ศึกมวยมันส์สนั่นเมืองคืนวันอังคารที่ 21 ตุลาคม 2568 พร้อมระเบิดความมันตั้งแต่เวลา 18.00 น. ณ เวทีมวยนานาชาติรังสิต รายการนี้คัดสรรนักชกสายฝีมือและดาวรุ่งพุ่งแรงรวม 10 คู่
ครบถ้วนทั้งพิกัดเล็ก–กลาง พร้อมผลชั่งน้ำหนักเป็นทางการเพื่อประเมินแทคติก รูปเกม และปัจจัยที่อาจชี้เป็นชี้ตายตั้งแต่ยกแรกจนกระทั่งระฆังยกสุดท้าย แฟนมวยสามารถใช้บทความนี้เป็นคู่มือก่อนชมถ่ายทอดสดและติดตามผลสดยกต่อยกได้อย่างมั่นใจ
ค่ำคืนนี้มีสีสันจากคู่เปิดหัวพิกัดเยาวชนไปจนถึงคู่ปิดท้ายที่ตัวเลขชั่งน้ำหนักต่างกันชัด ซึ่งส่งผลต่อความเร็ว แรงชน และการยืนระยะอย่างมีนัยสำคัญ นอกจากข้อมูลทางการ
บทความยังวิเคราะห์เชิงแทคติกแบบอ่านง่าย แต่ครบทั้งประเด็นวงนอก–วงใน จังหวะสอง ฟุตเวิร์ก การคุมศูนย์กลางเวที และการบริหารแรงปลายยก เพื่อให้ผู้อ่านเห็นภาพล่วงหน้าว่าคู่ใดน่าจะดุเดือด คู่ใดต้องวัดความละเอียด และจุดไหนของเกมที่ไม่ควรกะพริบตา
รายการแข่งขันและผลชั่งน้ำหนักอย่างเป็นทางการ
การชั่งน้ำหนักคือด่านแรกที่สะท้อนวินัย ความฟิต และแนวทางการวางเกมของค่ายแต่ละฝั่ง โดยตัวเลข “เกิน/ขาด/ตามพิกัด” ส่งผลต่อสปีด ความหนาแน่นของกล้ามเนื้อ และความสามารถในการยืนชนหรือถอยฉาบฉวยอย่างชัดเจน เมื่อเชื่อมกับสไตล์ถนัดของนักชกแต่ละคน เราจึงสามารถคาดการณ์ทิศทางรูปเกมได้เป็นเบื้องต้น ดังรายละเอียดรายคู่ต่อไปนี้
คู่ที่ 1 เพชรทอง ส.จารุวรรณ vs ตะวันดำ ศิษย์พนันเชิง (พิกัด 40 กก.)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | เพชรทอง ส.จารุวรรณ | 40 กก. | 40.6 (เกิน 0.6) | ตะวันดำ ศิษย์พนันเชิง | 40 กก. | ตามพิกัด |
เพชรทองชั่งเกิน 0.6 กก. บ่งชี้ถึงแรงปะทะและความแน่นของลำตัวที่อาจเหนือกว่านิด ๆ ขณะตะวันดำตามพิกัดเป๊ะ สื่อว่าความเร็วและความกระฉับกระเฉงน่าจะทำงานดี โดยเฉพาะช่วงยกแรกที่ความสดยังเต็ม เป้าของแดงคือไม่ปล่อยให้เกมเปิดโล่งเกินไป ส่วนของน้ำเงินคืออย่าแลกตรง ๆ ตั้งแต่เนิ่น เพราะอาจเสียต้นทุนแรงเมื่อโดนบี้ประชิดต่อเนื่องหลายชุด
แทคติกที่ควรจับตาคือการคุมระยะด้วยแข้งนำของตะวันดำ และการเร่งเพรสหลังโดนแตะยาวของเพชรทอง หากน้ำเงินเข้า–ออกได้คล่องและเก็บช็อตชัดในช่วงหัว–ท้ายยก คะแนนจะค่อย ๆ ไหลเข้าข้าง แต่หากแดงปิดมุมได้เร็ว ล็อกตัวและยัดเข่าเป็นแพตเทิร์น เกมจะขยับเข้าสู่แดนถนัดของเพชรทองทันทีและบั่นทอนความเร็วฝั่งน้ำเงินอย่างเห็นได้ชัด
คู่ที่ 2 เพชรสองภาค เปิ้ลนคร vs กังวานเล็ก ซุ้มไก่เพชรศิลา (พิกัด 38 กก.)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 2 | เพชรสองภาค เปิ้ลนคร | 38 กก. | ตามพิกัด | กังวานเล็ก ซุ้มไก่เพชรศิลา | 38 กก. | 37.9 (ขาด 0.1) |
แม้ตัวเลขชั่งของกังวานเล็กจะขาดเพียง 0.1 กก. แต่ในพิกัดเล็กความต่างเล็กน้อยส่งผลต่อสปีดและการเปลี่ยนแกนโจมตีได้จริง เพชรสองภาคที่ตามพิกัดมีความสมดุลดี คาดหวังความเนียนของฟอร์มภาพรวม ขณะที่กังวานเล็กต้องอาศัยความปราดเปรียวและการสวนกลับแบบฉับไวเพื่อชิงแต้มชัดในจังหวะเด่นสายตา กุญแจคือใคร “ชิงลูกแรก” ได้บ่อยและไม่เสียรูปตอนรีเซ็ตเกม
ในทางยุทธวิธี เพชรสองภาคควรวางแข้งยาวตัดจังหวะให้คู่แข่งเสียสเต็ปก่อน แล้วค่อยสาดหมัดสอง–สามปิดท้ายช่วงยกเพื่อจบภาพสวย ส่วนกังวานเล็กต้องรักษาความต่อเนื่อง ไม่ให้เกมสะดุดและหลุดจังหวะสอง หากน้ำเงินรักษาจิตคอนิ่งและไม่พลาดช่วงท้ายนาที ย่อมมีลุ้นคะแนนสูสีจนตัดสินกันด้วยความละเอียดจริง ๆ
คู่ที่ 3 เพชรประกาย ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน vs ดีเซลเล็ก สิงห์เดชา (พิกัด 38 กก.)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 3 | เพชรประกาย ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน | 38 กก. | ตามพิกัด | ดีเซลเล็ก สิงห์เดชา | 38 กก. | ตามพิกัด |
ทั้งสองตามพิกัด เป็นสัญญาณว่าความฟิตและความสมดุลของสรีระใกล้เคียงกันมาก เกมจึงน่าจะวัดกันที่ความแม่นยำ ความสม่ำเสมอ และวินัยเกมรับ–โต้เป็นหลัก เพชรประกายมีจุดเด่นในจังหวะสองและการเข้าทำที่เป็นระบบ ส่วนดีเซลเล็กขึ้นชื่อเรื่องแรงชนและความดุดันเมื่อกิจกรรมในวงในเริ่มเข้าที่ การสลับวงใน–วงนอกอย่างมีแบบแผนจะเป็นตัวตัดสินโมเมนตัม
สำหรับภาพรวมการตัดสินใจ เพชรประกายควรรักษารีจึ่มและไม่ยอมถูกล็อกมุมหลังเชือก ขณะที่ดีเซลเล็กต้องเร่งเพรสหลังจับจังหวะของแดงได้ ไม่ปล่อยให้เกมช้าและยืดเยื้อเกินไป หากฝ่ายใดพลาดเสียรูปช่วงท้ายยก แม้เพียงวินาทีเดียว ก็อาจทำให้คะแนนพลิกไปอีกฝั่งได้ทันที
คู่ที่ 4 เพชรพชร ศูนย์กีฬากุดฉิม vs โชคดี เพชรแสงทอง (พิกัด 121 ปอนด์)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 4 | เพชรพชร ศูนย์กีฬากุดฉิม | 121 ปอนด์ | 121.1 (เกิน 0.1) | โชคดี เพชรแสงทอง | 121 ปอนด์ | ตามพิกัด |
ตัวเลขใกล้กันมาก เพชรพชรเกินเล็กน้อย สื่อว่ามีความแน่นของลำตัวเพิ่ม ขณะที่โชคดีตามพิกัดพร้อมโชว์ความสมดุลทั้งเกมรุก–รับ คู่นี้น่าจะเป็นงานละเอียดยิบที่วัดกันที่การยึดศูนย์กลางเวที การวางแข้งเปิดช่อง และการปิดด้วยหมัด–ศอกในจังหวะที่คู่ต่อสู้เผลอถ่ายน้ำหนักผิด หากใครทำให้เกมอยู่ในแดนถนัดต่อเนื่อง โอกาสเก็บแต้มจะสูงขึ้นเรื่อย ๆ
สิ่งที่แฟนมวยควรจับตา คือการสลับจังหวะบุก–ถอยอย่างมีชั้นเชิงและการคุมความเร็วของเกมให้สม่ำเสมอ หากเพชรพชรบี้จนได้วงในบ่อยครั้งคะแนนจะไหล ส่วนหากโชคดีคุมระยะและตัดมุมได้เนียน รูปเกมจะเป็นใจให้การทำคะแนนชัดในสายตากรรมการมากกว่า
คู่ที่ 5 แฟนฉัน ว.วันนำโชค vs เพชรภาคภูมิ ศิษย์พนัญเชิง (พิกัด 108 ปอนด์)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 5 | แฟนฉัน ว.วันนำโชค | 108 ปอนด์ | 107.6 (ขาด 0.4) | เพชรภาคภูมิ ศิษย์พนัญเชิง | 108 ปอนด์ | ตามพิกัด |
แฟนฉันขาดเล็กน้อย ทำให้ได้เปรียบเรื่องสปีดและการฉาบฉวย ส่วนเพชรภาคภูมิตามพิกัด โดดเด่นความแน่นอนและความสม่ำเสมอของจังหวะรุก–รับ เกมนี้ผู้ชนะจะมาจากฝ่ายที่รักษาความคมในลูกเปิดและไม่เสียรูปตอนปิดยก แฟนฉันควรใช้แข้งยาวชิงลูกแรกและหมุนมุมหลบการบี้ ขณะที่เพชรภาคภูมิควรกดดันเป็นชั้น ๆ ลดช่วงว่างหลังปล่อยชุด
หากน้ำเงินบีบพื้นที่ได้และบังคับให้แดงยืนแลกข้างเชือก โอกาสทำคะแนนจะสูงมาก ทว่า ถ้าแดงเปลี่ยนแกนได้ต่อเนื่องและไม่ให้เกมตกไปอยู่ในวงใน รูปเกมจะโปร่งโล่งและเห็นความแตกต่างของสปีดมากขึ้น ซึ่งกรรมการมักมองเห็นชัดเมื่อยกจบ
คู่ที่ 6 เด่นพิชัย ยุทธการมวยไทย vs แก้ว อัศวินมือถือ (พิกัด 43 กก.)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 6 | เด่นพิชัย ยุทธการมวยไทย | 43 กก. | ตามพิกัด | แก้ว อัศวินมือถือ | 43 กก. | ตามพิกัด |
ทั้งสองตามพิกัด ทำให้เกมมีสมดุลสูงและต้องวัดฝีมือแบบเพียว ๆ เด่นพิชัยเก่งการเปิดเกมชุดยาวและการจบด้วยหมัด–ศอก ส่วนแก้วเด่นจังหวะสองและการเปลี่ยนแกนหลอกให้คู่แข่งถ่ายน้ำหนักผิด การชิงพื้นที่กลางเวทีและการปิดงานท้ายยกด้วยจังหวะคม ๆ จะเป็นตัวชี้ผลคะแนนที่ต่างกันอย่างมีนัยสำคัญในสายตากรรมการ
สำหรับแนวทางการเล่น เด่นพิชัยควรใช้ความต่อเนื่องของคอมโบคุมโมเมนตัมไม่ให้ตก ขณะที่แก้วต้องใจเย็นและรอโอกาสสวนในช็อตที่คู่ต่อสู้เสียสมดุล หากน้ำเงินอ่านทางได้เร็วและไม่ยอมเสียตำแหน่งหลังปล่อยชุด ความคมของการสวนจะกลายเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของไฟต์นี้ทันที
คู่ที่ 7 พงษ์เพชรเล็ก ส.สุภาพร vs ซันจิ ก็อตชี้มวยชอบ (พิกัด 37 กก.)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 7 | พงษ์เพชรเล็ก ส.สุภาพร | 37 กก. | 36.7 (ขาด 0.3) | ซันจิ ก็อตชี้มวยชอบ | 37 กก. | 37.2 (เกิน 0.2) |
พงษ์เพชรเล็กขาดเล็กน้อยจึงได้ความเร็วและการหลบหลีกที่คล่อง ส่วนซันจิเกิน 0.2 กก. ให้แรงปะทะและการยืนชนที่มั่นคงกว่า เกมนี้คือ “เบา–เร็ว” ปะทะ “แน่น–หนัก” ผู้ชนะคือฝ่ายที่ทำให้คู่แข่งเสียจังหวะถนัดก่อน หากแดงคุมจังหวะและไม่ยืนแลกตรง ๆ คะแนนจะเข้าข้าง ขณะที่น้ำเงินต้องบีบพื้นที่และลดความเร็วของเกมเพื่อให้ความหนักหน่วงของอาวุธสร้างความต่างอย่างต่อเนื่อง
สิ่งที่ควรจับตาเป็นพิเศษคือการปิดท้ายยกด้วยจังหวะชัด ๆ และการคุมเส้นกลางเวที หากซันจิลากเกมเข้าวงในและจัดคอมโบหมัด–ศอกได้สม่ำเสมอ การชี้นำสายตากรรมการจะชัดเจน ทว่า หากพงษ์เพชรเล็กฉาบฉวยเข้า–ออกได้คม เกมจะหักไปทางความเนียนและความแม่นที่ทำให้คะแนนทยอยสะสมอย่างเงียบ ๆ
คู่ที่ 8 เพชรอัศวิน มวยหูทวีศักดิ์เล็ก vs ยอดธันวา ธ.เมืองสีมา (พิกัด 34.5 กก.)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 8 | เพชรอัศวิน มวยหูทวีศักดิ์เล็ก | 34.5 กก. | ตามพิกัด | ยอดธันวา ธ.เมืองสีมา | 34.5 กก. | 34.7 (เกิน 0.2) |
พิกัดเยาวชนเช่นนี้มักเป็นเกมเร็วล้วน เพชรอัศวินตามพิกัดพร้อมฉายสปีดและการเปลี่ยนแกน ส่วนยอดธันวาเกินเล็กน้อยน่าจะได้แรงชนเพิ่ม แต่ต้องระวังการฟื้นตัวช่วงปลายยก การควบคุมบอลานซ์หลังเข้าทำและการถอยรีเซ็ตให้ไวคือหัวใจสำคัญ หากใครเสียทรงบ่อยจะถูกสาดคะแนนสวนกลับทันทีและทำให้ภาพรวมเสียหายอย่างรวดเร็ว
จากมุมมองแทคติก แดงควรชิงลูกแรกด้วยแข้ง–หมัดที่คมและเลี่ยงวงในยืดเยื้อ น้ำเงินควรบังคับให้เกิดการปะทะสั้นถี่เพื่อใช้ความแน่นของร่างกายกดทับ หากน้ำเงินทำสำเร็จ เกมจะช้าลงและความหนักของอาวุธจะสร้างความต่างชัด ทว่า หากแดงพากลับไปสู่เกมเปิดโล่ง คะแนนจะไหลเข้าข้างอย่างต่อเนื่อง
คู่ที่ 9 ตะเกียบเหล็ก แดงรถดีมวยไทยยิม vs นิวแสนชัย มวยหูทวีศักดิ์เล็ก (พิกัด 38.5 กก.)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 9 | ตะเกียบเหล็ก แดงรถดีมวยไทยยิม | 38.5 กก. | 38.7 (เกิน 0.2) | นิวแสนชัย มวยหูทวีศักดิ์เล็ก | 38.5 กก. | ตามพิกัด |
ตะเกียบเหล็กเกิน 0.2 กก. ทำให้แรงชนและการยืนชนดูแน่นขึ้นเล็กน้อย ส่วนนิวแสนชัยตามพิกัดพร้อมใช้ความเนียนและสปีด เกมนี้ถ้าฝ่ายแดงปิดมุมและบีบพื้นที่ได้ คะแนนจะเข้าทาง แต่ถ้าน้ำเงินไม่ยอมยืนแลกตรงและดึงเกมสู่วงนอกจังหวะสอง รูปเกมจะพลิกเป็นฝ่ายน้ำเงินที่เก็บแต้มคม ๆ ได้บ่อยและต่อเนื่องกว่า
แฟนมวยควรจับตาการปิดท้ายยกสี่ซึ่งมักเป็นจุดที่ทั้งสองต้องทิ้งของ ถ้าฝ่ายใดคุมสมาธิและไม่หลุดบาลานซ์หลังคอมโบยาว ๆ จะได้เปรียบมาก เพราะกรรมการเห็นภาพรวมชัดในช่วงสัญญาณจบยก และความนิ่งในวินาทีสุดท้ายคือสิ่งที่บ่งชี้ถึงความเป็นมืออาชีพระดับสูง
คู่ที่ 10 เพชรอนันต์ ต.สุรัตน์ vs ท้าชนเล็ก เกียรติฉัตรชัย (พิกัด 102 ปอนด์)
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
|---|---|---|---|---|---|---|
| 10 | เพชรอนันต์ ต.สุรัตน์ | 102 ปอนด์ | 101.7 (ขาด 0.3) | ท้าชนเล็ก เกียรติฉัตรชัย | 102 ปอนด์ | 103.9 (เกิน 1.9) |
คู่ปิดรายการมีความต่างตัวเลขชัด เพชรอนันต์ขาดเล็กน้อยได้ความเร็วและการฉาบฉวยที่ว่องไว ท้าชนเล็กเกินถึง 1.9 ปอนด์มีแรงชนและความหนาของลำตัวเหนือกว่าอย่างเห็นได้ชัด แดงต้องเล่นเกมเร็ว เข้า–ออกสั้น ๆ ไม่ยืนรับการบี้ติดเชือก ส่วนน้ำเงินควรปิดทางหนีและเพิ่มอัตราปะทะให้ถี่เพื่อตัดสปีดคู่ต่อสู้ตั้งแต่ยกต้น
หากเพชรอนันต์รักษาความคมและไม่เปิดจังหวะให้โดนล็อกตัว เกมจะไหลเป็นของแดงด้วยความเนียน แต่ถ้าท้าชนเล็กกดดันจนความเร็วของแดงตกลงทีละน้อย ภาพรวมจะสวิงเข้าหาน้ำเงิน และยิ่งเมื่อเข้าสู่ยกสี่–ห้า การยืนระยะของผู้ที่มีมวลตัวมากกว่ามักสร้างความแตกต่างให้คะแนนชัดเป็นพิเศษ
วิเคราะห์คู่เดือดน่าสนใจเพิ่มเติม
เพชรพชร vs โชคดี (พิกัด 121 ปอนด์)
นี่คือไฟต์ที่ละเอียดยิบ วัดกันที่การคุมศูนย์กลางและการวางแข้งเปิดช่องก่อนปิดด้วยหมัด–ศอก ใครรักษาความสม่ำเสมอได้ดีกว่ามักชนะคะแนนแบบคมชัด
เพชรพชรควรกดเพรสหลังโดนแตะยาวให้เกมไม่ช้าเกินไป ขณะที่โชคดีห้ามเสียจังหวะสองและต้องเก็บภาพสวยช่วงจบยกให้ได้สม่ำเสมอ
เพชรอนันต์ vs ท้าชนเล็ก (พิกัด 102 ปอนด์)
ความต่างตัวเลข 2 ปอนด์น้อย ๆ แต่มีผลจริงต่อรูปเกม แดงต้องพึ่งความเร็วและการออกก่อนเพื่อบังคับรีธึ่ม ส่วนน้ำเงินต้องยืนชนและไม่ปล่อยให้เกมเปิดโล่ง
หากน้ำเงินล็อกตัวและบี้จนแดงเสียบาลานซ์บ่อย ๆ โมเมนตัมจะไหลเข้าข้างทันทีโดยแทบไม่ต้องลุ้นน็อก
แฟนฉัน vs เพชรภาคภูมิ (พิกัด 108 ปอนด์)
แฟนฉันขาดเล็กน้อยทำให้เร็ว แต่การป้องกันหลังปล่อยชุดคือจุดต้องระวัง ขณะที่เพชรภาคภูมิเนียนและนิ่งกว่าหากไม่ถูกยั่วให้แลกตรง ภาพรวมมีแนวโน้มตัดสินด้วยความละเอียดในงานรับ–โต้
ใครพลาดน้อยกว่าและปิดท้ายยกได้คมกว่ามักเป็นฝ่ายชนะคะแนน
สรุปภาพรวมและคำแนะนำก่อนชมถ่ายทอดสด
โปรแกรมคืนนี้ของศึกมวยมันส์สนั่นเมืองสะท้อนความหลากหลายครบถ้วน: คู่พิกัดเล็กที่สปีดสูง เกมกลางที่ต้องวัดความเนียน และคู่ปิดที่แรงชนดุดัน จุดร่วมของผู้ชนะมักไม่ใช่แค่แรงอย่างเดียว แต่คือ
“การพาเกมไปอยู่ในแดนถนัด” พร้อมรักษาวินัยรุก–รับและสมาธิปลายยกให้แน่นตลอดสามยกสำคัญ แนะนำผู้ชมตรวจสอบตารางออกอากาศและช่องทางอัปเดตจากผู้จัดหรือเวทีโดยตรง เพื่อไม่พลาดทุกไฮไลต์และผลสดที่อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามสถานการณ์หน้างาน
คำถามที่พบบ่อย (FAQ)
ศึกมวยมันส์สนั่นเมืองคืนนี้เริ่มกี่โมงและจัดที่ไหน
รายการเริ่มชกเวลา 18.00 น. ณ เวทีมวยนานาชาติรังสิต โดยลำดับคู่ตามประกาศด้านบนครบ 10 คู่ แนะนำไปถึงก่อนเวลาเล็กน้อยหรือเข้าชมถ่ายทอดสดตามแพลตฟอร์มที่ได้รับสิทธิ์เพื่อติดตามบรรยากาศตั้งแต่คู่เปิดหัว
ผลชั่งน้ำหนักมีผลต่อรูปเกมอย่างไร
ตัวเลข “เกิน/ขาด/ตามพิกัด” ส่งผลต่อสปีด ความแน่นของลำตัว และการยืนชนเมื่อเจอการบี้ ประกอบกับสไตล์ถนัดของนักชก ทำให้เราคาดการณ์ได้ว่าคู่ใดน่าจะเน้นฉาบฉวย
หรือคู่ใดต้องเร่งเพรสต่อเนื่องเพื่อบั่นทอนแรงของอีกฝ่าย
ควรจับตาคู่ไหนเป็นพิเศษ
คู่เดือดที่ควรจับตา ได้แก่ เพชรพชร–โชคดี (121 ปอนด์) ที่วัดกันด้วยความละเอียด เพชรอนันต์–ท้าชนเล็ก (102 ปอนด์) ที่ต่างตัวเลขชัด และแฟนฉัน–เพชรภาคภูมิ (108 ปอนด์)
ที่เกมน่าจะสูสีและชี้ขาดด้วยงานรับ–สวนคม ๆ ปลายยก
ชมถ่ายทอดสด ทุกคู่ทุกสนาม ให้ค่าชนที่ดีที่สุด ในเอเชีย
