ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ในวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนแห่งศิลปะแม่ไม้มวยไทยและกีฬาการต่อสู้สมัยใหม่ที่แฟนมวยทั่วประเทศให้ความสนใจอย่างมาก เพราะเป็นการผสมผสานระหว่างนักสู้ไทยและต่างชาติจากหลากหลายสไตล์มาขึ้นสังเวียนร่วมกัน ณ สนามมวยเวทีลุมพินีอันทรงเกียรติ โดยมวยเริ่มชกตั้งแต่เวลา 19.30 น. ไปจนถึงประมาณ 20.30 น. ตลอดรายการมีคู่มวยรวมทั้งหมด 12 คู่ ไล่ตั้งแต่รุ่นเล็กพิกัด 105 ปอนด์ ไปจนถึงรุ่นใหญ่ 155 ปอนด์ ทำให้ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 กลายเป็นการ์ดที่อัดแน่นไปด้วยความมันและความหลากหลายในค่ำคืนเดียวอย่างแท้จริง
ข้อมูลศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568
สำหรับรายละเอียดภาพรวมของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 นั้นจัดขึ้นในคืนวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ณ สนามมวยเวทีลุมพินี ซึ่งเป็นเวทีมวยมาตรฐานระดับโลกของไทยที่รองรับทั้งมวยไทยและการต่อสู้รูปแบบผสมผสาน การแข่งขันในรายการนี้เริ่มชกตั้งแต่เวลา 19.30 น. โดยโปรแกรมจัดต่อเนื่องไปจนประมาณ 20.30 น. แม้ช่วงเวลาแข่งขันจะไม่ยาวมาก แต่ด้วยจำนวนคู่ทั้งหมด 12 คู่ที่ถูกร้อยเรียงอย่างกระชับและเข้มข้น ทำให้แฟนมวยสามารถรับชมศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ได้ครบทั้งความเร็ว ความหนักหน่วง และรูปแบบการชกที่แตกต่างกันของนักสู้หลากสัญชาติบนเวทีเดียวกัน
ตารางการแข่งขันและผลชั่งน้ำหนัก ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134
หนึ่งในข้อมูลสำคัญของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ที่ช่วยให้แฟนมวยสามารถวิเคราะห์แนวโน้มเกมการชกได้ลึกซึ้งขึ้นคือผลการชั่งน้ำหนักของนักมวยแต่ละคู่ ตัวเลขบนตาชั่งสะท้อนทั้งการเตรียมตัว การคุมน้ำหนัก และสภาพร่างกายก่อนขึ้นสังเวียน นักมวยที่ชั่งได้ตามพิกัดมักแสดงให้เห็นถึงการวางแผนที่ดี ส่วนผู้ที่ชั่งได้ขาดเล็กน้อยมักจะมีความสดและคล่องตัว ขณะที่คนที่ต้องลดน้ำหนักเยอะอาจต้องแลกด้วยความแห้งและแรงปลายที่ถดถอย ตารางต่อไปนี้สรุปโปรแกรมมวยและผลชั่งน้ำหนักทั้งหมดในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เพื่อใช้เป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์คู่มวยทีละคู่ต่อไป
| คู่ที่ | ฝ่ายแดง | ฝ่ายน้ำเงิน | พิกัด (ปอนด์) | ผลชั่งน้ำหนัก |
|---|---|---|---|---|
| คู่ที่ 1 | คิม ทราน | อัลมากูล โจโรเบโกวา | 115.0 | แดงขาด 0.8 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 1.4 ปอนด์ |
| คู่ที่ 2 | รอรีย์ เทอร์เนอร์ | โนอาห์ กาเบรรอส | 125.0 | แดงขาด 0.4 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 0.6 ปอนด์ |
| คู่ที่ 3 | หวัง ยู่หาน | ฮิวกะ | 126.0 | แดงขาด 0.6 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 1.0 ปอนด์ |
| คู่ที่ 4 | ทาเกียร์ คาลิลอฟ | ชิมอน | 135.0 | แดงขาด 0.6 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 1.8 ปอนด์ |
| คู่ที่ 5 | อิสไลย์ เอริกา โบโมกาว | พลอยชมพู พียู.ผ้าใบ | 105.0 | แดงขาด 1.0 ปอนด์ / น้ำเงินตามพิกัด |
| คู่ที่ 6 | เอเลียส อับเดลาลี | อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ | 155.0 | แดงขาด 0.8 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 0.4 ปอนด์ |
| คู่ที่ 7 | มนัส ต.แย้มสวน | บันลังค์เงิน อ.ยุทธชัย | 120.0 | แดงขาด 0.2 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 0.6 ปอนด์ |
| คู่ที่ 8 | เพชรน้ำตาล วีวินยิม | ออมสิน พ.พัชรวาท | 128.0 | แดงลด 2.6 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 1.0 ปอนด์ |
| คู่ที่ 9 | ยอดเสกสรร รถสวยจ่าเจต | เจค็อบ ทอมป์สัน | 129.0 | แดงขาด 0.6 ปอนด์ / น้ำเงินตามพิกัด |
| คู่ที่ 10 | เลนนี บลาซี | อิลยาส มูซาเอฟ | 145.0 | แดงขาด 0.8 ปอนด์ / น้ำเงินลด 4.0 ปอนด์ |
| คู่ที่ 11 | เด็ดดวงเล็ก วันของโอม.WKO | วุฒิไกร ว.จักรวุฒิ | 138.0 | แดงขาด 0.4 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 1.0 ปอนด์ |
| คู่ที่ 12 | ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ | อานาร์ มัมมาดอฟ | 135.0 | แดงขาด 0.6 ปอนด์ / น้ำเงินขาด 0.4 ปอนด์ |
วิเคราะห์คู่มวยทีละคู่ในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134
เมื่อเห็นภาพรวมจากตารางโปรแกรมและผลชั่งน้ำหนักแล้ว ขั้นต่อไปคือการวิเคราะห์แนวโน้มของแต่ละคู่ในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 โดยพิจารณาทั้งตัวเลขบนตาชั่ง ลักษณะการชั่งได้ขาดหรือลด น้ำหนักรวมถึงพิกัดที่แต่ละคนขึ้นชก การที่นักมวยบางคนต้องลดน้ำหนักเยอะอาจมีผลต่อแรงปลายหรือความทน แต่ก็อาจแลกมาด้วยรูปร่างที่ได้เปรียบ ขณะที่นักมวยที่ชั่งได้ขาดเล็กน้อยมักมีความสดและการเคลื่อนไหวที่คล่องตัวกว่า การวิเคราะห์เหล่านี้จะช่วยให้แฟนมวยมองเห็นภาพเกมของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ได้ชัดเจนมากขึ้นก่อนถึงเวลาเปิดสังเวียนจริง
คู่ที่ 1 คิม ทราน vs อัลมากูล โจโรเบโกวา (พิกัด 115.0 ปอนด์)
คู่เปิดหัวของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เป็นการพบกันในพิกัด 115.0 ปอนด์ ระหว่างคิม ทราน ฝ่ายแดงที่ชั่งได้ขาด 0.8 ปอนด์ กับอัลมากูล โจโรเบโกวา ฝ่ายน้ำเงินที่ชั่งได้ขาดถึง 1.4 ปอนด์ ตัวเลขนี้ทำให้เห็นว่าทั้งสองฝ่ายมีสภาพร่างกายที่ค่อนข้างแห้งและเบาตัว ต่างฝ่ายต่างน่าจะมีความคล่องตัวและการเคลื่อนที่บนเวทีที่รวดเร็ว คิม ทราน อาจได้เปรียบเล็กน้อยในด้านมวลตัวที่มากกว่าเล็กน้อย ขณะที่อัลมากูลแม้น้ำหนักขาดมากกว่าแต่ก็อาจมีความเร็วและฟุตเวิร์กเป็นอาวุธสำคัญ เกมการชกในคู่แรกของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 จึงคาดว่าจะเป็นการเปิดเกมด้วยสปีดสูง ออกหมัดเตะเป็นชุด เน้นการเก็บแต้มและวัดกันที่การอ่านจังหวะมากกว่าการปะทะแรงแบบมวยรุ่นใหญ่
คู่ที่ 2 รอรีย์ เทอร์เนอร์ vs โนอาห์ กาเบรรอส (พิกัด 125.0 ปอนด์)
คู่ที่สองในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เป็นการดวลกันในพิกัด 125.0 ปอนด์ ระหว่างรอรีย์ เทอร์เนอร์ ฝ่ายแดงที่ชั่งได้ขาด 0.4 ปอนด์ และโนอาห์ กาเบรรอส ฝ่ายน้ำเงินที่ชั่งได้ขาด 0.6 ปอนด์ ซึ่งถือว่าเป็นตัวเลขที่ใกล้เคียงกันมาก ทำให้ทั้งสองน่าจะมีความสดและฟอร์มร่างกายที่สูสี รอรีย์อาจเน้นสไตล์มวยสากลผสมคิกบ็อกซิ่ง ออกหมัดเป็นชุดแล้วตามด้วยลูกเตะ ส่วนโนอาห์อาจตอบโต้ด้วยการเคลื่อนที่วนเวทีและคอยดักจังหวะสอง แฟนมวยสามารถคาดหวังได้ว่าในคู่ที่สองของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 จะเป็นเกมที่ต่างฝ่ายต่างไม่ยอมถอยง่าย เน้นการทำคะแนนอย่างต่อเนื่องและอาศัยความแม่นยำของอาวุธมากกว่าพละกำลังล้วน ๆ
คู่ที่ 3 หวัง ยู่หาน vs ฮิวกะ (พิกัด 126.0 ปอนด์)
คู่ที่สามของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เป็นการพบกันระหว่างหวัง ยู่หาน ฝ่ายแดงกับฮิวกะ ฝ่ายน้ำเงิน ทั้งคู่ชกในพิกัด 126.0 ปอนด์ โดยหวัง ยู่หาน ชั่งได้ขาด 0.6 ปอนด์ ส่วนฮิวกะขาดมากกว่าที่ 1.0 ปอนด์ ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าเกมนี้น่าจะเป็นการปะทะของนักสู้สายสปีดจากต่างชาติทั้งคู่ หวัง ยู่หาน อาจได้เปรียบเล็กน้อยที่ตัวเต็มกว่านิดหน่อย ขณะที่ฮิวกะอาจมีความเร็วและการออกคอมโบต่อเนื่องที่น่าจับตา รูปเกมในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 คู่นี้คาดว่าจะมีการแลกเตะ แลกหมัด และใช้ฟุตเวิร์กพยายามหาจังหวะเข้าทำ ใครที่สามารถคุมระยะและไม่เสียสมาธิในช่วงยกท้าย ๆ จะมีโอกาสคว้าแต้มสำคัญไปครอง
คู่ที่ 4 ทาเกียร์ คาลิลอฟ vs ชิมอน (พิกัด 135.0 ปอนด์)
คู่ที่สี่ในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ยกระดับน้ำหนักขึ้นมาอยู่ที่พิกัด 135.0 ปอนด์ โดยทาเกียร์ คาลิลอฟ ฝ่ายแดงชั่งได้ขาด 0.6 ปอนด์ ขณะที่ชิมอน ฝ่ายน้ำเงินชั่งได้ขาดถึง 1.8 ปอนด์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างมากเมื่อเทียบกับพิกัดนี้ แสดงให้เห็นว่าชิมอนอาจมีสรีระพื้นฐานที่ใหญ่กว่าพอสมควรแต่ลดน้ำหนักลงมา ทำให้มีโอกาสที่ตัวจะเบาและอาจมีการเน้นสปีดมากขึ้น ทาเกียร์อาจใช้ความแข็งแรงและการเดินเข้าหา ใช้ลูกบู๊บดบังเพื่อให้ชิมอนต้องถอยรับ ส่วนชิมอนอาจอาศัยความคล่องตัวที่ได้จากการขาดน้ำหนักมากเป็นอาวุธ เน้นดักเตะและหมัดเข้าเป้าแบบไม่ยืดเยื้อ ทำให้คู่ที่สี่ของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 มีโอกาสกลายเป็นคู่มวยต่างชาติที่เดือดและใช้พลังงานสูงมากบนเวที
คู่ที่ 5 อิสไลย์ เอริกา โบโมกาว vs พลอยชมพู พียู.ผ้าใบ (พิกัด 105.0 ปอนด์)
คู่ที่ห้าของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เป็นคู่มวยหญิงที่น่าติดตาม ระหว่างอิสไลย์ เอริกา โบโมกาว ฝ่ายแดงที่พิกัด 105.0 ปอนด์ ชั่งได้ขาด 1.0 ปอนด์ กับพลอยชมพู พียู.ผ้าใบ ฝ่ายน้ำเงินที่ชั่งได้ตามพิกัดเต็ม ๆ ความแตกต่างตรงนี้ทำให้เห็นว่าพลอยชมพูมีการคุมร่างกายสอดคล้องกับพิกัดได้ดี ขณะที่อิสไลย์มีสภาพตัวเบากว่าเล็กน้อยซึ่งอาจช่วยด้านความเร็วและการเคลื่อนที่ อิสไลย์อาจใช้ข้อได้เปรียบด้านความคล่องตัวพยายามเดินเข้าหาแล้วออกหมัดเตะเป็นชุด ขณะที่พลอยชมพูใช้ความแน่นของร่างกายและประสบการณ์ในมวยไทยดั้งเดิมตอบโต้ด้วยลูกเตะและเข่าที่มั่นคง ทำให้คู่มวยหญิงในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 คู่นี้มีทั้งความดุดันและความละเอียดในเชิงชั้นให้แฟนมวยได้ลุ้นกันตลอดยก
คู่ที่ 6 เอเลียส อับเดลาลี vs อลาเวอร์ดี รามาซานอฟ (พิกัด 155.0 ปอนด์)
คู่ที่หกเป็นหนึ่งในคู่ใหญ่ของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ในพิกัด 155.0 ปอนด์ ระหว่างเอเลียส อับเดลาลี ฝ่ายแดงที่ชั่งได้ขาด 0.8 ปอนด์ กับอลาเวอร์ดี รามาซานอฟ ฝ่ายน้ำเงินที่ขาด 0.4 ปอนด์ นักมวยสองคนนี้ต่างมีชื่อเสียงในสายต่างชาติและขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่งและลูกหนัก รุ่นนี้เป็นพิกัดที่ทั้งแรงปะทะและความเร็วอยู่ในระดับสมดุล ทำให้แฟนมวยคาดหวังได้ถึงหมัดเตะที่ทรงพลังและการแลกอาวุธที่ดุเดือด เอเลียสอาจเดินเกมบู๊บดบัง ขึ้นหมัดและหาจังหวะเข้าคลินช์ ขณะที่อลาเวอร์ดีพร้อมสาดลูกเตะและหมัดสวนแบบแม่นยำ หากใครสามารถคุมจังหวะและไม่พลาดจนโดนหมัดร่วมศอกในจังหวะสำคัญ ก็มีโอกาสจะเป็นผู้กำชัยในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 คู่นี้อย่างสมศักดิ์ศรี
คู่ที่ 7 มนัส ต.แย้มสวน vs บันลังค์เงิน อ.ยุทธชัย (พิกัด 120.0 ปอนด์)
คู่ที่เจ็ดของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เป็นการปะทะกันของนักมวยไทยสายในประเทศในพิกัด 120.0 ปอนด์ มนัส ต.แย้มสวน ฝ่ายแดงชั่งได้ขาด 0.2 ปอนด์ ส่วนบันลังค์เงิน อ.ยุทธชัย ฝ่ายน้ำเงินขาด 0.6 ปอนด์ ส่งผลให้ทั้งสองมีสภาพน้ำหนักที่ยังคงความสดและคล่องตัวสูง มนัสอาจเป็นมวยที่มีลูกเข่าแข็งแรง เดินเข้าหาจับในแล้วใช้แรงบดบัง ส่วนบันลังค์เงินอาจเป็นมวยฝีมือที่เน้นดักจังหวะ เตะซ้าย-ขวาเข้าเป้าและมีลูกหมัดสวนที่น่ากลัว การพบกันของทั้งคู่ในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 คาดว่าจะเป็นการชิงเหลี่ยมระหว่างมวยเดินและมวยฝีมือ ใครสามารถ impose เกมของตนเองได้ก่อนจะทำให้คู่ต่อสู้เสียรูปมวยและเสียหายไปทั้งคะแนนและความมั่นใจ
คู่ที่ 8 เพชรน้ำตาล วีวินยิม vs ออมสิน พ.พัชรวาท (พิกัด 128.0 ปอนด์)
คู่ที่แปดถือว่าเป็นคู่ที่มีประเด็นเรื่องน้ำหนักน่าสนใจที่สุดในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เพราะเพชรน้ำตาล วีวินยิม ฝ่ายแดงในพิกัด 128.0 ปอนด์ ต้องลดน้ำหนักมากถึง 2.6 ปอนด์ ขณะที่ออมสิน พ.พัชรวาท ฝ่ายน้ำเงินชั่งได้ขาด 1.0 ปอนด์ การลดหนักของเพชรน้ำตาลอาจทำให้ร่างกายแห้งและกรอบเล็กน้อย แม้จะยังมีพละกำลังแต่การยืนระยะยาว ๆ อาจเป็นโจทย์ใหญ่ ต่างจากออมสินที่ตัวเบาสดพร้อมเคลื่อนทีได้เร็ว เพชรน้ำตาลจึงอาจต้องเน้นการทำงานช่วงต้นยก เร่งกดดันออกอาวุธหนักหวังตัดสินเกมก่อนปลายยก ขณะที่ออมสินอาศัยความสด ทนรอให้คู่ต่อสู้แรงตกแล้วสวนจังหวะสองครองเกมในยกหลัง ๆ ทำให้คู่นี้ของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เต็มไปด้วยสงครามจิตวิทยาเรื่องแรงปลายและการบริหารพลังงานในเวทีจริง
คู่ที่ 9 ยอดเสกสรร รถสวยจ่าเจต vs เจค็อบ ทอมป์สัน (พิกัด 129.0 ปอนด์)
คู่ที่เก้าในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เป็นการเจอกันในพิกัด 129.0 ปอนด์ ระหว่างยอดเสกสรร รถสวยจ่าเจต ฝ่ายแดงที่ชั่งได้ขาด 0.6 ปอนด์ กับเจค็อบ ทอมป์สัน ฝ่ายน้ำเงินที่ชั่งได้ตามพิกัดเต็ม ๆ ซึ่งหมายความว่าเจค็อบมีมวลตัวที่เต็มพิกัด ขณะที่ยอดเสกสรรอาจได้เปรียบเรื่องความเบาและความคล่องตัว ยอดเสกสรรในฐานะนักมวยไทยแท้น่าจะมีลูกเข่าและศอกที่อันตราย สามารถปะทะประชิดได้ดี ส่วนเจค็อบอาจเน้นการยืนระยะและใช้รูปร่างเต็มพิกัดกดดันด้วยหมัดและเตะจากระยะกลาง หากยอดเสกสรรดึงเกมเข้าสู่ระยะประชิดและใช้ประสบการณ์ในเวทีมวยไทยได้เต็มที่ ก็มีโอกาสทำให้คู่ต่อสู้ต่างชาติลำบากอย่างมากในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 คู่นี้
คู่ที่ 10 เลนนี บลาซี vs อิลยาส มูซาเอฟ (พิกัด 145.0 ปอนด์)
คู่ที่สิบเป็นคู่ใหญ่อีกคู่ของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ในพิกัด 145.0 ปอนด์ เลนนี บลาซี ฝ่ายแดงชั่งได้ขาด 0.8 ปอนด์ ขณะที่อิลยาส มูซาเอฟ ฝ่ายน้ำเงินต้องลดน้ำหนักมากถึง 4.0 ปอนด์ ซึ่งเป็นตัวเลขที่สูงที่สุดของรายการ บ่งบอกว่าอิลยาสมีสรีระพื้นฐานที่ใหญ่กว่าพอสมควรแต่ถูกรีดลงมาตามพิกัด แม้การลดเยอะจะสร้างความเสี่ยงต่อแรงปลายและความสด แต่ในขณะเดียวกันก็อาจทำให้เขามีพละกำลังพื้นฐานและแรงปะทะที่น่ากลัว เลนนีจึงต้องใช้ข้อได้เปรียบด้านความคล่องตัวและความสด พยายามเคลื่อนที่หลบหลีกไม่ยืนปักหลักให้โดนลูกหนักของอิลยาสโดยตรง หากเขาสามารถใช้ฟุตเวิร์กและการออกหมัดเตะที่รวดเร็วทำคะแนนก่อน แล้วคุมเกมไม่ให้โดนหมัดเด็ดหรือศอกอันตราย ก็อาจสร้างเซอร์ไพรส์ในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 คู่นี้ได้เช่นกัน
คู่ที่ 11 เด็ดดวงเล็ก วันของโอม.WKO vs วุฒิไกร ว.จักรวุฒิ (พิกัด 138.0 ปอนด์)
คู่ที่สิบเอ็ดของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เป็นการดวลกันระหว่างเด็ดดวงเล็ก วันของโอม.WKO ฝ่ายแดงที่พิกัด 138.0 ปอนด์ ชั่งได้ขาด 0.4 ปอนด์ กับวุฒิไกร ว.จักรวุฒิ ฝ่ายน้ำเงินที่ชั่งขาด 1.0 ปอนด์ ทั้งสองเป็นมวยไทยสายแข็งที่มีสไตล์การชกครบเครื่อง เด็ดดวงเล็กอาจมีจุดเด่นด้านการออกอาวุธที่หลากหลาย ทั้งเตะ เข่า และศอกที่ต่อเนื่อง ขณะที่วุฒิไกรอาจได้เปรียบด้านความคล่องตัวจากการชั่งขาดมากกว่าเล็กน้อย ทำให้สามารถเข้าออกระยะได้เร็ว เกมในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 คู่นี้จึงมีแนวโน้มจะเป็นการแลกกันแบบไม่เกรงใจ เน้นการยืนปะทะซึ่งกันและกัน ใครที่มีสมาธิดีกว่าและไม่หลุดฟอร์มในช่วงชุลมุนย่อมมีโอกาสคว้าชัยไปครอง
คู่ที่ 12 ยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ vs อานาร์ มัมมาดอฟ (พิกัด 135.0 ปอนด์)
ปิดท้ายค่ำคืนของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ด้วยคู่ที่สิบสองในพิกัด 135.0 ปอนด์ ระหว่างยอดเหล็กเพชร อ.อัจฉริยะ ฝ่ายแดงที่ชั่งขาด 0.6 ปอนด์ กับอานาร์ มัมมาดอฟ ฝ่ายน้ำเงินที่ชั่งขาด 0.4 ปอนด์ ซึ่งถือว่าสูสีกันมาก ทั้งสองฝ่ายต่างมีชื่อเสียงในเส้นทางของตนเอง ยอดเหล็กเพชรเป็นมวยไทยที่ขึ้นชื่อเรื่องความแข็งแกร่ง ทน อึด และลูกบู๊ที่เดินไม่ถอยง่าย ส่วนอานาร์ในฐานะนักมวยต่างชาติมักเน้นหมัดเตะที่รวดเร็วและหวังจบด้วยลูกหนัก รูปเกมในคู่สุดท้ายของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 จึงน่าจะเป็นการปิดรายการอย่างสมศักดิ์ศรี แฟนมวยจะได้เห็นทั้งความแข็งแรงแบบมวยไทยแท้และเทคนิคการต่อสู้ของต่างชาติในเวทีเดียวกัน หากยอดเหล็กเพชรสามารถลากเกมให้ยืดยาวและกดดันคู่ต่อสู้ด้วยเข่า ศอก และระยะประชิด ก็อาจทำให้อานาร์ล้าและเสียรูปมวยในช่วงท้ายได้
ความสำคัญของการชั่งน้ำหนักต่อผลการแข่งขันในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134
เมื่อพิจารณารายละเอียดจากทุกคู่ในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 จะเห็นได้ชัดว่าการชั่งน้ำหนักมีบทบาทสำคัญต่อความได้เปรียบเสียเปรียบอย่างละเอียดอ่อน นักมวยส่วนใหญ่ในรายการนี้ชั่งได้ขาดเล็กน้อย ตั้งแต่ 0.2 ไปจนถึง 1.8 ปอนด์ สะท้อนให้เห็นถึงการคุมร่างกายที่ไม่ได้ฝืนจนเกินไป ทำให้ยังคงความสดและความคล่องตัวเอาไว้ได้มาก อย่างไรก็ตามก็มีบางคู่ที่ต้องลดน้ำหนักเยอะเป็นพิเศษ เช่น เพชรน้ำตาลที่ลด 2.6 ปอนด์ และอิลยาส มูซาเอฟ ที่ลดถึง 4.0 ปอนด์ ซึ่งตัวเลขระดับนี้มักส่งผลต่อพลังงานสะสมและการยืนระยะในช่วงยกท้าย ๆ หากไม่มีการวางแผนการลดน้ำหนักที่เหมาะสมก็อาจทำให้ร่างกายกรอบ ขาดน้ำ และส่งผลเสียต่อประสิทธิภาพการชกในเวทีจริงได้
ในทางกลับกัน นักมวยที่ชั่งได้ขาดเล็กน้อยอย่างหยกของคู่ก่อนหน้าในรายการอื่น หรือในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 อย่างมนัส ยอดเสกสรร และยอดเหล็กเพชร ล้วนมีโอกาสใช้ความสดและความเบาตัวเป็นข้อได้เปรียบในการเคลื่อนที่และออกอาวุธที่ว่องไวกว่า การอ่านตัวเลขเหล่านี้ควบคู่กับสไตล์การชก ทำให้แฟนมวยสามารถมองเกมล่วงหน้าได้ดีขึ้น ว่าคู่ใดอาจเป็นเกมของมวยเดินบดที่ได้เปรียบเรื่องพละกำลัง และคู่ใดอาจกลายเป็นเวทีของมวยฝีมือที่ใช้ความเร็วเป็นจุดเด่น ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 จึงเป็นตัวอย่างที่ดีของการที่ “ผลชั่งน้ำหนัก” ไม่ได้เป็นแค่ข้อมูลทางเทคนิค แต่ยังเป็นเครื่องมือสำคัญในการวิเคราะห์แนวโน้มผลการแข่งขันอย่างมีหลักการ
วิธีรับชมและติดตามศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ที่เวทีลุมพินี
แฟนมวยที่อยากสัมผัสบรรยากาศสด ๆ ของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 สามารถเดินทางไปยังสนามมวยเวทีลุมพินี ซึ่งตั้งอยู่บนถนนรามอินทรา เดินทางได้สะดวกทั้งด้วยรถยนต์ส่วนตัวและรถสาธารณะ เมื่อไปถึงจะได้เห็นความคึกคักของกองเชียร์หลากหลายสัญชาติ ทั้งแฟนมวยไทย เซียนมวยประจำเวที และแฟนมวยต่างชาติที่ติดตามรายการวันแชมเปียนชิพ ภายในสนามมีการจัดที่นั่งและระบบเสียง แสง สี ที่ทันสมัย ทำให้การชมมวยบนเวทีลุมพินีในค่ำคืนของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 มีอรรถรสทั้งในแง่บรรยากาศและคุณภาพการแข่งขันที่ประทับใจ
สำหรับผู้ที่ไม่สะดวกเดินทางไปยังสนามจริง ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 มักมีการถ่ายทอดสดผ่านช่องทางโทรทัศน์กีฬาและแพลตฟอร์มออนไลน์ของผู้จัดหรือพันธมิตรสื่อ พร้อมทั้งมีการอัปเดตผลการแข่งขันแบบคู่ต่อคู่ผ่านสื่อโซเชียลต่าง ๆ แฟนมวยสามารถเตรียมตารางแข่งขันและผลชั่งน้ำหนักไว้ข้างตัว เพื่อเปิดดูควบคู่ไปกับการถ่ายทอดสด ทำให้เข้าใจว่าคู่ไหนควรจับตาเรื่องแรงปลาย คู่ไหนต้องระวังหมัดน็อก หรือคู่ไหนน่าจะเป็นมวยเชิงที่ต้องลุ้นกันถึงคะแนนปลายยก การติดตามศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ผ่านสื่อจึงให้ประสบการณ์ทั้งความสนุกและความรู้ไปพร้อมกัน
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134
ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เริ่มชกกี่โมง และมีทั้งหมดกี่คู่?
ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ในคืนวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 มีกำหนดเริ่มชกตั้งแต่เวลา 19.30 น. เป็นต้นไป โดยโปรแกรมในค่ำคืนนี้จัดเต็มด้วยคู่มวยทั้งหมด 12 คู่ เรียงลำดับจากรุ่นเล็กไปสู่รุ่นใหญ่ เพื่อให้จังหวะการแข่งขันไล่ระดับความมันขึ้นเรื่อย ๆ ภายในเวลาประมาณหนึ่งชั่วโมงแฟนมวยจะได้ชมครบทั้งมวยหญิง มวยไทยในประเทศ และมวยต่างชาติในรูปแบบวันแชมเปียนชิพอย่างเต็มอิ่ม การวางตารางที่กระชับทำให้ผู้ชมไม่ต้องรอนานระหว่างคู่ สามารถดื่มด่ำกับบรรยากาศของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ได้ตั้งแต่ยกแรกของคู่เปิดหัวไปจนถึงยกสุดท้ายของคู่ปิดรายการอย่างต่อเนื่อง
ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 แตกต่างจากเวทีมวยไทยทั่วไปอย่างไร?
ความแตกต่างที่เห็นได้ชัดของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เมื่อเทียบกับมวยไทยเวทีทั่วไป คือการผสมผสานระหว่างนักมวยไทยและนักสู้ต่างชาติในหลายสไตล์ ทั้งมวยไทย คิกบ็อกซิ่ง และรูปแบบการต่อสู้ตามกติกาของวันแชมเปียนชิพ ทำให้รูปแบบเกมบนเวทีมีทั้งความดุดันแบบมวยไทยดั้งเดิมและความเร็วแบบสไตล์สากล นอกจากนี้ยังมีการนำเสนอในมุมมองที่เข้ากับผู้ชมยุคใหม่ ทั้งมุมกล้อง แสง สี เสียง และการประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางดิจิทัลอย่างเข้มข้น ส่งผลให้ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ไม่ได้เป็นเพียงการแข่งขันกีฬาในสนาม แต่ยังเป็นโชว์ที่สร้างประสบการณ์ความบันเทิงให้ผู้ชมทั้งในสนามและทางบ้านพร้อมกันอีกด้วย
ทำไมในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 มีนักมวยหลายคนชั่งได้ขาดหรือลดน้ำหนักมาก?
เหตุที่ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 มีนักมวยหลายคนชั่งได้ขาดหรือลดน้ำหนักมาก เป็นผลมาจากการบริหารร่างกายให้สอดคล้องกับพิกัดที่จับคู่มา นักมวยต่างชาติมักมีสรีระพื้นฐานใหญ่กว่าพิกัดที่ต้องการ จึงจำเป็นต้องลดน้ำหนักลงมาให้ถึงข้อกำหนด ขณะที่นักมวยไทยบางคนเลือกคุมสภาพร่างกายไม่ให้ตึงเกินไปจนต้องรีดหนักในโค้งสุดท้าย จึงยอมชั่งให้ขาดเล็กน้อยแทน การชั่งได้ขาดหรือเกินเล็กน้อยในศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 จึงสะท้อนทั้งกลยุทธ์การคุมร่างกายและสไตล์การชกที่นักมวยแต่ละคนเน้น หากแฟนมวยเข้าใจประเด็นนี้ก็จะช่วยให้การวิเคราะห์เกมก่อนขึ้นเวทีมีความลึกและแม่นยำมากขึ้น
ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 เหมาะสำหรับผู้ชมหน้าใหม่ที่เพิ่งเริ่มดูมวยหรือไม่?
ศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ถือเป็นรายการที่เหมาะสำหรับผู้ชมหน้าใหม่อย่างยิ่ง เพราะภายในค่ำคืนเดียวผู้ชมจะได้สัมผัสทั้งมวยไทยแท้ มวยหญิง มวยต่างชาติ และรูปแบบการชกที่หลากหลาย ทำให้เรียนรู้บรรยากาศของเวทีมวยและจังหวะเกมเชิงมวยได้เร็ว นอกจากนี้การนำเสนอของรายการยังปรับให้เข้ากับคนรุ่นใหม่ทั้งด้านภาพและเสียง จึงดูง่าย ไม่รู้สึกไกลตัว แม้จะยังไม่เข้าใจกติกาเชิงลึกก็สามารถสนุกไปกับการเชียร์ การลุ้นหมัดเตะ และความตื่นเต้นของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ได้ไม่แพ้แฟนมวยตัวจริง และเมื่อเริ่มคุ้นเคยมากขึ้น ผู้ชมก็สามารถต่อยอดไปเรียนรู้กติกามวยไทยอย่างละเอียดได้ในภายหลัง
สรุปภาพรวมศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 วันที่ 21 พฤศจิกายน 2568
เมื่อมองภาพรวมทั้งหมดของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ในคืนวันศุกร์ที่ 21 พฤศจิกายน 2568 ที่เวทีลุมพินี จะเห็นได้ว่านี่คือการ์ดที่อัดแน่นด้วยคุณภาพอย่างแท้จริง ตั้งแต่โปรแกรมมวย 12 คู่ที่หลากหลายทั้งสัญชาติและสไตล์การชก ไปจนถึงผลการชั่งน้ำหนักที่ชี้ให้เห็นถึงความตั้งใจและการเตรียมตัวของนักสู้ทุกคน การวิเคราะห์คู่มวยทีละคู่ช่วยเปิดมุมมองให้แฟนมวยเข้าใจถึงปัจจัยด้านน้ำหนัก ความสด และรูปแบบการชกที่แตกต่างกัน แม้บางคนจะต้องลดน้ำหนักอย่างหนัก ขณะที่บางคนชั่งได้ขาดเล็กน้อย แต่ทั้งหมดล้วนมีเป้าหมายเดียวกันคือการโชว์ฟอร์มให้ดีที่สุดบนสังเวียนในนามของศึกวันแชมเปียนชิพลุมพินี 134 ค่ำคืนนี้จึงไม่ใช่เพียงการแข่งขันชั่วครู่ แต่เป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์เล็ก ๆ ที่สะท้อนความงดงามของมวยไทยและพลังของนักสู้จากทั่วโลกที่มาพบกันใต้แสงไฟลุมพินี
