค่การจัดมวยไทยแบบปกติ แต่คือส่วนหนึ่งของโปรเจกต์ RWS : Rajadamnern World Series ที่ต้องการยกระดับเวทีมวยราชดำเนินให้เป็นสังเวียนศูนย์กลางของมวยไทยในสายตาแฟนกีฬาทั่วโลก การ์ดในครั้งนี้ประกอบด้วยมวยทั้งหมด 7 คู่ ตั้งแต่พิกัดเล็ก 105 ปอนด์ไปจนถึงรุ่นใหญ่ 154 ปอนด์ ผสมผสานทั้งมวยไทยและนักสู้ต่างชาติในรูปแบบที่ลงตัวและน่าตื่นตาเป็นอย่างยิ่ง
ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ รอบวันที่ 6 ธันวาคม 2568 เริ่มชกตั้งแต่เวลา 19.00 น. ณ เวทีมวยราชดำเนิน สนามมวยประวัติศาสตร์ที่ถูกปรับโฉมด้วยแสง สี เสียง และการนำเสนอแบบสมัยใหม่ในยุคของ RWS แฟนมวยจะได้เห็นทั้งไฟต์ไทยพบต่างชาติและต่างชาติปะทะกันเองในกติกามวยไทยที่ยังคงความดุดันและงดงามของแม่ไม้มวยไทยเอาไว้ครบถ้วน เรียกได้ว่าบัตรนี้ไม่ใช่แค่ศึกมวยธรรมดา แต่เป็นเวทีพิสูจน์ตัวเองของนักสู้จากทั่วโลกที่เข้ามาท้าทายความแข็งแกร่งของมวยไทยในสังเวียนที่เก่าแก่และทรงเกียรติที่สุดแห่งหนึ่งของโลกใบนี้
ตารางการแข่งขัน ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ 6 ธันวาคม 2568
ก่อนเข้าสู่รายละเอียดเชิงลึกของการวิเคราะห์คู่ชกแต่ละคู่ เรามาดูตารางโปรแกรมมวยของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ในค่ำคืนนี้กันก่อน
ตารางต่อไปนี้แสดงข้อมูลคู่ชกทุกคู่ในบัตร ทั้งชื่อมุมแดงมุมน้ำเงิน ค่ายหรือสังกัด พิกัดน้ำหนัก และสถานะน้ำหนักชั่งได้ในกรณีที่มีระบุไว้
ข้อมูลเหล่านี้จะช่วยให้แฟนมวยสามารถมองภาพรวมของการ์ด RWS ได้อย่างชัดเจน และใช้เป็นจุดตั้งต้นในการวิเคราะห์ทางมวยว่าคู่ไหนน่าจับตามองเป็นพิเศษ ทั้งในมุมมวยไทยและในมุมมวยต่างชาติที่เข้ามาทำศึกบนผืนผ้าใบราชดำเนิน
| คู่ที่ | มุมแดง | ค่าย/ประเทศ | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งได้ / สถานะ | มุมน้ำเงิน | ค่าย/ประเทศ | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งได้ / สถานะ | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | โจ นิชิโซโนะ | ต่างชาติ | 115.0 | ไม่ระบุ | จาวัต โมซาฟารี่ | ต่างชาติ | 115.0 | ไม่ระบุ | ต่างชาติ vs ต่างชาติ เปิดหัวรุ่น 115 ปอนด์ |
| 2 | ฟูจิวาระ โนอาร์ | ต่างชาติ | 105.0 | ชั่งได้ ขาด 1.3 ปอนด์ | พรนภา ป.ธวัช-ชวิน | ไทย | 105.0 | ชั่งได้ ขาด 1.1 ปอนด์ | รุ่นเล็ก 105 ป. ตัวเบาทั้งสองฝั่ง |
| 3 | ไข่มุกขาว | วันของโอม.WKO | 124.0 | ไม่ระบุ | อัคราม อูซิบี่ | ต่างชาติ | 124.0 | ไม่ระบุ | ไทย vs ต่างชาติ พิกัด 124 ปอนด์ |
| 4 | ฮัมซ่า ซาบรี | ต่างชาติ | 154.0 | ไม่ระบุ | นิกีต้า เจราซิโมวิช | ต่างชาติ | 154.0 | ไม่ระบุ | รุ่นใหญ่ 154 ปอนด์ ต่างชาติชนต่างชาติ |
| 5 | คิริล โคมูตอฟ | ต่างชาติ | 147.6 | ไม่ระบุ | เพื่อไทย | พ.พนมพร (ไทย) | 147.6 | ไม่ระบุ | ไทย vs ต่างชาติ รุ่น 147.6 ปอนด์ |
| 6 | เฉียบขาด ป.พงษ์สว่าง | ไทย | 126.0 | ชั่งได้ ตามพิกัด | รณชัย ว.ยี่จีน | ไทย | 126.0 | ชั่งได้ ขาด 0.2 ปอนด์ | ไทย vs ไทย พิกัด 126 ปอนด์ |
| 7 | ซาหม่า | ต่างชาติ/ไทยลูกครึ่ง | 123.0 | ไม่ระบุ | ออสการ์ ฟอนเซกา | ต่างชาติ | 123.0 | ไม่ระบุ | คู่ปิดบัตร พิกัด 123 ปอนด์ |
จากตารางจะเห็นว่าศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ รอบนี้มีการกระจายคู่ชกอย่างน่าสนใจ เริ่มจากรุ่น 115 ปอนด์และ 105 ปอนด์ในคู่แรกและคู่ที่สอง ซึ่งเป็นมวยรุ่นเล็กไปจนถึงรุ่นที่ใหญ่ขึ้นอย่าง 124 และ 147.6 ปอนด์
รวมไปถึงรุ่นใหญ่สุดของบัตรที่ 154 ปอนด์ในคู่ฮัมซ่า ซาบรี กับ นิกีต้า เจราซิโมวิช และช่วงกลางค่ำที่มีคู่เฉียบขาด ป.พงษ์สว่าง พบ รณชัย ว.ยี่จีน ในพิกัด 126 ปอนด์
ก่อนจะปิดท้ายด้วยคู่ซาหม่าปะทะออสการ์ ฟอนเซกา ในรุ่น 123 ปอนด์ ทำให้ทั้งบัตรมีทั้งความเร็ว ความหนัก และสไตล์มวยที่แตกต่างกันอย่างครบถ้วนในค่ำคืนเดียวของเวทีราชดำเนิน
วิเคราะห์คู่มวย ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ คู่ต่อคู่
หลังจากเห็นภาพรวมของตารางการแข่งขันแล้ว ต่อไปคือการเจาะลึกวิเคราะห์คู่มวยในศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ แบบคู่ต่อคู่
เพื่อให้แฟนมวยเข้าใจแนวโน้มเกมมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเรื่องสไตล์การชกของแต่ละคน ความแตกต่างด้านพิกัดและน้ำหนักชั่งจริง ตลอดจนจุดเด่น–จุดด้อยที่อาจกลายเป็นปัจจัยชี้ขาดบนเวที
แม้ข้อมูลในโปรแกรมจะไม่ได้ลงรายละเอียดเชิงสถิติหรือฟอร์มหลังครบถ้วน แต่เพียงจากชื่อค่าย สัญชาติ และพิกัด เราก็สามารถตีความได้ว่ารูปเกมของแต่ละไฟต์ในศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ น่าจะออกไปในทิศทางใด
คู่ที่ 1 โจ นิชิโซโนะ vs จาวัต โมซาฟารี่ (พิกัด 115 ปอนด์)
คู่เปิดหัวของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ เป็นการเจอกันของนักสู้ต่างชาติเต็มรูปแบบระหว่าง โจ นิชิโซโนะ กับ จาวัต โมซาฟารี่ ในพิกัด 115 ปอนด์
ทั้งสองไม่ได้มีข้อมูลน้ำหนักชั่งจริงระบุว่าขาดหรือลด แต่การขึ้นชกในระดับ RWS แสดงให้เห็นว่าทั้งคู่ผ่านมาตรฐานการคุมพิกัดของโปรโมชันมาอย่างดี
รุ่น 115 ปอนด์เป็นน้ำหนักที่ผสมผสานทั้งความเร็วและแรงปะทะ ทำให้มีโอกาสเห็นทั้งจังหวะแลกหมัด–เตะและการเล่นเชิงที่ฉลาดในไฟต์เดียวกัน
โดยเฉพาะเมื่อนักชกทั้งสองมาจากพื้นฐานการต่อสู้หลากหลายสไตล์ก่อนมาปรับใช้กับมวยไทยบนเวทีราชดำเนิน
โจ นิชิโซโนะ ในมุมแดงมีแนวโน้มจะเป็นนักชกที่เน้นเทคนิคการออกหมัดและฟุตเวิร์คแบบสายญี่ปุ่นผสมคิกบ็อกซิ่ง ใช้การเคลื่อนที่หลอกและเล่นจังหวะเข้า–ออกให้คู่ชกหลงทาง
ส่วนจาวัต โมซาฟารี่ มุมเงินอาจมีจุดเด่นที่ความแข็งแรงและแรงปะทะของหมัดแบบสายตะวันออกกลาง เมื่อเข้าสู่ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ที่เน้นการให้คะแนนทั้งมวยไทยและมวยมิกซ์เดิม
ผู้ที่สามารถปรับตัวเข้ากับเข่า–ศอกได้ดีกว่า พร้อมคุมระยะไม่ให้อีกฝ่ายใช้ลูกถนัดได้เต็มที่ ก็มีโอกาสสูงที่จะคว้าคะแนนนำและปิดไฟต์นี้ไปในแบบที่แฟนมวยจดจำได้ตั้งแต่คู่แรกของค่ำคืน
คู่ที่ 2 ฟูจิวาระ โนอาร์ vs พรนภา ป.ธวัช-ชวิน (พิกัด 105 ปอนด์)
คู่ที่สองในพิกัด 105 ปอนด์ ระหว่าง ฟูจิวาระ โนอาร์ มุมแดง กับ พรนภา ป.ธวัช-ชวิน มุมน้ำเงิน เป็นคู่ที่มีข้อมูลชั่งน้ำหนักระบุชัดเจนว่าทั้งสอง “ขาดพิกัด”
โดยฟูจิวาระ โนอาร์ ขาด 1.3 ปอนด์ และพรนภาขาด 1.1 ปอนด์ หมายความว่าในความเป็นจริง ทั้งสองมีน้ำหนักตัวต่ำกว่าที่กำหนดเล็กน้อย ส่งผลให้รูปเกมอาจเน้นไปที่ความเร็วและการโจมตีแบบตั้งจังหวะมากกว่าการชนหนัก ๆ
พิกัด 105 ปอนด์ประกอบกับการขาดน้ำหนักของทั้งคู่ ทำให้แฟนมวยสามารถคาดหวังได้ว่าไฟต์นี้จะเต็มไปด้วยจังหวะเข้า–ออกที่ฉับไวและอาวุธที่หลากหลาย
ฟูจิวาระ โนอาร์ อาจมาจากสายคิกบ็อกซิ่งหรือมวยสากลสมัครเล่นที่ปรับสไตล์เข้ากับมวยไทย โดยมีจุดเด่นเรื่องการออกหมัดและเตะเร็ว ส่วนพรนภา ป.ธวัช-ชวิน ในฐานะตัวแทนมวยไทยที่ต้องมารับมือกับสไตล์ต่างชาติ
คาดได้ว่าจะเน้นใช้ลูกเตะตัดล่าง เข่ายัดไส้ และถีบคุมระยะ เพื่อไม่ให้อีกฝ่ายได้คุมเกมด้วยหมัดอย่างเดียว
ในบริบทของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ความต่างระหว่าง “ความคุ้นเคยกติกามวยไทย” กับ “ความสดของสไตล์ต่างชาติ” จะเป็นจุดชี้ว่าไฟต์นี้จะเป็นไฟต์ของมวยไทยที่บงการเกม หรือจะเป็นไฟต์ของต่างชาติที่ใช้ความเร็วและมุมเข้าทำจนสร้างเซอร์ไพรส์ให้แฟนมวย
คู่ที่ 3 ไข่มุกขาว วันของโอม.WKO vs อัคราม อูซิบี่ (พิกัด 124 ปอนด์)
คู่ที่สามในพิกัด 124 ปอนด์คือการเจอกันระหว่าง ไข่มุกขาว จากค่ายวันของโอม.WKO กับ อัคราม อูซิบี่ นักชกต่างชาติ
ไข่มุกขาวถือเป็นตัวแทนมวยไทยสายทีวีที่แฟนมวยเริ่มคุ้นชื่อจากหลายเวที โดยจุดเด่นของค่ายวันของโอม.WKO คือการปั้นมวยที่มีทั้งเกมรุกดุดันและเชิงมวยที่ไม่ธรรมดา
ส่วนอัคราม อูซิบี่ มุมเงิน นั้นแม้ข้อมูลเพิ่มเติมจะไม่ได้ระบุว่ามาจากประเทศใด แต่จากรูปแบบของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ก็พอคาดได้ว่าเป็นนักสู้ที่มีประสบการณ์บนเวทีมวยไทยหรือคิกบ็อกซิ่งมาพอสมควรก่อนจะมาวัดฝีมือในราชดำเนิน
ในการวิเคราะห์เชิงมวย ไข่มุกขาวน่าจะใช้ความได้เปรียบด้านความคุ้นเคยเวทีและกติกามวยไทยเต็มที่ เล่นทั้งแข้งซ้าย–ขวาสลับกันเพื่อเปิดจังหวะหมัดและศอกตามสไตล์มวยไทยที่ครบเครื่อง
อัคราม อูซิบี่ อาจมีจุดเด่นที่ลูกหมัดและการเดินกดดันด้วยการโยกหัวและเท้าตามแบบมวยยุโรปหรือมวยตะวันออกกลาง
หากไข่มุกขาวสามารถดึงเกมให้เข้ามาอยู่ในวงใน ใช้ลูกเข่าและศอกมากกว่าเล่นวงนอก ก็จะเพิ่มโอกาสในการคว้าชัยในไฟต์นี้ได้มาก
แต่หากปล่อยให้เกมกลายเป็นการวัดกันด้วยหมัดและเตะในระยะกลางเพียงอย่างเดียว อัครามก็อาจใช้จุดแข็งของตนเองสร้างความกดดันจนไฟต์นี้ออกมาสูสีตลอดสามยกได้เช่นกัน
คู่ที่ 4 ฮัมซ่า ซาบรี vs นิกีต้า เจราซิโมวิช (พิกัด 154 ปอนด์)
คู่ที่สี่ในพิกัด 154 ปอนด์เป็นศึกต่างชาติ vs ต่างชาติระหว่าง ฮัมซ่า ซาบรี กับ นิกีต้า เจราซิโมวิช ซึ่งถือเป็นรุ่นใหญ่สุดในศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ รอบนี้
พิกัด 154 ปอนด์เทียบได้กับระดับซูเปอร์เวลเตอร์เวตในมวยสากล ทำให้ทั้งสองน่าจะมีรูปร่างสูงใหญ่และมีกล้ามเนื้อแข็งแรง
ไฟต์แบบนี้มักเต็มไปด้วยแรงปะทะที่หนักหน่วง หมัดหนึ่งหมัดหรือศอกหนึ่งศอกที่เข้าเต็ม ๆ อาจเพียงพอให้เกมเปลี่ยนจากสูสีไปเป็นอีกฝ่ายได้เปรียบทันที
ดังนั้นแม้จะเป็นไฟต์ต่างชาติล้วน แต่ก็เป็นไฟต์ที่แฟนมวยไทยฝีมือไม่ควรมองข้าม เพราะมีโอกาสจบเร็วด้วยอาวุธหนักได้ตลอดเวลา
ฮัมซ่า ซาบรี อาจเน้นสไตล์มวยรุก เดินบีบเข้าหา ใช้หมัดอัปเปอร์คัตและเข่าในวงในเป็นอาวุธหลักในการปะทะกับนิกีต้า
ส่วน นิกีต้า เจราซิโมวิช จากชื่อคาดว่าน่าจะมาจากยุโรปตะวันออกหรือรัสเซีย ซึ่งมักมีพื้นฐานมวยสากลที่แข็งแรงและเท้าหนักเป็นทุนเดิม
หากนิกีต้าสามารถคุมระยะกลางและใช้หมัดหนึ่ง–สองปักหลักได้ดี ฮัมซ่าอาจเจองานยาก
แต่ถ้าฮัมซ่าสามารถดึงเกมเข้าสู่วงในและใช้ลูกเข่า–ศอกตามกติกามวยไทยได้อย่างมีประสิทธิภาพ ไฟต์นี้ก็อาจกลายเป็นบทพิสูจน์ว่ามวยไทยในกรอบของ RWS ยังมีของให้ต่างชาติสัมผัสไม่จบง่าย ๆ
ทำให้คู่ที่สี่นี้ถือเป็นหนึ่งในไฟต์ที่สะท้อนเสน่ห์ของเวทีราชดำเนินในรูปแบบเวิลด์ซีรี่ส์ได้ชัดเจนที่สุดไฟต์หนึ่ง
คู่ที่ 5 คิริล โคมูตอฟ vs เพื่อไทย พ.พนมพร (พิกัด 147.6 ปอนด์)
คู่ที่ห้าในพิกัด 147.6 ปอนด์ เป็นการเจอกันระหว่าง คิริล โคมูตอฟ นักสู้ต่างชาติ กับ เพื่อไทย พ.พนมพร นักมวยไทยในมุมเงิน
รุ่นน้ำหนักนี้อยู่ในช่วงใกล้เคียงเวลเตอร์เวต ทำให้ทั้งสองมีขนาดตัวพอเหมาะทั้งในแง่ความสูงและมวลกล้ามเนื้อ
ไฟต์นี้ของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ จึงเป็นหนึ่งในคู่สำคัญที่แฟนมวยอยากเห็นว่ามวยไทยจากค่าย พ.พนมพร จะรับมือกับสไตล์การชกต่างชาติในกติกาแบบเวิลด์ซีรี่ส์ได้ดีเพียงใด
โดยเฉพาะเมื่อ RWS มักเน้นให้ไฟต์ในรุ่นนี้มีความดุเดือดต่อเนื่องเพื่อสร้างความประทับใจแก่แฟนมวยทั้งในสนามและผู้ชมทางบ้าน
คิริล โคมูตอฟ อาจมีพื้นฐานจากคิกบ็อกซิ่งหรือมวยสากลอาชีพ ใช้หมัดตรงและเตะล่างในการเปิดเกม ทำให้จังหวะบุกของเขาน่ากลัวโดยเฉพาะเมื่อได้ยืนระยะถนัด
เพื่อไทย พ.พนมพร ฝั่งไทย น่าจะใช้เทคนิคมวยไทยที่หลากหลาย เช่น เตะตัดต้นขา เข้ายัดเข่าในจังหวะปะทะ และใช้ศอกในระยะประชิดเพื่อหยุดเกมรุกของคิริล
หากฝ่ายไทยสามารถดึงเกมให้เข้าใกล้สไตล์มวยไทยมากที่สุด ไฟต์นี้ก็อาจกลายเป็นตัวอย่างที่ดีของการผสมผสานระหว่างความเป็นเวิลด์ซีรี่ส์กับรากเหง้าของศิลปะแม่ไม้มวยไทยที่ยังคงทรงพลังบนเวทีราชดำเนินไม่เปลี่ยนแปลง
คู่ที่ 6 เฉียบขาด ป.พงษ์สว่าง vs รณชัย ว.ยี่จีน (พิกัด 126 ปอนด์)
คู่ที่หกในพิกัด 126 ปอนด์ เป็นไฟต์ไทย vs ไทย เพียงหนึ่งเดียวในศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ รอบนี้ ระหว่าง เฉียบขาด ป.พงษ์สว่าง และ รณชัย ว.ยี่จีน
โดยข้อมูลชั่งน้ำหนักระบุว่า เฉียบขาดชั่งได้ตามพิกัดเต็ม 126 ปอนด์ ส่วนรณชัยชั่งได้ขาดไปเล็กน้อยที่ 0.2 ปอนด์
แม้ความแตกต่างเล็กน้อยนี้จะไม่ใช่ปัจจัยหลักที่ทำให้เกมพลิก แต่ก็ให้ภาพว่าฝั่งแดงมีความแน่นของมวลร่างกายครบถ้วน ขณะที่ฝั่งน้ำเงินอาจเคลื่อนไหวคล่องตัวกว่าเล็กน้อย
เมื่อนำมาพิจารณาร่วมกับสไตล์มวยของทั้งสอง ก็ทำให้ไฟต์นี้โดดเด่นในสายตาแฟนมวยไทยที่ชื่นชอบมวยเชิงและมวยแมตช์อัปคุณภาพ
เฉียบขาด ป.พงษ์สว่าง ชื่อก็สื่ออย่างชัดเจนว่าจุดเด่นของเขาน่าจะอยู่ที่ความคมของอาวุธและการตัดสินใจออกอาวุธในจังหวะสำคัญ การชกของเขาน่าจะเน้นการเลือกจังหวะและการอ่านเกมมากกว่าการเดินบู๊แบบไม่คิด
ขณะที่รณชัย ว.ยี่จีน ฝั่งน้ำเงินอาจมีสไตล์มวยบู๊ที่ผสมเชิง ไม่เกรงปะทะ แต่ก็ไม่ได้เดินแบบไร้แบบแผน
ไฟต์นี้ในศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ จึงอาจกลายเป็นไฟต์ที่ “มวยไทยแท้” ถูกนำมาเล่าใหม่ในบริบทเวิลด์ซีรี่ส์ ผ่านการเจอกันของสองมุมไทยแท้ที่ต่างก็อยากประกาศให้โลกรู้ว่ามวยไทยในบ้านเรายังมีลูกเล่นและความลึกของเกมมากกว่าที่ต่างชาติหลายคนคิด
คู่ที่ 7 ซาหม่า vs ออสการ์ ฟอนเซกา (พิกัด 123 ปอนด์)
คู่ปิดท้ายของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ในรุ่น 123 ปอนด์ เป็นการเจอกันของ ซาหม่า ในมุมแดง กับ ออสการ์ ฟอนเซกา ในมุมน้ำเงิน
ชื่อของทั้งสองให้กลิ่นอายของนักสู้สายต่างชาติหรือไทยลูกครึ่งที่ผสมผสานสไตล์การต่อสู้จากหลายกีฬา การถูกวางเป็นคู่ปิดแสดงให้เห็นว่าผู้จัดคาดหวังให้ไฟต์นี้สามารถส่งคนดูกลับบ้านด้วยความประทับใจทั้งด้านความมันส์และความอลังการของสไตล์การชก
รุ่น 123 ปอนด์ไม่เล็กไม่ใหญ่จนเกินไป ทำให้ไฟต์นี้น่าจะมีความครบเครื่องทั้งด้านแรงและความเร็วในจังหวะเข้าออก
ซาหม่า อาจมีสไตล์การชกที่เน้นหมัดและการเคลื่อนที่รวดเร็ว ใช้การโยกหลบและกลับเข้ามาเปลี่ยนมุมโจมตีอย่างต่อเนื่อง ขณะที่ออสการ์ ฟอนเซกา จากชื่อสกุลแบบละตินอเมริกาอาจมีพื้นฐานมวยสากลอาชีพที่แข็งแกร่งและเท้าหนักเป็นพิเศษ
เมื่อต้องชกในกรอบกติกามวยไทย ความสามารถในการปรับตัวของทั้งสองจึงเป็นกุญแจสำคัญ หากใครใช้เข่าและศอกได้คุ้มค่ากว่าและยังคงคุณภาพของหมัด–เตะไว้ได้ครบ ไฟต์นี้ก็มีโอกาสกลายเป็นคู่ปิดท้ายที่เดือดและงดงามในแบบที่แฟนมวย RWS จะพูดถึงไปอีกนาน
ภาพรวมผลชั่งน้ำหนักและผลต่อภาพเกมในศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์
หากมองจากข้อมูลน้ำหนักชั่งจริงของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ รอบนี้ จะเห็นว่ามีเพียงบางคู่เท่านั้นที่มีการระบุสถานะอย่างชัดเจน เช่น ฟูจิวาระ โนอาร์ ขาด 1.3 ปอนด์ พรนภาขาด 1.1 ปอนด์ และรณชัยขาด 0.2 ปอนด์ ขณะที่เฉียบขาดชั่งได้ตามพิกัด
ส่วนคู่ที่เหลือไม่มีข้อมูลลดหรือขาดน้ำหนักระบุอย่างชัดเจน ซึ่งมองในแง่หนึ่งอาจถือว่าทุกคนอยู่ในกรอบที่ยอมรับได้สำหรับการชกในระดับโปรเจกต์เวิลด์ซีรี่ส์
โดยในเคสที่ขาดน้ำหนักเล็กน้อยมักจะส่งผลให้มวยมีความคล่องตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อย ขณะที่การตามพิกัดเป๊ะทำให้ได้ความแน่นของมวลร่างกายเต็มที่
ความแตกต่างเช่นนี้เมื่อถูกนำไปประกอบกับสไตล์การชกของแต่ละคน ก็จะช่วยให้แฟนมวยมองเห็นภาพเกมได้ชัดขึ้นว่าใครควรใช้ข้อได้เปรียบตรงไหนให้เป็นประโยชน์
สำหรับคู่ที่ขาดน้ำหนักมากกว่า 1 ปอนด์ อย่างคู่ฟูจิวาระ โนอาร์–พรนภา นั้น การที่ทั้งสองขาดใกล้เคียงกันช่วยลดปัจจัยเรื่องความเสียเปรียบในด้านร่างกายลงไป เพราะไม่มีฝ่ายใด “ตัวเต็ม” อย่างแท้จริง
ในทางกลับกัน คู่เฉียบขาด–รณชัย เป็นตัวอย่างของการเจอกันระหว่างคนที่ตามพิกัดกับคนที่ขาดเล็กน้อย ซึ่งทำให้ฝ่ายแดงน่าจะมีแรงปะทะและการยืนปะทะที่แน่นกว่า ส่วนฝ่ายน้ำเงินน่าจะได้เปรียบในด้านการเคลื่อนที่และความรู้สึกเบาของร่างกาย
องค์ประกอบเหล่านี้เมื่อถูกใส่ลงในกรอบกติกาและสไตล์การชกของแต่ละคน ย่อมทำให้ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ รอบนี้มีความหลากหลายของรูปเกมอย่างยิ่งในแต่ละไฟต์
บทบาทของเวทีราชดำเนินและ RWS ต่อภาพลักษณ์มวยไทยยุคใหม่
ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ไม่ได้เป็นเพียงอีกหนึ่งรายการมวยในปฏิทินมวยไทยเท่านั้น แต่ยังเป็น “หน้าต่าง” สำคัญที่พามวยไทยออกสู่สายตาแฟนกีฬาทั่วโลกผ่านแพลตฟอร์มสมัยใหม่และการจัดอีเวนต์ที่ใส่ใจทั้งงานภาพและงานโปรดักชัน
เวทีราชดำเนินซึ่งเคยถูกมองว่าเป็นเวทีเก่าแก่คลาสสิก วันนี้ถูกแปลงโฉมให้ทันสมัยยิ่งขึ้นด้วยแนวคิด RWS ที่นำเอาคอนเซ็ปต์เวิลด์ซีรี่ส์มาใช้ ทั้งในด้านการคัดเลือกนักชก การนำเสนอ และการตลาด
การปรากฏของมวยต่างชาติหลายชาติบนผืนผ้าใบเดียวกันกับมวยไทย ทำให้ภาพของมวยไทยจึงไม่ได้ถูกมองแค่เป็นศิลปะท้องถิ่นอีกต่อไป แต่เป็นกีฬาที่มีมาตรฐานระดับสากลอย่างแท้จริง
ในมุมของแฟนมวยไทย ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ยังทำให้พวกเขาได้เห็นมิติใหม่ของมวยไทยผ่านการเจอกับสไตล์การต่อสู้ที่แตกต่างจากหลายประเทศ ตั้งแต่นักสู้สายคิกบ็อกซิ่งสายยุโรป
ไปจนถึงนักสู้จากตะวันออกกลางและลาตินอเมริกา ความหลากหลายนี้ทำให้แฟนมวยสามารถเรียนรู้ไปพร้อมกันว่าอะไรคือจุดแข็งที่ทำให้มวยไทยยืนหยัดได้ และอะไรคือจุดที่มวยไทยจำเป็นต้องพัฒนาเพื่อต่อสู้ในเวทีโลก
ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ เป็นมากกว่าศึกมวยปกติ แต่เป็นหัวหอกสำคัญในการผลักดันมวยไทยสู่การยอมรับในระดับอินเตอร์อย่างแท้จริง
สรุปความน่าติดตามของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ 6 ธันวาคม 2568
เมื่อนำทุกองค์ประกอบมารวมกัน จะเห็นได้ว่าศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ ในวันเสาร์ที่ 6 ธันวาคม 2568 เป็นบัตรมวยที่มีเอกลักษณ์ครบทุกด้าน
ทั้งโครงสร้างพิกัดที่หลากหลายตั้งแต่รุ่นเล็ก 105 ปอนด์ไปจนถึงรุ่นใหญ่ 154 ปอนด์ การผสมผสานระหว่างมวยไทยและนักสู้ต่างชาติในแบบที่สมดุล
การมีไฟต์ไทย vs ไทย อย่างเฉียบขาด–รณชัย เพื่อรักษารากของมวยไทยแท้ และการดึงไทย vs ต่างชาติ และต่างชาติ vs ต่างชาติ มาเติมสีสันให้บัตรดูทันสมัยในแบบเวิลด์ซีรี่ส์
สำหรับแฟนมวยที่ชื่นชอบทั้งมวยไทยและการแข่งขันในระดับสากล บัตรนี้ถือว่าตอบโจทย์อย่างที่สุด
หากคุณเป็นคนหนึ่งที่ต้องการดูมวยไทยในรูปแบบใหม่ ๆ ที่ยังไม่ทิ้งรากเดิม ศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ คือรายการที่คุณไม่ควรพลาด
การเตรียมตัวด้วยการรู้โปรแกรมและอ่านการวิเคราะห์คู่ต่อคู่ล่วงหน้าจะทำให้การรับชมทั้งในสนามและผ่านหน้าจอมีมิติมากขึ้น เห็นรายละเอียดของเกมที่อาจมองข้ามหากดูอย่างผิวเผิน
ไม่ว่าคุณจะเชียร์ไข่มุกขาวเพื่อความภาคภูมิใจของมวยไทย หรืออยากเห็นต่างชาติอย่างคิริล ฮัมซ่า หรือออสการ์ โชว์ของในสังเวียนราชดำเนิน
ค่ำคืนของศึกราชดำเนินเวิร์คซีรี่ส์ รอบนี้ก็พร้อมแล้วที่จะมอบทั้งความมันส์ ความลึก และความประทับใจให้กับแฟนมวยทุกสายอย่างสมศักดิ์ศรีเวทีระดับโลก
