วิเคราะห์ “โปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์” ประจำวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 14:30 น. ณ เวทีมวยสยามอ้อมน้อย โดยยึดข้อมูลพิกัดและผลชั่งน้ำหนักเป็นแกนหลักเพื่ออ่านความพร้อมก่อนชกให้ลึกขึ้นกว่าแค่รายชื่อคู่ เพราะรายละเอียดเล็ก ๆ อย่างชั่งตามพิกัด ชั่งเกิน หรือชั่งขาด มักสะท้อนสภาพร่างกาย แผนการออกอาวุธ และการยืนระยะในยกปลายได้อย่างมีนัยสำคัญ

โปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 14:30 น. เวทีมวยสยามอ้อมน้อย
โปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ วันที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 14:30 น. เวทีมวยสยามอ้อมน้อย

โปรแกรมมวยวันนี้ พร้อมผลชั่งน้ำหนักทุกคู่ (คู่ที่ 1–4)

ตารางสรุปแต่ละคู่ชกพิกัดเท่าไร ใครชั่งได้ตามพิกัด ใครชั่งเกิน และใครชั่งขาด โดยจัดข้อมูลแยกเป็นมุมแดงและมุมน้ำเงินในรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้อ่านง่ายและนำไปเทียบรูปเกมได้รวดเร็ว ก่อนเลื่อนลงไปอ่านบทวิเคราะห์รายคู่แบบละเอียดในหัวข้อถัดไป

คู่ที่ มุมแดง พิกัด ชั่งได้ (แดง) เกิน/ขาด (แดง) มุมน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้ (น้ำเงิน) เกิน/ขาด (น้ำเงิน)
1 อิริฟาน โอมสุราษฎร์ธานี 100 ตามพิกัด 0.0 มหัศจรรย์ พุ่มพันธุ์ม่วง 100 ตามพิกัด 0.0
2 เพชรมรกต ศิษย์สองพี่น้อง 115 115.2 เกิน 0.2 เพชรสิงขร ส. สมานการ์เม้นท์ 115 114.6 ขาด 0.4
3 ฟ้าบุญมี ส. ดำเนิน 119 118.8 ขาด 0.2 รักชุมพร ท่าแซะยาสัตว์ 119 118.8 ขาด 0.2
4 ดาบดำ ปตท. ทองทวี 124 124.8 เกิน 0.8 เด็กดอย ทีเอ็น. มวยไทย 124 125.0 เกิน 1.0

เจาะรายละเอียดรายคู่ (วิเคราะห์ก่อนชกจากผลชั่งน้ำหนัก)

คู่ที่ 1 อิริฟาน โอมสุราษฎร์ธานี vs มหัศจรรย์ พุ่มพันธุ์ม่วง (พิกัด 100)

มุมแดง – อิริฟาน โอมสุราษฎร์ธานี

อิริฟานชั่งได้ตามพิกัด 100 ทำให้ภาพรวมดูพร้อมในเชิงความสดและการระบายพลังตั้งแต่ยกแรก นักมวยที่ชั่งตรงพิกัดมักออกอาวุธได้ลื่น ไม่ต้องกังวลเรื่องการลดหนักจนขาไม่มีแรงหรือหัวใจเต้นไม่เต็มรอบ จุดที่น่าดูคือการคุมจังหวะยกต้น หากอิริฟานเน้นอาวุธยาวอย่างถีบและเตะนำ จะช่วยให้คุมระยะได้ดีและไม่ปล่อยให้คู่ชกตั้งหลักจนเปิดเกมวงในได้ง่าย

มุมน้ำเงิน – มหัศจรรย์ พุ่มพันธุ์ม่วง

มหัศจรรย์ก็ชั่งได้ตามพิกัด 100 เช่นกัน นั่นหมายความว่าเกมคู่นี้แทบไม่มี “ภาษีน้ำหนัก” มาเป็นตัวแปรให้เดาเยอะ ความต่างจึงน่าจะอยู่ที่สไตล์การชกและการอ่านจังหวะมากกว่า หากมหัศจรรย์ถนัดเดินบี้หรือมีหมัดสอดแทรก เขาต้องทำให้เกมหนักขึ้นทีละนิดและบังคับให้อิริฟานรับแรงปะทะ ส่วนการป้องกันลูกเตะและการยืนระยะให้ไม่เสียทรงจะเป็นกุญแจสำคัญในการทำคะแนนบนเวทีอ้อมน้อย

สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 1

คู่เปิดของโปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ เป็นคู่ที่ชั่งได้ตามพิกัดทั้งสองฝ่าย ทำให้แนวโน้มเกมน่าจะวัดกันที่ความชัดของอาวุธและการคุมพื้นที่มากที่สุด หากฝ่ายใดคุมยกแรกยกสองได้ก่อน จะสร้างแรงกดดันให้อีกฝ่ายต้องเร่งเกมและเสี่ยงเปิดช่องมากขึ้น ดังนั้นคนดูควรจับตาว่าฝั่งไหนเริ่มต้นด้วยแผนชัดกว่า เช่น ถีบคุมระยะ ตัดล่าง หรือดักศอกจังหวะเข้าออก

คู่ที่ 2 เพชรมรกต ศิษย์สองพี่น้อง vs เพชรสิงขร ส. สมานการ์เม้นท์ (พิกัด 115)

มุมแดง – เพชรมรกต ศิษย์สองพี่น้อง

เพชรมรกตชั่งได้ 115.2 เกินพิกัด 0.2 ถือว่าเกินน้อยมากจนแทบไม่กระทบความคล่อง แต่ก็พอสะท้อนว่าเขายังมีความแน่นของร่างกายอยู่บ้าง ถ้าเป็นสายเตะหนักหรือมีหมัดที่ดันทรงคู่ชกได้ การเกินเล็กน้อยอาจช่วยให้แรงปะทะ “จม” ขึ้นในจังหวะปะทะแลก อย่างไรก็ตาม ความสำคัญของคู่นี้คือการคุมระยะและการเลือกชิงจังหวะ เพราะคู่ต่อสู้ชั่งขาด อาจออกไวกว่าและไม่อยากยืนแลกนาน

มุมน้ำเงิน – เพชรสิงขร ส. สมานการ์เม้นท์

เพชรสิงขรชั่งได้ 114.6 ขาดพิกัด 0.4 เป็นตัวเลขที่ชี้ว่าอาจได้ความไวและการขยับเข้าออกดีขึ้น แต่ก็ต้องระวังเรื่องแรงต้านเวลาถูกบี้ โดยเฉพาะถ้าโดนเตะลำตัวหรือโดนตัดขาซ้ำ ๆ เกมที่เหมาะคือทำแต้มแบบไม่ยืนปะทะยาว ใช้แข้งหน้า ถีบ หรือหมัดแย็บคุมระยะให้ชัด แล้วออกจากวงเร็ว ๆ เพื่อลดโอกาสโดนชนเสียทรง ซึ่งเป็นโจทย์สำคัญบนเวทีสยามอ้อมน้อยที่ให้คะแนนกับความชัดของอาวุธ

สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 2

คู่ที่ 2 คือภาพของ “แดงเกินเล็กน้อย vs น้ำเงินขาด” แม้ตัวเลขจะไม่ห่างมาก แต่ส่งผลต่อวิธีเดินเกมได้ชัด เพชรมรกตอาจได้เปรียบความแน่นและแรงปะทะในจังหวะเข้าประชิด ส่วนเพชรสิงขรน่าจะถือความไวเป็นทุนและทำคะแนนด้วยการชิงจังหวะก่อน ถ้าฝั่งน้ำเงินเริ่มต้นช้าแล้วปล่อยให้โดนบี้ตั้งแต่ยกสอง อาจเหนื่อยและเสียรูปเกมได้ง่าย ในทางกลับกันถ้าทำแต้มไว้ก่อน เกมจะเปิดให้เล่นลูกโต้และลูกตั้งรับได้ถนัดขึ้น

คู่ที่ 3 ฟ้าบุญมี ส. ดำเนิน vs รักชุมพร ท่าแซะยาสัตว์ (พิกัด 119)

มุมแดง – ฟ้าบุญมี ส. ดำเนิน

ฟ้าบุญมีชั่งได้ 118.8 ขาดพิกัด 0.2 เป็นการขาดเล็กน้อยที่มักไม่ทำให้แรงตกชัดเท่าการขาดเป็นหลักครึ่งหรือหนึ่งกิโล สิ่งที่น่าจับตาคือความคล่องของเท้าและจังหวะการเตะตัดล่าง เพราะพิกัด 119 เป็นช่วงที่เกมสามารถสลับเร็วและหนักได้ในไฟต์เดียว หากฟ้าบุญมีใช้ความไวสร้างแต้มตั้งแต่ยกแรก แล้วคุมเกมด้วยแข้งและถีบ จะช่วยให้รักษาพลังไว้ใช้ในยกปลาย ซึ่งมักเป็นช่วงตัดสินคะแนนบนเวทีอ้อมน้อย

มุมน้ำเงิน – รักชุมพร ท่าแซะยาสัตว์

รักชุมพรชั่งได้ 118.8 ขาดพิกัด 0.2 เท่ากับฟ้าบุญมี ทำให้คู่นี้เป็นตัวอย่างคลาสสิกของการที่ผลชั่งน้ำหนักไม่ได้ชี้ขาดใครได้เปรียบแบบตรง ๆ เพราะทั้งน้ำหนักและส่วนต่างเท่ากัน สิ่งที่จะทำให้ชนะจึงอยู่ที่รูปแบบการออกอาวุธ ความแม่น และการจัดการยกสามสี่ไม่ให้เสียอาการ หากรักชุมพรเป็นสายเดิน เขาต้องเดินแบบมีระบบ ไม่พรวดพราด และต้องคุมจังหวะไม่ให้โดนดักเตะหรือตัดขาจนเสียทรงสะสม

สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 3

คู่ที่ 3 ของโปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ มีจุดเด่นคือชั่งได้เท่ากันที่ 118.8 และขาดเท่ากัน 0.2 ดังนั้นการอ่านเกมควรไปมองที่ “ใครคุมพื้นที่ได้ก่อน” และ “อาวุธไหนชัดกว่า” มากกว่ามองเรื่องตัวเลขน้ำหนัก หากฝ่ายใดทำให้คู่ชกต้องถอยและเสียจังหวะ จะได้คะแนนนำแบบค่อยเป็นค่อยไป ขณะเดียวกันการแก้เกมระหว่างยก เช่น เพิ่มการตัดล่างหรือสลับศอก จะเป็นตัวแปรที่ทำให้รูปเกมเปลี่ยนได้ชัดกว่าปัจจัยเรื่องน้ำหนัก

คู่ที่ 4 ดาบดำ ปตท. ทองทวี vs เด็กดอย ทีเอ็น. มวยไทย (พิกัด 124)

มุมแดง – ดาบดำ ปตท. ทองทวี

ดาบดำชั่งได้ 124.8 เกินพิกัด 0.8 เป็นตัวเลขที่เริ่มมีนัยในแง่ความหนาแน่นและแรงปะทะ หากเขาเป็นนักมวยที่ใช้พลังเยอะ เช่น เดินบด จับใน หรือเตะหนัก การเกิน 0.8 อาจช่วยให้ปะทะแล้วคู่ชกสะเทือนมากขึ้น แต่เงื่อนไขคือจะต้องยังรักษาความคล่องให้พอไล่เกมได้ เพราะคู่ต่อสู้ก็เกินเช่นกัน หากดาบดำเริ่มช้าแล้วต้องเร่งตาม อาจเปลืองพลังและทำให้ยกปลายไม่คมเท่าที่ควร

มุมน้ำเงิน – เด็กดอย ทีเอ็น. มวยไทย

เด็กดอยชั่งได้ 125.0 เกินพิกัด 1.0 ซึ่งเป็นตัวเลขเกินมากที่สุดในรายการนี้ ทำให้ภาพรวมมีทั้งข้อดีและข้อที่ต้องเฝ้าดู ข้อดีคือความหนาแน่นและแรงปะทะ โดยเฉพาะจังหวะหมัดหรือการชนวงในอาจหนักแน่นขึ้น แต่ข้อที่ต้องจับตาคือความฟิตและความเร็วของขาเมื่อเกมเข้ายกสามสี่ เพราะการเกินมากขึ้นอาจทำให้การเคลื่อนที่ช้าลง หรือหากมีการจัดการน้ำหนักหลังชั่งไม่สมดุล อาจมีช่วงที่หายใจไม่ทันเมื่อโดนเร่งจังหวะต่อเนื่อง

สรุปผลชั่งน้ำหนักคู่ที่ 4

คู่ท้ายของโปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ เป็นคู่ที่ชั่งเกินทั้งสองฝ่าย โดยเด็กดอยเกิน 1.0 และดาบดำเกิน 0.8 จึงมีแนวโน้มเป็นเกมปะทะที่แรงและหนักตั้งแต่ยกต้น แต่ก็ต้องดูว่าฝ่ายใดคุมจังหวะไม่ให้เกมเสียทรง เพราะเมื่อสองฝ่ายตัวใหญ่กว่าในพิกัดเดียวกัน หากใครออกอาวุธไม่เป็นระบบแล้วพลาดโดนโต้ อาจเสียคะแนนแบบเห็นชัดได้ง่าย กลยุทธ์ที่น่าจะได้ผลคือทำให้คู่ชกต้องรับอาวุธหนักอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่เร่งจนหมดแรงก่อนยกสี่

 

สำหรับคอวัวชนตัวจริง การติดตามชมการแข่งขันสดๆ
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เว็บดูวัวชนสด อันดับ 1 ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด

 

จัดที่ไหน

สถานที่จัดคือเวทีมวยสยามอ้อมน้อย ซึ่งเป็นเวทีที่บรรยากาศกดดันและคนดูให้ความสำคัญกับอาวุธที่ชัดเจน นักมวยที่ทำคะแนนด้วยแข้งหน้า ถีบคุมระยะ และมีลูกหนักให้เห็นเป็นช็อต ๆ มักได้ใจกรรมการมากกว่าแนวชกที่รอจังหวะเฉย ๆ เมื่อรวมกับสภาพเวทีและเสียงเชียร์ ทำให้การอ่านโปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ ควรคิดถึง “จังหวะคุมเกม” และ “ความชัดของอาวุธ” ควบคู่กับตัวเลขชั่งน้ำหนักเสมอ

คำศัพท์สำคัญ: พิกัด / ชั่งได้ / เกิน / ขาด

คำว่า “พิกัด” คือรุ่นน้ำหนักที่ตกลงชกกัน เช่น 100, 115, 119 และ 124 ส่วน “ชั่งได้” คือค่าน้ำหนักจริงในวันชั่ง หาก “ตามพิกัด” หมายถึงคุมได้ตรงและไม่ต้องลุ้นเรื่องตัวเลข ส่วน “เกิน” คือชั่งสูงกว่าพิกัด และ “ขาด” คือชั่งต่ำกว่าพิกัด ตัวเลขเกิน-ขาดมีผลต่อการวิเคราะห์เพราะอาจสะท้อนแรงปะทะ ความหนาแน่น ความไว และความอึด โดยเฉพาะเมื่อเกมเข้ายกสามสี่ยกที่ต้องใช้พลังต่อเนื่อง

อินไซต์รวมจากผลชั่งน้ำหนัก (สรุปภาพทั้งรายการ)

เมื่อนำผลชั่งมามองรวม จะเห็นความหลากหลายที่ทำให้รายการนี้ดูสนุก คู่ที่ 1 ชั่งได้ตามพิกัดทั้งคู่จึงวัดกันที่ฝีมือเต็ม ๆ คู่ที่ 3 ชั่งเท่ากันและขาดเท่ากัน ทำให้เกมน่าจะสูสีและตัดสินด้วยความชัดของอาวุธ ขณะที่คู่ที่ 4 เกินทั้งคู่จึงมีแรงปะทะสูงและต้องจับตาความฟิตช่วงยกปลาย ส่วนคู่ที่ 2 มีภาพเกินเล็กน้อยสลับขาด จึงน่าจะเห็นเกมคุมระยะและชิงจังหวะมากเป็นพิเศษ ทั้งหมดนี้คือเสน่ห์ของโปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ ที่ทำให้แต่ละคู่มีเงื่อนไขให้ติดตามต่างกันชัดเจน

คู่ไหนชั่งได้ตามพิกัดทั้งสองฝ่าย

คู่ที่ชั่งได้ตามพิกัดทั้งสองฝ่ายคือคู่ที่ 1 อิริฟาน vs มหัศจรรย์ ซึ่งมักทำให้เกมอ่านยากในแง่การเดา “แรงตก” เพราะแทบไม่มีสัญญาณว่าฝ่ายใดลดหนักหรือคุมพลาด ดังนั้นคนดูควรโฟกัสเรื่องรูปแบบการชกแทน เช่น ใครออกนำก่อน ใครคุมระยะด้วยถีบหรือแข้งหน้าได้ชัด และใครทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะจนต้องรีบเร่งเกินจำเป็น โดยเฉพาะบนเวทีอ้อมน้อยที่ให้คะแนนกับอาวุธที่ชัดและการคุมเกมอย่างต่อเนื่อง

ใครชั่งเกินมากที่สุดในรายการ

ผู้ที่ชั่งเกินมากที่สุดคือเด็กดอยที่เกิน 1.0 รองลงมาคือดาบดำที่เกิน 0.8 และเพชรมรกตที่เกิน 0.2 ตัวเลขเกินไม่ได้หมายความว่าชนะได้แน่นอน แต่บ่งชี้ว่ามีโอกาสได้แรงปะทะมากขึ้นและยืนชนได้แน่นขึ้น ในทางกลับกันก็ต้องคุมความฟิตและความไวของเท้าให้ดี เพราะหากโดนคู่ชกที่เน้นชิงจังหวะคุมระยะเล่นงานต่อเนื่อง อาจเสียแต้มจากความช้าและความเหนื่อยสะสมได้

ใครชั่งขาด และขาดมากสุด

ฝั่งที่ชั่งขาดมีเพชรสิงขรขาด 0.4 และคู่ที่ 3 ทั้งฟ้าบุญมีกับรักชุมพรขาดฝ่ายละ 0.2 โดยคนที่ขาดมากสุดในรายการคือเพชรสิงขร การชั่งขาดมักตีความได้ว่าอาจเคลื่อนที่ไวและออกอาวุธเป็นชุดสั้น ๆ ได้ดี แต่ต้องระวังการโดนบี้หรือโดนอาวุธหนักสะสม เพราะอาจต้านแรงปะทะได้น้อยกว่า โดยเฉพาะยกปลายที่ความล้าเริ่มออกอาการ หากจัดการเกมไม่ดีอาจเสียทรงและเสียคะแนนแบบต่อเนื่องได้

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

ศึกนี้ชกวันไหน กี่โมง และจัดที่ไหน

โปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ จัดวันเสาร์ที่ 13 ธันวาคม 2568 เวลา 14:30 น. ณ เวทีมวยสยามอ้อมน้อย โดยเป็นช่วงเวลาที่แฟนมวยนิยมติดตามเพราะดูง่ายและต่อเนื่อง เหมาะกับการเช็กข้อมูลพิกัดและผลชั่งน้ำหนักก่อนเริ่มชกจริงเพื่อประเมินความพร้อมของนักมวยแต่ละคน โดยเฉพาะคู่ที่มีการชั่งเกินหรือชั่งขาดซึ่งอาจส่งผลต่อการยืนระยะในช่วงยกสำคัญ

โปรแกรมมีทั้งหมดกี่คู่

รายการนี้มีทั้งหมด 4 คู่ ไล่ตั้งแต่พิกัด 100, 115, 119 และ 124 ซึ่งเป็นช่วงน้ำหนักที่เกมมวยจะมีทั้งความเร็ว การคุมระยะ และแรงปะทะให้เห็นครบเครื่อง โดยคู่พิกัด 100 มักตัดสินกันที่จังหวะและความไว ส่วนพิกัด 124 จะเน้นแรงชนและความหนาแน่นมากขึ้น ดังนั้นการติดตามทั้งรายการจะได้เห็นสไตล์การชกหลากหลายและเข้าใจภาพรวมของโปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ ได้ชัดเจนขึ้น

คู่ไหนชั่งเกินและเกินเท่าไร

คู่ที่มีการชั่งเกินได้แก่ เพชรมรกตเกิน 0.2 ในพิกัด 115, ดาบดำเกิน 0.8 ในพิกัด 124 และเด็กดอยเกิน 1.0 ในพิกัด 124 การชั่งเกินอาจให้ข้อดีเรื่องความแน่นและแรงปะทะ แต่ก็มีเงื่อนไขเรื่องความฟิตและความคล่อง หากใครเกินแล้วช้า หรือหายใจไม่ทันเมื่อโดนเร่งจังหวะ ก็อาจเสียแต้มได้เช่นกัน ดังนั้นควรดูฟอร์มยกแรกเป็นตัวชี้วัดว่า “เกินแล้วได้เปรียบจริง” หรือ “เกินแล้วกลายเป็นภาระ”

คู่ไหนชั่งขาดและขาดเท่าไร

คู่ที่ชั่งขาดคือเพชรสิงขรขาด 0.4 ในพิกัด 115 และฟ้าบุญมีกับรักชุมพรขาดฝ่ายละ 0.2 ในพิกัด 119 การชั่งขาดมักทำให้ขยับตัวไวขึ้นและเล่นจังหวะชิงอาวุธได้ถนัด แต่ต้องระวังการรับอาวุธหนักและการถูกบี้วงใน เพราะถ้าต้องต้านแรงปะทะต่อเนื่องอาจเสียทรงและหมดแรงเร็ว โดยเฉพาะเมื่อเข้าสู่ยกสามสี่ที่เกมเริ่มเข้มและต้องใช้ความอึดมากขึ้น

ผลชั่งน้ำหนักมีผลต่อการวิเคราะห์อย่างไร

ผลชั่งน้ำหนักช่วยให้เราประเมิน “ความพร้อมเชิงร่างกาย” ได้ในระดับหนึ่ง เช่น ชั่งตามพิกัดมักสะท้อนการเตรียมตัวที่เป็นระบบ ชั่งเกินอาจบอกถึงความหนาแน่นหรือแรงปะทะที่มากขึ้น ส่วนชั่งขาดอาจบอกถึงความไวและความคล่อง แต่ทั้งหมดไม่ใช่คำตอบสุดท้าย เพราะชัยชนะยังขึ้นกับสไตล์การชก อาวุธถนัด การแก้เกมระหว่างยก และความชัดของอาวุธบนเวทีจริง ดังนั้นการอ่านโปรแกรมมวย ศึกพีพีทีวีเกียรติเพชรท็อปคิงส์ซุปเปอร์ไฟท์ ให้แม่น ควรใช้ผลชั่งเป็น “ข้อมูลตั้งต้น” แล้วค่อยดูฟอร์มจริงประกอบตั้งแต่ยกแรก