ศึกจ้าวมวยไทย สัปดาห์นี้จัดวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 ณ เวทีสยามอ้อมน้อย มีทั้งหมด 4 คู่ โดยภาพรวมผลชั่งน้ำหนักมีทั้ง “ชั่งได้ตามพิกัด” ที่สะท้อนความพร้อม และมี “ชั่งเกิน” กับ “ชั่งขาด” ที่อาจส่งผลต่อจังหวะยืนระยะและการเร่งเกมในยกสำคัญ ไฮไลต์ที่น่าสังเกตคือคู่ที่ 1 ฝั่งน้ำเงินชั่งเกิน 1.0 และคู่ที่ 4 ฝั่งแดงชั่งขาดถึง 1.6 ซึ่งเป็นตัวเลขที่แฟนมวยควรจับตาเป็นพิเศษ

โปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย พร้อมผลชั่งน้ำหนักทุกคู่
รายชื่อคู่ชก พิกัด และผลชั่งน้ำหนักได้ในมุมเดียว โดยระบุทั้งมุมแดง-มุมน้ำเงิน พร้อมส่วนต่างชั่งเกินหรือชั่งขาดอย่างชัดเจน จากนั้นในหัวข้อถัดไปจะลงรายละเอียดรายคู่ พร้อมวิเคราะห์แนวโน้มรูปเกมจากตัวเลขและสไตล์ที่มักเกิดขึ้นในพิกัดดังกล่าว
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | เดชพยัคฆ์ ช. ห้าพยัคฆ์ | 85.8 | ตามพิกัด | 0.0 | เสือหวลน้อย พุ่มพันธุ์ม่วง | 85.8 | 86.8 | เกิน 1.0 |
| 2 | นัลดิญโญ่ ส. พันธ์พังงา | 95.7 | 96.6 | เกิน 0.9 | เพชรอ่างทอง ศิษย์วัดสระแก้ว | 95.7 | 94.8 | ขาด 0.9 |
| 3 | โชคดี แม็คจันดี | 116 | 115.8 | ขาด 0.2 | เทพคามิน ธนพลรีสอร์ท | 116 | 115.4 | ขาด 0.6 |
| 4 | โล่ทอง กรวยในเมืองยิม | 142 | 140.4 | ขาด 1.6 | ซุปเปอร์เจ๋ง ทีเด็ด 99 | 142 | ตามพิกัด | 0.0 |
เจาะรายละเอียดรายคู่ ศึกจ้าวมวยไทย
คู่ที่ 1 เดชพยัคฆ์ ช. ห้าพยัคฆ์ vs เสือหวลน้อย พุ่มพันธุ์ม่วง (พิกัด 85.8)
มุมแดง – เดชพยัคฆ์ ช. ห้าพยัคฆ์
เดชพยัคฆ์ชั่งได้ตามพิกัด 85.8 ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีในแง่การคุมร่างกายและการพร้อมออกอาวุธตั้งแต่ยกต้น ๆ เมื่อไม่มีภาระเรื่องตัวเกิน เขามักจะเคลื่อนที่ได้คล่องและคุมระยะได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะในพิกัดเล็กที่ความเร็วและจังหวะสอง-สามอาวุธมีผลต่อคะแนนสูง การชั่งตรงพิกัดยังช่วยลดความเสี่ยงเรื่องอ่อนแรงปลายยกจากการลดน้ำหนักหนักเกินไป
มุมน้ำเงิน – เสือหวลน้อย พุ่มพันธุ์ม่วง
เสือหวลน้อยชั่งได้ 86.8 เกินพิกัด 1.0 ซึ่งทำให้ภาพการชกถูกตีความได้สองทาง คืออาจได้เปรียบเรื่องแรงปะทะและความหนาแน่นของลำตัวในจังหวะเข้าปะทะวงใน แต่ในอีกด้านหนึ่งหากการเกินเกิดจากคุมน้ำไม่อยู่ หรือมีการรีดน้ำเร่งด่วนภายหลัง ก็อาจส่งผลต่อความฟิตและความไวของขาในช่วงกลางถึงปลายเกม คู่เปิดรายการนี้จึงน่าดูที่การบริหารจังหวะและความสดของฝั่งน้ำเงินเป็นหลัก
สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 1
คู่ที่ 1 เป็นภาพชัดของ “ตามพิกัด vs เกินพิกัด” โดยเดชพยัคฆ์ดูเนียนในเชิงความพร้อม ขณะที่เสือหวลน้อยมีตัวใหญ่กว่าในตัวเลข หากฝั่งน้ำเงินเดินเบียดและปักหลักวงในได้จะมีลุ้นสร้างความหนักหน่วง แต่หากโดนคุมระยะแล้วต้องไล่ตลอดเกม ความต่างน้ำหนักอาจไม่ช่วยเท่าที่คิด เพราะพิกัดเล็กมักตัดสินที่ความเร็ว ความแม่น และการชิงจังหวะออกอาวุธให้ชัดมากกว่า
คู่ที่ 2 นัลดิญโญ่ ส. พันธ์พังงา vs เพชรอ่างทอง ศิษย์วัดสระแก้ว (พิกัด 95.7)
มุมแดง – นัลดิญโญ่ ส. พันธ์พังงา
นัลดิญโญ่ชั่งได้ 96.6 เกินพิกัด 0.9 ซึ่งเป็นตัวเลขที่บอกว่ามีความหนากว่าคู่ชกพอสมควร ความได้เปรียบมักอยู่ที่การปะทะและการยืนแลกแบบไม่ถอยมาก โดยเฉพาะถ้าเป็นสไตล์เดินบดหรือมีหมัดหนัก การมีน้ำหนักมากกว่าเล็กน้อยจะช่วยให้การปะทะแต่ละครั้ง “สะเทือนคะแนน” ได้ดีขึ้น แต่ก็ต้องระวังว่าการเกินอาจทำให้ความคล่องลดลง หากต้องไล่จับจังหวะคู่ต่อสู้ที่ไวกว่า
มุมน้ำเงิน – เพชรอ่างทอง ศิษย์วัดสระแก้ว
เพชรอ่างทองชั่งได้ 94.8 ขาดพิกัด 0.9 ซึ่งต่างจากนัลดิญโญ่แบบสมมาตรพอดี ทำให้การวิเคราะห์รูปเกมน่าสนใจมาก เพราะฝั่งน้ำเงินอาจมีความไวและความเบากว่าในการขยับเข้าออก รวมถึงการเตะตัดล่างและถีบคุมระยะที่ทำได้ต่อเนื่อง แต่ความเสี่ยงคือถ้าขาดจากการรีดหนักเกินไป อาจมีช่วง “แรงตก” ได้เร็ว การแก้ทางที่ดีคือไม่ยืนปะทะนาน และต้องทำแต้มให้ชัดตั้งแต่ต้นยก
สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 2
คู่ที่ 2 คือภาพของ “แดงเกิน 0.9 vs น้ำเงินขาด 0.9” ทำให้ความต่างน้ำหนักรวมกันเหมือนเห็นช่องว่างราว 1.8 ในเชิงตัวเลข ซึ่งอาจสะท้อนแรงปะทะเมื่อเข้าวงใน แต่เกมจะออกแบบไหนขึ้นอยู่กับการคุมระยะของเพชรอ่างทอง หากคุมเกมด้วยแข้งหน้า ถีบ และออกซ้ำแบบไม่ให้โดนจับวงในง่าย ฝั่งน้ำเงินจะได้เปรียบความไว แต่ถ้าโดนบี้จนต้องยืนแลกยาว ๆ ตัวเลขน้ำหนักอาจกลายเป็นภาษีที่ต้องจ่าย
คู่ที่ 3 โชคดี แม็คจันดี vs เทพคามิน ธนพลรีสอร์ท (พิกัด 116)
มุมแดง – โชคดี แม็คจันดี
โชคดีชั่งได้ 115.8 ขาดพิกัด 0.2 ถือว่าขาดเล็กน้อยและมักไม่สร้างผลกระทบหนักเท่าการขาดเป็นหลัก 1.0 ขึ้นไป จุดที่น่าดูคือความสดของกล้ามเนื้อและการยืนระยะ เพราะเมื่อขาดนิดเดียว หากเตรียมร่างกายดีจะยังออกอาวุธได้ครบ ทั้งแข้งขวางศอกหรือหมัดแย็บคุมระยะ ในพิกัด 116 เกมมักชัดที่การคุมจังหวะและการออกอาวุธให้ต่อเนื่องมากกว่าแค่แรงปะทะครั้งเดียว
มุมน้ำเงิน – เทพคามิน ธนพลรีสอร์ท
เทพคามินชั่งได้ 115.4 ขาดพิกัด 0.6 ซึ่งมากกว่าโชคดีพอควร ทำให้ฝั่งน้ำเงินอาจได้ความไวและการหมุนตัวที่ดี แต่ต้องระวังเรื่องการปะทะในจังหวะเสียเหลี่ยม เพราะเมื่อขาดมากกว่า หากโดนชนหรือโดนเตะหนัก ๆ ซ้ำ ๆ อาจเสียทรงและเสียจังหวะได้ง่ายกว่า แนวทางที่เหมาะคือการชกแบบเลือกจังหวะ ทำแต้มด้วยอาวุธยาว และหลีกเลี่ยงการติดวงในที่ต้องใช้พลังต้านแรงปะทะต่อเนื่อง
สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 3
คู่ที่ 3 เป็นคู่ที่ “ทั้งสองฝ่ายขาดพิกัด” แต่ขาดไม่เท่ากัน โชคดีขาด 0.2 ยังดูใกล้พิกัดและมีโอกาสคุมความแน่นได้ดีกว่า ส่วนเทพคามินขาด 0.6 ต้องพิสูจน์เรื่องแรงปลายยกและการรับอาวุธหนักในช่วงที่เกมเริ่มเข้มขึ้น หากฝั่งน้ำเงินรักษาเกมให้เป็นจังหวะสั้น ๆ และทำแต้มแบบไม่ปล่อยให้โดนบี้ จะลดผลกระทบจากตัวเลขน้ำหนักที่ขาดมากกว่าได้
คู่ที่ 4 โล่ทอง กรวยในเมืองยิม vs ซุปเปอร์เจ๋ง ทีเด็ด 99 (พิกัด 142)
มุมแดง – โล่ทอง กรวยในเมืองยิม
โล่ทองชั่งได้ 140.4 ขาดพิกัดถึง 1.6 เป็นตัวเลขที่โดดเด่นที่สุดของโปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย ชุดนี้ และโดยธรรมชาติแล้วการขาดมากอาจสะท้อนว่าเตรียมตัวคุมอาหารหนัก หรือโครงสร้างร่างกายเล็กกว่าในพิกัดที่ตกลงชก ผลที่ต้องจับตาคือแรงชนในวงในและความสามารถในการรับแรงปะทะ หากโล่ทองมีความไวมากก็อาจใช้ความเร็วชดเชย แต่จำเป็นต้องชกให้รัดกุม เพราะพิกัดใหญ่เมื่อโดนหนัก ๆ ผลต่อสมดุลร่างกายจะเห็นชัด
มุมน้ำเงิน – ซุปเปอร์เจ๋ง ทีเด็ด 99
ซุปเปอร์เจ๋งชั่งได้ตามพิกัด 142 ทำให้ภาพรวมความพร้อมดูนิ่งและมีโอกาสคุมเกมด้วยความหนาแน่นของร่างกาย โดยเฉพาะการเตะลำตัว การกดคอ และการเดินบี้ที่ต้องใช้แรงต่อเนื่อง ในพิกัด 142 หากคุมได้ตามพิกัดมักได้เปรียบเรื่องการยืนระยะและการรับ-รุกแบบไม่เสียรูปมาก การชกของซุปเปอร์เจ๋งจึงน่าจะเน้นทำเกมให้หนักขึ้นทีละนิด แล้วบังคับให้คู่ต่อสู้ใช้แรงมากกว่าที่ต้องการ
สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 4
คู่เอกหรือคู่ท้ายรายการนี้มีภาพชัดว่า “แดงขาด 1.6 vs น้ำเงินตามพิกัด” ซึ่งในเชิงตัวเลขเหมือนน้ำเงินมีมวลและความหนาแน่นมากกว่า โจทย์ของโล่ทองคือใช้ความไวและเหลี่ยมให้เป็นประโยชน์ ไม่ปล่อยให้เกมกลายเป็นการยืนชนยาว ๆ ขณะที่ซุปเปอร์เจ๋งควรเดินแบบมีระบบ ค่อย ๆ บี้และตัดกำลังด้วยอาวุธหลัก หากเกมเข้ายกสาม-สี่แล้วยังรักษาความหนักได้ต่อเนื่อง ฝั่งน้ำเงินจะได้เปรียบตามธรรมชาติของพิกัดใหญ่
สำหรับคอวัวชนตัวจริง การติดตามชมการแข่งขันสดๆ
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เว็บดูวัวชนสด อันดับ 1 ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด
วันแข่งขัน สถานที่จัด และรายละเอียดรายการ
แข่งวันไหน
ทำการแข่งขันในวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 โดยเป็นวันชกที่หลายคนรอคอยเพราะมีการวางคู่ในพิกัดที่หลากหลาย ตั้งแต่รุ่นเล็กไปจนถึงพิกัดใหญ่กว่า และเมื่อดูจากผลชั่งน้ำหนักจริงจะเห็นความแตกต่างของการคุมอาหารและการเตรียมตัว ซึ่งเป็นบริบทสำคัญในการวิเคราะห์รูปเกมก่อนเริ่มระฆังยกแรก
จัดที่ไหน
สถานที่จัดคือเวทีสยามอ้อมน้อย ซึ่งเป็นเวทีที่ขึ้นชื่อเรื่องบรรยากาศการเชียร์ที่ดุดันและกรรมการที่คุมเกมค่อนข้างเข้ม ทำให้การออกอาวุธต้องชัดเจนและต่อเนื่อง นักมวยที่ถนัดตั้งรับรอจังหวะอาจต้องเพิ่มความขยัน ในขณะที่สายเดินต้องระวังการปะทะวงในและการโดนเตะตัดล่างซ้ำ ๆ เพราะเวทีนี้มักให้คะแนนกับความชัดของอาวุธและความเป็นฝ่ายคุมเกม
คำว่า “พิกัด / ชั่งได้ / เกิน / ขาด” หมายถึงอะไร
คำว่า “พิกัด” คือรุ่นน้ำหนักที่ตกลงชกกัน เช่น 85.8 หรือ 142 ส่วน “ชั่งได้” คือค่าน้ำหนักจริงในวันชั่ง หาก “ตามพิกัด” หมายถึงคุมได้เป๊ะหรืออยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ ขณะที่ “เกิน” คือชั่งสูงกว่าพิกัด และ “ขาด” คือชั่งต่ำกว่าพิกัด ตัวเลขเกิน-ขาดที่เห็นในโปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย ช่วยให้เราประเมินได้คร่าว ๆ ว่าใครคุมร่างกายมาดี ใครอาจเหนื่อยจากการลด หรือใครอาจมีแรงปะทะเพิ่มจากการตัวใหญ่กว่า
สถิติและอินไซต์จากผลชั่งน้ำหนัก
ใครชั่งเกินมากที่สุด
เมื่อดูตัวเลขรวมของรายการ จะเห็นว่าฝั่งที่ชั่งเกินเด่นสุดคือเสือหวลน้อยที่เกินพิกัด 1.0 ในคู่ที่ 1 รองลงมาคือนัลดิญโญ่ที่เกิน 0.9 ในคู่ที่ 2 การชั่งเกินไม่ได้แปลว่าจะได้เปรียบเสมอไป แต่บ่งชี้ว่ามีโอกาสได้แรงปะทะหรือความหนาแน่นมากขึ้น ทั้งนี้ต้องดูด้วยว่าหลังชั่งมีการจัดการน้ำหนักอย่างไร และความสดในวันชกเป็นอย่างไร ซึ่งเป็นปัจจัยที่คนดูมวยควรสังเกตตั้งแต่ยกแรก
ใครชั่งขาดมากที่สุด
นักมวยที่ชั่งขาดมากที่สุดในโปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย ชุดนี้คือโล่ทองที่ขาด 1.6 ในคู่ที่ 4 ขณะที่คู่ที่ 2 เพชรอ่างทองขาด 0.9 และคู่ที่ 3 เทพคามินขาด 0.6 กับโชคดีขาด 0.2 การชั่งขาดมักตีความได้ว่าอาจได้ความไวหรือการเคลื่อนที่ดีขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับความเสี่ยงเรื่องแรงต้านและการรับอาวุธหนัก หากต้องยืนแลกหรือโดนบี้นาน ๆ อาจเหนื่อยก่อนหรือเสียทรงได้ง่ายกว่า
ใครชั่งได้ตามพิกัดบ้าง
ผู้ที่ชั่งได้ตามพิกัดในรายการนี้คือเดชพยัคฆ์ในคู่ที่ 1 และซุปเปอร์เจ๋งในคู่ที่ 4 ซึ่งเป็นสัญญาณด้านบวกว่าเตรียมตัวได้เป็นระบบ และลดความเสี่ยงเรื่องอ่อนล้าจากการลดน้ำหนักหนักเกินไป อย่างไรก็ตามการชั่งตามพิกัดเป็นเพียง “ฐานความพร้อม” ไม่ได้การันตีผลการแข่งขัน แต่ช่วยให้การวิเคราะห์รูปเกมเริ่มต้นได้ง่ายขึ้น เพราะเราคาดหวังได้ว่าร่างกายจะตอบสนองต่อแผนการชกได้เต็มที่มากกว่า
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) โปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย
ศึกจ้าวมวยไทย วันที่ 13 ธันวาคม 2568 จัดที่ไหน
รายการนี้จัดที่เวทีสยามอ้อมน้อย โดยเป็นเวทีที่มีเอกลักษณ์ด้านการให้คะแนนกับอาวุธที่ชัดและการคุมเกมอย่างต่อเนื่อง แฟนมวยที่ติดตามโปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย มักรู้ดีว่าเวทีนี้ถ้าชกแบบเรื่อย ๆ ไม่ชัดเจนจะทำแต้มยาก ดังนั้นนักมวยที่ออกอาวุธเข้าเป้าและรักษาจังหวะสม่ำเสมอ มักมีโอกาสทำคะแนนได้ดีกว่าแนวชกที่เน้นรออย่างเดียว
โปรแกรมมีทั้งหมดกี่คู่
โปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย วันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 มีทั้งหมด 4 คู่ โดยไล่พิกัดตั้งแต่ 85.8, 95.7, 116 และ 142 ทำให้ความเร็วและรูปเกมในแต่ละคู่แตกต่างกันพอสมควร คู่พิกัดเล็กมักตัดสินด้วยความไวและการชิงจังหวะ ส่วนพิกัดใหญ่จะชัดที่แรงปะทะ ความอึด และการคุมเกมให้หนักขึ้นเรื่อย ๆ จึงเหมาะกับการดูแบบต่อเนื่องทั้งรายการ
ใครชั่งเกินพิกัดบ้าง และเกินเท่าไร
ผู้ที่ชั่งเกินพิกัดมี 2 ราย คือเสือหวลน้อยชั่งได้ 86.8 เกิน 1.0 ในพิกัด 85.8 และนัลดิญโญ่ชั่งได้ 96.6 เกิน 0.9 ในพิกัด 95.7 การชั่งเกินอาจทำให้ได้เปรียบเรื่องแรงและความหนาแน่น แต่ก็มีเงื่อนไขว่าเกมต้องไม่ทำให้เสียความคล่องหรือหมดแรงเร็ว โดยเฉพาะหากมีการจัดการน้ำหนักหลังชั่งที่หนักเกินไปจนร่างกายเสียสมดุลในวันชก
ใครชั่งขาดพิกัดบ้าง และขาดเท่าไร
ผู้ที่ชั่งขาดพิกัดในรายการนี้ได้แก่เพชรอ่างทองขาด 0.9, โชคดีขาด 0.2, เทพคามินขาด 0.6 และโล่ทองขาด 1.6 ซึ่งการขาดมากที่สุดคือโล่ทองในพิกัด 142 การชั่งขาดอาจสะท้อนความไวและการขยับตัวที่เบากว่า แต่ก็ต้องชดเชยด้วยแท็กติกที่รัดกุม เพราะถ้าโดนบี้วงในหรือโดนเตะหนักซ้ำ ๆ อาจเสียทรงและเสียแต้มได้ง่ายกว่า โดยเฉพาะในช่วงยกที่เกมหนักขึ้น
“ชั่งได้ตามพิกัด” หมายถึงอะไร และมีผลต่อการวิเคราะห์อย่างไร
คำว่า “ชั่งได้ตามพิกัด” หมายถึงน้ำหนักจริงอยู่ในพิกัดที่ตกลงชกและไม่ปรากฏส่วนต่างเกินหรือขาดให้กังวลมากนัก ซึ่งมักช่วยให้การคาดการณ์เรื่องความสดและความพร้อมง่ายขึ้น เพราะร่างกายไม่ต้องแบกภาระจากการรีดน้ำหนักหนักหรือคุมน้ำหนักไม่อยู่ อย่างไรก็ดี การชั่งตามพิกัดเป็นเพียงองค์ประกอบหนึ่ง การชนะยังขึ้นกับสไตล์การชก แผนการเดินเกม และการแก้ทางระหว่างยกเป็นหลัก
