โปรแกรมมวย ศึกมวยไทย 7 สี วันที่ 14 ธันวาคม 2568 มีทั้งหมด 4 คู่ เริ่มเวลา 14.30 น. ที่เวทีมวยไทยช่อง 7 สี ภาพรวมการชั่งน้ำหนักวันนี้มีทั้งคู่ที่ “ชั่งขาด” ชัดเจนในคู่ที่ 1 (ทั้งสองมุมขาดเล็กน้อยใกล้เคียงกัน) และมีคู่ที่ “ชั่งได้ตามพิกัด” ชัดเจนอย่างคู่ที่ 3 ทั้งสองมุม รวมถึงคู่ที่ 2 ฝั่งน้ำเงินที่ชั่งได้ตามพิกัด ขณะที่คู่ที่ 2 ฝั่งแดงและคู่ที่ 4 ทั้งสองมุม

โปรแกรมมวย ศึกมวยไทย 7 สี วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2568 เวทีมวยไทยช่อง 7 สี เริ่ม 14.30 น.

ตารางคู่ชกมวยวันนี้ (ศึกมวยไทย 7 สี)

คู่ชกที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้มุมแดง มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้มุมน้ำเงิน
1 มนต์กาฬ (ศิษย์เพชรฉลูกัณฑ์) 104 103.6 ขาด 0.4 จงอางดำ (สิงห์มาวิน) 104 103.7 ขาด 0.3
2 เสมอสิงห์ (เพชรเกียรติเพชร) 126 126.6 เกิน 0.6 ฟ้ามงคล (ส.โชคมีชัย) 126 ชั่งได้ตามพิกัด
3 จอมโหด (ว.อุรชา) 122 ชั่งได้ตามพิกัด เพชรแสนสุข (โชติบางแสน) 122 ชั่งได้ตามพิกัด
4 ซุปเปอร์เล็ก (จิตรเมืองนนท์) 135 135.8 เกิน 0.8 สมิงเดช (บังมัดกลองตัน) 135 135.8 เกิน 0.8

หมายเหตุ: ตารางนี้จัดทำจากข้อมูลโปรแกรมและผลชั่งน้ำหนักที่ประกาศ โดยในบางคู่มีการเขียนตัวเลขแบบ “ชั่งได้ 126.6 – 0.6” หรือ “135.8 – 0.8” ซึ่งในหน้านี้สรุปให้เข้าใจง่ายว่าเป็น “เกิน” เพราะน้ำหนักชั่งได้มากกว่าพิกัดที่ระบุ อย่างไรก็ตามในวันแข่งขันจริงอาจมีการตรวจซ้ำหรือการชี้แจงรูปแบบการบันทึกตัวเลขเพิ่มเติมจากผู้จัดและเวที จึงควรยึดประกาศหน้างานเป็นหลักหากมีการเปลี่ยนแปลง

มุมมองภาพรวมก่อนดู: ชั่งขาด–ชั่งเกิน ส่งผลต่อเกมอย่างไร

การชั่ง “ขาด” คือชั่งได้น้อยกว่าพิกัด เช่น 103.6 ขาด 0.4 หมายถึงพิกัด 104 แต่ชั่งจริง 103.6 ในเชิงการดูเกม นักมวยที่ชั่งขาดมักดูคล่อง เคลื่อนที่เร็ว และออกอาวุธเป็นชุดได้ถี่ขึ้น โดยเฉพาะพิกัดเล็กที่จังหวะเกมไวเป็นทุนเดิม แต่สิ่งที่ต้องจับตาคือแรงปลายและการหายใจในช่วงยกท้าย เพราะหากคุมน้ำหนักหนักเกินไปจนร่างกายแห้ง อาจทำให้ความคมและความเร็วตกลงเมื่อเกมยืดเยื้อ

ส่วนการชั่ง “เกิน” คือชั่งได้มากกว่าพิกัด เช่น พิกัด 126 แต่ชั่งได้ 126.6 ย่อมแปลว่ามีส่วนเกิน 0.6 และพิกัด 135 แต่ชั่งได้ 135.8 ก็แปลว่าเกิน 0.8 ในเชิงเกม ความเกินอาจทำให้ดูแน่นขึ้นและแรงปะทะหนักขึ้น แต่ก็พ่วงคำถามว่าคุมร่างกายมาดีแค่ไหน เพราะถ้าเกินจากการคุมน้ำหนักไม่ลงตัว บางคนจะเหนื่อยเร็วเมื่อเกมเร่ง หรืออาจเคลื่อนที่ช้าลงจนเสียจังหวะการตั้งรับและการโต้กลับ ดังนั้นควรมองตัวเลขชั่งน้ำหนักเป็น “สัญญาณ” มากกว่าคำตอบสุดท้าย

รายละเอียดคู่ชกและวิเคราะห์รายคู่

คู่ที่ 1: มนต์กาฬ (ศิษย์เพชรฉลูกัณฑ์) พบ จงอางดำ (สิงห์มาวิน) | พิกัด 104 ปอนด์

คู่เปิดรายการของโปรแกรมมวย ศึกมวยไทย 7 สี วันนี้อยู่ที่พิกัด 104 ปอนด์ มนต์กาฬมุมแดงชั่งได้ 103.6 ขาด 0.4 ส่วนจงอางดำมุมน้ำเงินชั่งได้ 103.7 ขาด 0.3 ถือว่าทั้งสองฝ่ายชั่งขาดใกล้เคียงกันมาก ความต่างเพียง 0.1 ปอนด์แทบไม่ใช่ประเด็นใหญ่ในเรื่องความได้เปรียบเชิงน้ำหนัก แต่สะท้อนว่าเกมน่าจะเน้นความเร็ว การชิงจังหวะ และการออกอาวุธแบบฉับไวตั้งแต่ยกแรก เพราะพิกัดเล็กมักตัดสินกันที่ความคมและความต่อเนื่องของอาวุธมากกว่า

มุมวิเคราะห์สำหรับคู่นี้ให้อ่านเกมจาก “การคุมระยะ” และ “การป้องกันอาวุธชุดแรก” ใครตั้งการ์ดดีและออกอาวุธนำก่อนจะคุมความมั่นใจได้ก่อนในพิกัดนี้ เพราะเมื่อเกมเร็ว หากเสียจังหวะหรือโดนเข้าเป้าชัด ๆ จะเสียคะแนนและเสียสภาพจิตใจได้ง่าย อีกประเด็นคือเมื่อทั้งคู่ชั่งขาดเล็กน้อย ให้จับตาช่วงยก 3–4 ว่าใครยังรักษาความเร็วไว้ได้ และใครเริ่มช้าลง หากฝ่ายใดช้าลงจะโดนอีกฝ่ายเร่งอาวุธเป็นชุดเพื่อปิดเกมคะแนนอย่างชัดเจน

คู่ที่ 2: เสมอสิงห์ (เพชรเกียรติเพชร) พบ ฟ้ามงคล (ส.โชคมีชัย) | พิกัด 126 ปอนด์

คู่ที่ 2 พิกัด 126 ปอนด์ เสมอสิงห์มุมแดงชั่งได้ 126.6 ซึ่งมากกว่าพิกัด 0.6 โดยในประกาศเดิมเขียน “126.6 – 0.6” เราจึงสรุปให้เข้าใจง่ายว่า “เกิน 0.6” ขณะที่ฟ้ามงคลมุมน้ำเงินชั่งได้ตามพิกัด ความต่างแบบ “แดงเกิน–น้ำเงินพอดี” เป็นจุดให้คนดูตั้งคำถามว่าแดงจะดูแน่นและแรงปะทะหนักกว่าในช่วงต้นเกมหรือไม่ และน้ำเงินจะใช้ความสมบูรณ์ ความคล่อง และการคุมแรงลากเกมไปยาวเพื่อให้ได้เปรียบในยกท้าย ๆ หรือเปล่า

แนวทางดูเกมคู่นี้คือดูว่าฝั่งไหนกำหนดรูปแบบการปะทะได้ก่อน หากแดงที่เกินพิกัดสามารถเดินติด บี้ และทำให้เกิดการปะทะวงในหรือแลกหมัดหนัก ๆ ได้เร็ว จะได้เปรียบจากภาพความหนักและความกดดันต่อคู่ชก แต่ถ้าน้ำเงินคุมระยะนอกได้ด้วยการเตะนำ ดักแทง และคุมทรงไม่ให้ถูกบี้จนเสียรูป น้ำเงินที่ตามพิกัดอาจดูสดกว่าเมื่อเกมเข้าสู่ยกกลางและยกท้าย จุดตัดสินมักอยู่ที่การคุมลมหายใจและการออกอาวุธต่อเนื่องในยก 3–4 ว่าใครยืนระยะได้ดีกว่ากัน

คู่ที่ 3: จอมโหด (ว.อุรชา) พบ เพชรแสนสุข (โชติบางแสน) | พิกัด 122 ปอนด์

คู่ที่ 3 เป็นคู่ที่อ่านง่ายที่สุดจากข้อมูลชั่งน้ำหนัก เพราะทั้งจอมโหดมุมแดงและเพชรแสนสุขมุมน้ำเงิน “ชั่งได้ตามพิกัด” ในพิกัด 122 ปอนด์ทั้งคู่ เมื่อชั่งพอดีทั้งสองฝ่าย ความได้เปรียบเชิงน้ำหนักแทบตัดออกไป ทำให้คู่นี้น่าจะวัดกันด้วยทรงมวย แผนการชก การชิงจังหวะ และความคมของอาวุธหลักแบบตรง ๆ คนดูสายเทคนิคจะชอบคู่นี้ เพราะสามารถโฟกัสที่รายละเอียด เช่น การยืนคุมระยะ การบังแข้ง การดักเข่า และการตอบโต้หลังรับอาวุธได้ชัดเจน

มุมวิเคราะห์ที่ควรจับตาคือ “ใครเก็บแต้มให้ชัดกว่าในสายตากรรมการ” เพราะเมื่อไม่มีประเด็นน้ำหนักมาช่วยเล่าเรื่อง เกมมักตัดสินกันที่ภาพรวมของความชัดและความต่อเนื่องของอาวุธ ถ้าฝ่ายหนึ่งเตะนำแล้วเข้าเป้าชัดซ้ำ ๆ จะทำให้คะแนนนำได้แบบไม่ต้องเสี่ยงแลกหนัก ส่วนอีกฝ่ายอาจต้องหาโอกาสเร่งเกมด้วยหมัดหรือเข่าเพื่อเปลี่ยนโมเมนตัม คู่นี้จึงเหมาะกับการดูแบบจับยกต่อยก ว่าใครคุมเกมได้และใครแก้เกมได้เร็วเมื่อรูปเกมไม่เป็นใจ

คู่ที่ 4: ซุปเปอร์เล็ก (จิตรเมืองนนท์) พบ สมิงเดช (บังมัดกลองตัน) | พิกัด 135 ปอนด์

คู่ที่ 4 พิกัด 135 ปอนด์ เป็นคู่ที่มีตัวเลขชั่งน้ำหนักเหมือนกันทั้งสองฝ่าย โดยซุปเปอร์เล็กมุมแดงชั่งได้ 135.8 และสมิงเดชมุมน้ำเงินชั่งได้ 135.8 เช่นกัน ซึ่งมากกว่าพิกัด 0.8 ทั้งคู่ (ประกาศเดิมเขียน “135.8 – 0.8”) เมื่อทั้งสองฝ่ายเกินเท่ากัน ประเด็น “ใครได้เปรียบจากน้ำหนัก” จะลดลง แต่จะเพิ่มประเด็นเรื่อง “ความแน่นและแรงปะทะของทั้งคู่” ที่อาจทำให้เกมออกมาหนักและมีการยืนปะทะมากขึ้น คนดูควรเตรียมใจว่าเกมอาจเข้มข้นตั้งแต่ยกกลาง เพราะต่างฝ่ายต่างมีความมั่นใจในความหนักของตัวเอง

แนวทางดูเกมคู่นี้ให้จับตาเรื่องการยืนระยะและการคุมแรง เพราะแม้จะเกินเท่ากัน แต่ความฟิตของแต่ละคนไม่เท่ากันเสมอ หากฝ่ายใดเร่งเกมเร็วเกินไป อาจเหนื่อยและโดนสวนในช่วงยก 3–4 ได้ง่าย จุดสำคัญคือใครคุมจังหวะเข้า–ออกได้ดีกว่า และใครทำอาวุธที่ “ชัด” ได้ต่อเนื่อง เช่น เตะลำตัวที่ทำให้คู่ชกเสียอาการ หรือหมัดที่ทำให้เสียทรงจนต้องถอยหนี หากฝ่ายใดทำให้ภาพรวมเกมดูเหนือในสายตากรรมการได้ จะมีโอกาสคุมแต้มจนจบยกสุดท้าย

สำหรับคอวัวชนตัวจริง การติดตามชมการแข่งขันสดๆ
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เว็บดูวัวชนสด อันดับ 1 ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด

วิธีอ่าน “พิกัด–ชั่งได้–ขาด/เกิน” ในโปรแกรมมวยให้เข้าใจเร็ว

พิกัดคือกรอบน้ำหนักที่กำหนดไว้ เช่น 104, 126, 122 และ 135 ปอนด์ ส่วน “ชั่งได้” คือผลชั่งจริงก่อนขึ้นชก หากเห็นคำว่า “ขาด” ให้เข้าใจทันทีว่า “ชั่งได้น้อยกว่าพิกัด” เช่น 103.6 ขาด 0.4 หมายถึงพิกัด 104 แต่ชั่งจริง 103.6 ในเชิงการดูเกมให้ใช้เป็นสัญญาณว่าความคล่องอาจดีขึ้น แต่ต้องจับตาแรงปลายและการยืนระยะ โดยเฉพาะถ้าเป็นการขาดที่มากจนร่างกายดูแห้งผิดปกติ

กรณีที่ประกาศเขียนเป็นรูปแบบ “126.6 – 0.6” หรือ “135.8 – 0.8” ในหน้านี้ตีความให้สอดคล้องกับตัวเลขชั่งได้ที่มากกว่าพิกัด จึงสรุปเป็น “เกิน 0.6” และ “เกิน 0.8” ตามลำดับ พร้อมระบุรูปแบบเดิมในวงเล็บเพื่อความโปร่งใส การอ่านแบบนี้ช่วยลดความสับสน เพราะหากพิกัด 126 แต่ชั่ง 126.6 ย่อมเป็นเกิน ไม่ใช่ขาด ส่วนการเกินจะชี้ให้ดูเรื่องความแน่นและแรงปะทะมากขึ้น แต่ก็ต้องดูความฟิตและการคุมลมหายใจเป็นพิเศษเมื่อเกมเข้าสู่ยกกลางและยกท้าย

ข้อมูลเวทีมวยไทยช่อง 7 สี และเวลาเริ่มงาน

รายการวันนี้จัดที่เวทีมวยไทยช่อง 7 สี และเริ่มเวลา 14.30 น. หากต้องการดูครบทุกคู่ แนะนำให้เผื่อเวลามาถึงก่อนเริ่มอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อเข้าพื้นที่และรับทราบประกาศล่าสุด เพราะในบางวันอาจมีการปรับลำดับคู่ตามความเหมาะสมของรายการ การมาถึงก่อนเวลายังช่วยให้คุณได้สังเกตสภาพนักมวยช่วงวอร์มและบรรยากาศกองเชียร์ ซึ่งมีผลต่อความมั่นใจและจังหวะการเดินเกมของนักมวยบางรายได้เช่นกัน

การติดตามข้อมูลที่อาจเปลี่ยนแปลง เช่น การชั่งน้ำหนักตรวจซ้ำ หรือการชี้แจงรูปแบบการบันทึกตัวเลข ควรยึดประกาศของผู้จัดและเวทีเป็นหลัก โดยเฉพาะคู่ที่มีรูปแบบตัวเลข “-0.x” เพื่อหลีกเลี่ยงความเข้าใจผิดในรายละเอียด เมื่อคุณอ่านตารางและวิเคราะห์ในหน้านี้แล้ว ให้ใช้เป็นภาพรวมก่อนดู จากนั้นค่อยอัปเดตกับข้อมูลหน้างานอีกครั้ง เพื่อให้การติดตามกีฬาเป็นไปอย่างถูกต้องและสนุกที่สุด

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

โปรแกรมมวย ศึกมวยไทย 7 สี 14 ธันวาคม 2568 เริ่มกี่โมง และจัดที่ไหน?

โปรแกรมมวย ศึกมวยไทย 7 สี วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2568 เริ่มเวลา 14.30 น. ที่เวทีมวยไทยช่อง 7 สี โดยถ้าต้องการดูครบทุกคู่ตั้งแต่คู่แรก แนะนำให้เผื่อเวลามาถึงก่อนเริ่มเพื่อเข้าพื้นที่และฟังประกาศย้ำลำดับคู่ รวมถึงตรวจสอบรายละเอียดหน้างานในกรณีที่มีการปรับคิวหรือมีข้อมูลยืนยันเพิ่มเติมเกี่ยวกับการชั่งน้ำหนักของแต่ละคู่

วันนี้มีทั้งหมดกี่คู่ และพิกัดเท่าไหร่บ้าง?

วันนี้มีทั้งหมด 4 คู่ โดยพิกัดชกคือ 104 ปอนด์ (คู่ที่ 1), 126 ปอนด์ (คู่ที่ 2), 122 ปอนด์ (คู่ที่ 3) และ 135 ปอนด์ (คู่ที่ 4) คุณสามารถดูภาพรวมได้จากตารางคู่ชกที่จัดรูปแบบอ่านง่าย และกดไปอ่านวิเคราะห์รายคู่เพื่อดูจุดจับตาเชิงเกมจากผลชั่งได้ว่าคู่ไหนขาดหรือเกินพิกัดอย่างไรบ้าง

“ชั่งได้ 103.6 ขาด 0.4” หมายถึงอะไร?

ข้อความ “ชั่งได้ 103.6 ขาด 0.4” หมายถึงพิกัดกำหนดไว้ 104 ปอนด์ แต่ชั่งจริงได้ 103.6 จึงต่ำกว่าพิกัดอยู่ 0.4 ปอนด์ ในเชิงการดูเกมอาจสะท้อนว่าฝ่ายนั้นเน้นความคล่องและความเร็ว แต่ควรดูประกอบกับสภาพร่างกายจริงบนเวทีว่าดูแห้งเกินไปหรือยังสดแน่น เพราะถ้าคุมน้ำหนักหนักเกินไปอาจกระทบแรงปลายและความอึดเมื่อเกมยืดเยื้อในยกท้าย

เลข “126.6 – 0.6” หรือ “135.8 – 0.8” ควรอ่านว่าเกินหรือขาด?

เมื่อพิกัดคือ 126 แต่ชั่งได้ 126.6 ตัวเลขชั่งได้มากกว่าพิกัด จึงควรอ่านเป็น “เกิน 0.6” เช่นเดียวกับพิกัด 135 แต่ชั่งได้ 135.8 จึงอ่านเป็น “เกิน 0.8” แม้ประกาศบางแห่งจะเขียนด้วยรูปแบบมีเครื่องหมายลบหลังตัวเลข แต่การเทียบกับพิกัดจะทำให้เห็นชัดว่าเป็นเกิน ไม่ใช่ขาด หน้านี้จึงสรุปเป็นคำว่าเกินพร้อมใส่วงเล็บรูปแบบเดิม เพื่อให้คนอ่านเข้าใจตรงกันและเทียบคู่ได้ถูกต้อง

คู่ไหนน่าดูที่สุดจากข้อมูลชั่งน้ำหนักในวันนี้?

หากดูจากข้อมูลชั่งน้ำหนัก คู่ที่ 1 น่าดูเพราะทั้งสองมุมชั่งขาดใกล้เคียงกัน ทำให้เกมมีแนวโน้มเร็วและวัดกันที่จังหวะออกอาวุธ ส่วนคู่ที่ 2 และคู่ที่ 4 มีประเด็นเรื่องชั่งเกินที่ควรจับตาว่าจะส่งผลต่อความแน่นแรงปะทะหรือทำให้เหนื่อยเร็วเมื่อเกมเร่ง ขณะที่คู่ที่ 3 ชั่งตามพิกัดทั้งสองฝ่ายจึงน่าดูในเชิงเทคนิคและการชิงจังหวะล้วน ๆ ว่าฝ่ายใดคุมเกมและแก้เกมได้ดีกว่ากัน