ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ หรือ RWS : Rajadamnern World Series ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ถือเป็นอีกหนึ่งค่ำคืนมวยไทยสไตล์อินเตอร์ที่แฟนหมัดมวยไม่ควรพลาด ด้วยจุดเด่นของการจับคู่ระหว่างนักมวยไทยและนักมวยต่างชาติในพิกัดที่หลากหลาย ทำให้ศึกนี้ไม่ได้มีดีแค่ความมันส์บนเวที แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์มวยไทยบนเวทีระดับโลกได้อย่างชัดเจน ยิ่งเมื่อครั้งนี้ยกพลมาจัดที่เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 จ.นนทบุรี ในช่วงเวลา 16.30–18.00 น. ยิ่งเพิ่มความน่าสนใจให้กับศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ อย่างมาก

โปรแกรมมวย ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ RWS 22 พฤศจิกายน 2568 : วิเคราะห์ครบทุกคู่ เวทีมวยจิตรเมืองนนท์

ภาพรวมศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ RWS วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568

ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้จัดขึ้นในบรรยากาศเวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 ซึ่งเป็นหนึ่งในสนามมวยที่แฟนมวยเริ่มคุ้นตาจากการใช้จัดรายการระดับประเทศหลายรายการ โดยโปรแกรมในวันนี้ประกอบไปด้วยมวยรวมทั้งสิ้น 7 คู่ ครอบคลุมพิกัดตั้งแต่ 107 ปอนด์ไปจนถึง 154 ปอนด์ ผสมผสานนักมวยไทยชื่อคุ้นหูอย่าง ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี่ ปาฏิหาริย์ ภ.หลักบุญ ไปจนถึงนักชาวต่างชาติอย่าง อีกอร์ บิเครฟ ฮามิด เรคาบี้ โฮมูระ อาเบะ และเจิ้นปิน ซึ่งทั้งหมดนี้ทำให้ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ในวันนี้มีความเป็น “เวิลด์ซีรี่ส์” สมชื่ออย่างแท้จริง

ตารางการแข่งขัน ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ RWS เวทีมวยจิตรเมืองนนท์

ก่อนเข้าสู่การวิเคราะห์รูปมวยแบบละเอียด มาดูตารางโปรแกรมการแข่งขันของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ในวันนี้กันก่อน เพื่อให้เห็นภาพรวมของคู่ชก พิกัดน้ำหนัก และผลชั่งน้ำหนักของนักมวยแต่ละคนอย่างชัดเจน ข้อมูลเหล่านี้มีความสำคัญอย่างยิ่งสำหรับการประเมินความได้เปรียบเสียเปรียบด้านร่างกาย รวมถึงช่วยให้แฟนมวยวิเคราะห์แนวโน้มเกมการชกได้อย่างมีหลักการ โดยเฉพาะในรายการใหญ่แบบศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ที่ทุกดีเทลล้วนมีผลต่อผลลัพธ์บนเวที

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ หมายเหตุ
คู่ที่ 1 บัวชมพู พ.เมืองเพชร 118.0 ขาด 0.3 ปอนด์ ลุย วาดะ 118.0 ขาด 0.3 ปอนด์ มวยพิกัดเล็ก เปิดรายการสปีดสูง
คู่ที่ 2 อีกอร์ บิเครฟ 135.0 ลด 0.5 ปอนด์ ชัย สส.ต้อยแปดริ้ว 135.0 ลด 1.7 ปอนด์ ต่างชาติปะทะมวยไทย ดุเดือดแน่นอน
คู่ที่ 3 ปาฏิหาริย์ ภ.หลักบุญ 131.0 ขาด 0.3 ปอนด์ เดือน จิตรเมืองนนท์ 131.0 ขาด 0.3 ปอนด์ มวยไทยเต็มระบบ ค่ายดังชนค่ายดัง
คู่ที่ 4 ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี่ 154.0 ขาด 0.4 ปอนด์ ก้องไทยแลนด์ เกียรตินาวี 154.0 ขาด 0.4 ปอนด์ พิกัดใหญ่ เชิงมวยจัดทั้งสองฝ่าย
คู่ที่ 5 ปังตอ ภ.หลักบุญ 115.0 ขาด 0.1 ปอนด์ เพชรเดช เพชรยินดีอะคาเดมี่ 115.0 ขาด 0.3 ปอนด์ ศึกศิษย์สองค่ายใหญ่ ภ.หลักบุญ vs เพชรยินดี
คู่ที่ 6 ฮามิด เรคาบี้ 150.0 ขาด 2.0 ปอนด์ เจิ้นปิน 150.0 ขาด 0.6 ปอนด์ มวยต่างชาติปะทะกันเอง พิกัดใหญ่ดุดัน
คู่ที่ 7 โฮมูระ อาเบะ 107.0 ตามพิกัด เหนือพยัคฆ์ พุฒิประชาชื่น 107.0 ตามพิกัด คู่ปิดท้าย ไทยดวลญี่ปุ่น สปีดจัด

จากตารางจะเห็นได้ว่า ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้มีความหลากหลายทั้งในแง่พิกัดน้ำหนักและเชื้อชาตินักมวย มีทั้งกรณีนักมวยที่ชั่งได้ขาดน้ำหนักเล็กน้อยอย่างบัวชมพู ปาฏิหาริย์ ฤทธิ์เทวดา รวมถึงนักมวยที่ต้องลดน้ำหนักมากพอสมควรอย่างชัย สส.ต้อยแปดริ้ว และฮามิด เรคาบี้ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงน้ำหนักก่อนวันชกเหล่านี้ย่อมส่งผลต่อสภาพร่างกายและสไตล์การชกบนเวทีศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ดังนั้นแฟนมวยที่ชอบวิเคราะห์เกมจึงควรใช้ข้อมูลจากผลชั่งน้ำหนักประกอบการอ่านรูปมวยทุกครั้ง

วิเคราะห์คู่มวย ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ 22 พฤศจิกายน 2568

หัวใจสำคัญของการติดตามศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ไม่ได้อยู่แค่การเช็กโปรแกรมว่ามีใครชกกับใครเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การวิเคราะห์รูปมวยเชิงลึก ว่าในแต่ละคู่ใครมีจุดเด่นด้านใด ได้เปรียบเสียเปรียบกันตรงไหน และผลการชั่งน้ำหนักส่งผลอย่างไรต่อฟอร์มในวันจริง ในส่วนนี้เราจะพาไปไล่ดูทีละคู่ ตั้งแต่คู่เปิดหัวไปจนถึงคู่ปิดท้าย เพื่อให้เห็นภาพรวมชัดเจนว่าศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ในวันนี้มีมิติการต่อสู้ที่น่าสนใจเพียงใด ทั้งสำหรับแฟนมวยสายเชียร์และสายวิเคราะห์ที่ต้องการข้อมูลละเอียดก่อนนั่งลุ้นผลหน้าจอหรือข้างเวที

คู่ที่ 1 บัวชมพู พ.เมืองเพชร vs ลุย วาดะ (พิกัด 118 ปอนด์)

คู่เปิดหัวของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ เป็นการชกในพิกัด 118 ปอนด์ระหว่าง บัวชมพู พ.เมืองเพชร นักมวยไทยในมุมแดง ปะทะกับ ลุย วาดะ นักมวยสายต่างชาติมุมน้ำเงิน โดยทั้งสองชั่งได้ “ขาด 0.3 ปอนด์” เท่ากัน
นั่นหมายความว่าทั้งคู่ไม่ได้เค้นน้ำหนักอย่างหนักจนเกินไป ร่างกายมีความคล่องตัวสูงและพร้อมสำหรับการเคลื่อนที่อย่างต่อเนื่อง ในมวยพิกัดเล็กเช่นนี้ ปัจจัยเรื่องความเร็วและการออกอาวุธเป็นชุดจะมีบทบาทสูงมาก ทำให้คู่เปิดรายการของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ มีโอกาสสร้างความตื่นเต้นแต่ต้นค่ำ

บัวชมพู พ.เมืองเพชร มักถูกมองว่าเป็นมวยที่มีแข้งซ้ายจัด ออกอาวุธได้คมและมีจังหวะเตะตัดล่างที่น่ากลัว หากได้จังหวะคุมระยะวงนอก เขาสามารถค่อย ๆ สะสมคะแนนด้วยแข้งเข้าลำตัวและต้นขาบดบังจังหวะของคู่ต่อสู้ได้ดี ส่วนลุย วาดะนั้นในภาพของมวยต่างชาติ มักเน้นการเดินเข้าหาและปล่อยหมัดชุดเพื่อสร้างแรงกดดัน ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้ รูปเกมจึงน่าจะออกมาในลักษณะมวยไทยสายแข้งรับกับมวยต่างชาติที่พยายามเดินบู๊ ถ้าบัวชมพูสามารถรักษาระยะและไม่ถอยติดเชือกบ่อยเกินไป ย่อมมีโอกาสทำคะแนนได้เด่นชัด แต่หากลุย วาดะบีบพื้นที่จนได้แลกหมัดระยะประชิด เกมอาจเปลี่ยนหน้าได้ทุกยก

คู่ที่ 2 อีกอร์ บิเครฟ vs ชัย สส.ต้อยแปดริ้ว (พิกัด 135 ปอนด์)

คู่ที่สองของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ถือเป็นการปะทะกันระหว่างนักมวยต่างชาติและนักมวยไทยที่น่าสนใจมาก โดยอีกอร์ บิเครฟ ชั่งได้พิกัด 135 ปอนด์แบบต้องลด 0.5 ปอนด์ ขณะที่ ชัย สส.ต้อยแปดริ้ว ต้องลดถึง 1.7 ปอนด์ การลดน้ำหนักในระดับที่ต่างกันเช่นนี้ส่งผลต่อร่างกายไม่น้อย โดยเฉพาะฝ่ายชัยที่อาจมีโอกาสแผ่วในช่วงยกท้าย ๆ หากการฟื้นตัวหลังการลดน้ำหนักไม่สมบูรณ์พอ อย่างไรก็ตาม การลดน้ำหนักก็อาจสะท้อนให้เห็นว่าทั้งสองเป็นนักมวยตัวใหญ่ในพิกัดนี้ ทำให้แรงปะทะหมัดและแข้งในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ คู่นี้จะเต็มไปด้วยความหนักแน่น

อีกอร์ บิเครฟ มักมีสไตล์เดินเข้าหาพร้อมหมัดหนัก ใช้การปะทะที่แข็งแรงและไม่กลัวแลก ในขณะที่ ชัย สส.ต้อยแปดริ้ว เป็นมวยไทยสายเก๋าที่มีประสบการณ์บนสังเวียนสูง ถ้าฟื้นตัวจากการลดน้ำหนักได้ดี เขาสามารถใช้ลูกเตะและศอกสกัดจังหวะของอีกอร์ได้อย่างน่ากลัว ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ไฟต์นี้จึงมีทั้งมิติของ “พลังปะทะแบบต่างชาติ” กับ “ชั้นเชิงแบบมวยไทย” มาปะทะกันอย่างลงตัว หากชัยสามารถทนแรงบู๊ของอีกอร์ได้ในช่วงต้นยก เกมช่วงปลายอาจกลับกลายเป็นโอกาสของมวยไทยสายฝีมือที่มีลีลาการโต้กลับเหนือกว่า

คู่ที่ 3 ปาฏิหาริย์ ภ.หลักบุญ vs เดือน จิตรเมืองนนท์ (พิกัด 131 ปอนด์)

คู่ที่สามในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ เป็นการพบกันระหว่าง ปาฏิหาริย์ ภ.หลักบุญ และ เดือน จิตรเมืองนนท์ ในพิกัด 131 ปอนด์ โดยทั้งสองชั่งได้ขาด 0.3 ปอนด์เท่ากัน ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่ทำให้ร่างกายตึงตัวจนเกินไป แต่ก็พอจะบ่งบอกได้ว่าทั้งคู่มีการเตรียมตัวและคุมอาหารมาอย่างเหมาะสม ที่น่าสนใจคือเดือนเป็นตัวแทนค่ายจิตรเมืองนนท์ เจ้าของเวที ทำให้มีแรงเชียร์หนุนหลังพอสมควร ในขณะที่ปาฏิหาริย์ก็มาจากค่าย ภ.หลักบุญ ที่ขึ้นชื่อว่าปลุกปั้นมวยฝีมือได้ดี

ปาฏิหาริย์เป็นมวยที่ครบเครื่อง ใช้แข้ง เข่า หมัด ศอก ได้หลากหลาย มีพื้นฐานเกมรับที่เหนียวแน่นและรอโต้กลับได้อย่างมีประสิทธิภาพ ส่วนเดือน จิตรเมืองนนท์ นั้นมีจุดเด่นที่ลูกถีบ ไล่แข้ง และการยืนระยะในเกมยาว หากยกสามเป็นต้นไปยังยืนได้เต็มแรงก็พร้อมเร่งเครื่องตอบโต้ทุกจังหวะ เมื่อมาเจอกันในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ที่เน้นความดุเดือดและจังหวะเกมเร็ว ทั้งคู่จึงน่าจะเล่นกันที่เชิงมวยและการอ่านเกมเป็นหลัก แฟนมวยต้องจับตาว่าใครจะเป็นฝ่ายกำหนดระยะชกได้ดีกว่า เพราะนั่นอาจเป็นกุญแจสำคัญในการคว้าชัยไฟต์นี้

คู่ที่ 4 ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี่ vs ก้องไทยแลนด์ เกียรตินาวี (พิกัด 154 ปอนด์)

คู่ที่สี่ถือเป็นหนึ่งในไฮไลต์ของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ เพราะเป็นพิกัดใหญ่ 154 ปอนด์ที่มีชื่อของ ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี่ ขึ้นปะทะกับ ก้องไทยแลนด์ เกียรตินาวี ทั้งคู่ชั่งได้ขาด 0.4 ปอนด์เท่ากัน แสดงให้เห็นว่าร่างกายไม่ได้ถูกบีบด้วยการลดน้ำหนักจนตึงจากพิกัดมากนัก ในทางกลับกัน ความขาดเล็กน้อยนี้อาจช่วยให้ทั้งสองมีความคล่องตัวมากขึ้นเมื่ออยู่บนเวที ประกอบกับชื่อชั้นของฤทธิ์เทวดาที่ขึ้นชื่อเรื่องความครบเครื่องและมวยบ็อกซิ่งเป็นเลิศ ทำให้คู่มวยนี้เป็นที่จับตามองของแฟนศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ อย่างมาก

ฤทธิ์เทวดาเป็นมวยที่เล่นเกมได้ทั้งรับและรุก มีหมัดที่แม่นยำและสามารถผสมลูกเตะ–ศอกได้อย่างสวยงาม ส่วนก้องไทยแลนด์ เกียรตินาวี ก็ไม่ธรรมดา เพราะเป็นมวยที่มีหัวใจนักสู้สูงและพร้อมเดินเข้าหาเพื่อกดดันคู่ต่อสู้ตลอดทั้งยก ในบริบทของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ คู่นี้น่าจะเป็นการวัดกันระหว่าง “ฝีมือและความเฉียบคม” กับ “ความแข็งแกร่งและความอึด” หากฤทธิ์เทวดาสามารถใช้จังหวะสเต็ปเท้าและหมัดต่อยเข้าเป้าได้ชัดเจนตั้งแต่ต้นยก ก็มีโอกาสควบคุมเกมได้ แต่หากปล่อยให้ก้องไทยแลนด์เดินทะลุการ์ดเข้าหาวงในได้บ่อย ๆ เกมอาจเปลี่ยนเป็นการแลกเข่าและศอกที่ใครพลาดอย่างจังอาจถึงขั้นโดนนับได้เลยทีเดียว

คู่ที่ 5 ปังตอ ภ.หลักบุญ vs เพชรเดช เพชรยินดีอะคาเดมี่ (พิกัด 115 ปอนด์)

คู่ที่ห้าในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ เป็นศึกของสองค่ายใหญ่ในวงการมวยไทย ระหว่าง ปังตอ ภ.หลักบุญ กับ เพชรเดช เพชรยินดีอะคาเดมี่ ในพิกัด 115 ปอนด์ โดยปังตอชั่งได้ขาด 0.1 ปอนด์ ส่วนเพชรเดชชั่งขาด 0.3 ปอนด์ ซึ่งถือเป็นระดับที่ไม่มากจนเกินไป ทำให้ทั้งคู่ยังคงมีพละกำลังและความคล่องตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดี ข้อได้เปรียบเสียเปรียบด้านน้ำหนักจึงไม่ต่างกันมากนัก กลายเป็นว่าปัจจัยสำคัญอยู่ที่เชิงมวยและเกมการชกที่จะถูกวางโดยทีมงานทั้งสองค่ายมากกว่า

ปังตอ ภ.หลักบุญ มีสไตล์ที่เน้นการเดินเข้าหาอย่างไม่เกรงกลัว ใช้ลูกเตะและศอกสลับกันเพื่อกดดันคู่ต่อสู้อย่างต่อเนื่อง ส่วนเพชรเดช เพชรยินดีอะคาเดมี่ มักเป็นมวยที่มีระเบียบวินัยสูงในเชิงมวย ใช้แข้งและหมัดอย่างมีแบบแผน มีการป้องกันตัวที่ค่อนข้างด เมื่อมาพบกันในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ที่เน้นรูปแบบการชกดุดันและดูง่าย มีแนวโน้มว่าคู่นี้จะเป็นการชนกันระหว่างมวยเดินชนกับมวยฝีมือ หากปังตอสามารถบีบให้เกมเป็นการแลกวงในได้บ่อย โอกาสสร้างความเสียหายจากศอกและเข่าจะเปิดกว้าง แต่ถ้าเพชรเดชใช้จังหวะยืนระยะและเลือกออกอาวุธอย่างแม่นยำ เกมอาจกลายเป็นของมวยฝีมือที่เก็บคะแนนได้ชัดทุกยก

คู่ที่ 6 ฮามิด เรคาบี้ vs เจิ้นปิน (พิกัด 150 ปอนด์)

คู่ที่หกของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ เป็นการดวลกันระหว่างนักมวยต่างชาติทั้งคู่ในพิกัด 150 ปอนด์ ฮามิด เรคาบี้ ชั่งได้ขาดถึง 2.0 ปอนด์ ส่วนเจิ้นปินชั่งขาด 0.6 ปอนด์ ซึ่งความต่างนี้ถือว่าน่าสนใจ เพราะการขาดน้ำหนักมากของฮามิดอาจสะท้อนถึงการเน้นความเร็วและความคล่องตัว แต่ก็ต้องแลกมากับการเสียเปรียบด้านมวลร่างกายเมื่อต้องปะทะกันในระยะประชิด ขณะที่เจิ้นปินแม้จะขาดน้ำหนักเล็กน้อย แต่ก็ยังอยู่ใกล้พิกัดจริงมากกว่า ทำให้การชนกันของทั้งสองคนบนเวทีศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ เต็มไปด้วยปัจจัยให้วิเคราะห์

ฮามิด เรคาบี้ อาจใช้จุดเด่นด้านความว่องไว เคลื่อนที่เข้า–ออกได้รวดเร็วและเลือกจังหวะออกหมัด–แข้งแบบฉับไว ในขณะที่เจิ้นปินอาจได้เปรียบในเรื่องแรงปะทะและความหนักของอาวุธ หากสามารถปิดระยะและบังคับให้เกมกลายเป็นการแลกในวงใน คู่นี้จึงมีโอกาสเป็นไฟต์เดือดที่เดินแลกกันแบบไม่เกรงใจ เนื่องจากนักมวยต่างชาติทั้งคู่มักจะเน้นโชว์พลังและหัวใจนักสู้ให้แฟนมวยประทับใจ ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ จึงใช้คู่มวยลักษณะนี้สร้างภาพจำว่ารายการไม่ได้มีดีแค่มวยไทย แต่มวยต่างชาติก็เต็มไปด้วยความดุดันและมาตรฐานสูงเช่นกัน

คู่ที่ 7 โฮมูระ อาเบะ vs เหนือพยัคฆ์ พุฒิประชาชื่น (พิกัด 107 ปอนด์)

คู่ปิดท้ายของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ในวันนี้ เป็นการพบกันของ โฮมูระ อาเบะ นักมวยญี่ปุ่นในมุมแดง กับ เหนือพยัคฆ์ พุฒิประชาชื่น นักมวยไทยมุมน้ำเงิน ในพิกัด 107 ปอนด์โดยทั้งคู่ชั่งได้ตามพิกัดเป๊ะ แสดงให้เห็นถึงการเตรียมตัวที่ดีและไม่มีการลดน้ำหนักแบบโหดจนเกินไป มวยพิกัดเล็กเช่นนี้มักเน้นความเร็วสูง การเดินเท้าไว และการออกอาวุธแบบต่อเนื่องทำให้เกมการชกสนุกและลุ้นได้ตลอด การนำไฟต์ไทย–ญี่ปุ่นในพิกัดเล็กมาปิดท้ายศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ จึงเป็นการจบรายการด้วยความเข้มข้นที่ผสานระหว่างความเร็วและเทคนิคอย่างลงตัว

โฮมูระ อาเบะ ในฐานะนักมวยญี่ปุ่น มักมีจุดเด่นด้านระเบียบวินัยและความมุ่งมั่น ไม่ถอดใจง่าย พร้อมเดินเข้าหาและทำเกมตลอดทุกยก ส่วนเหนือพยัคฆ์ พุฒิประชาชื่น นั้นเป็นมวยไทยที่มีลูกไม้หลากหลาย ทั้งลูกถีบยัน ลูกเตะ และลูกหมัดที่แม่นยำ เมื่อทั้งสองต้องมาเจอกันในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ที่เต็มไปด้วยสายตาจากแฟนมวยทั้งไทยและต่างชาติ ไฟต์นี้จึงเปรียบเสมือนตัวแทนสะท้อนภาพว่ามวยไทยกับนักสู้จากญี่ปุ่นสามารถแลกกันได้สนุกเพียงใด หากเหนือพยัคฆ์ใช้ความเป็นมวยไทยแท้ ๆ คุมจังหวะได้ ส่วนโฮมูระสามารถรักษาความขยันและไม่ถอยหลัง เกมย่อมเดือดจนผู้ชมแทบละสายตาไม่ได้เลย

เจาะลึกผลชั่งน้ำหนักและผลต่อเกมในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์

เมื่อพิจารณาจากผลชั่งน้ำหนักในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้ จะเห็นว่ามีนักมวยหลายคนที่ชั่งได้ “ขาดพิกัด” เล็กน้อย เช่น บัวชมพู ปาฏิหาริย์ เดือน ฤทธิ์เทวดา ก้องไทยแลนด์ ปังตอ เพชรเดช ฮามิด และเจิ้นปิน ซึ่งส่วนใหญ่ขาดไม่เกิน 0.6 ปอนด์ ยกเว้นฮามิดที่ขาดถึง 2.0 ปอนด์ ในเชิงภาพรวม การขาดน้ำหนักเล็กน้อยช่วยให้ร่างกายเบาขึ้น เคลื่อนที่ได้คล่องตัวขึ้น แต่ก็อาจเสียเปรียบด้านแรงปะทะหากเจอกับคู่ชกที่เข้าเป้าหนัก ๆ ในขณะที่นักมวยที่ต้อง “ลดน้ำหนัก” อย่างชัยและอีกอร์ ก็จะต้องบริหารการฟื้นตัวให้ดี เพื่อให้แรงปลายยกยังคงอยู่เต็มที่บนเวทีศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์

โดยทั่วไปแล้ว นักมวยที่ลดน้ำหนักมากกว่ามักเสี่ยงต่อภาวะอ่อนล้าในยกท้าย ๆ หากการจัดการเรื่องน้ำและอาหารไม่สมดุล แต่ข้อดีคือเมื่อไล่ลงมาถึงพิกัดแล้ว มักมีรูปร่างใหญ่กว่าคู่ต่อสู้เล็กน้อย ทำให้ได้เปรียบเมื่อยืนชนกันตัวต่อตัว ในทางกลับกัน นักมวยที่ชั่งขาดเล็กน้อยจะมีความไวและยืนระยะสบายกว่า ตัวอย่างที่น่าจับตาในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้คือคู่ของ ฮามิด เรคาบี้ ที่ขาดถึง 2.0 ปอนด์ เทียบกับเจิ้นปินที่ขาด 0.6 ปอนด์ ซึ่งอาจทำให้เราได้เห็นรูปเกมแบบ “มวยคล่องไว” ปะทะ “มวยแรงปะทะจัด” อย่างชัดเจนบนสังเวียน

ทำความรู้จักค่ายมวยและทีมเบื้องหลังในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์

อีกหนึ่งเสน่ห์สำคัญของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ คือการรวมเอาค่ายมวยชั้นนำของไทยและนักมวยต่างชาติมาร่วมรายการเดียวกัน ในบัตรมวยวันนี้ เราได้เห็นชื่อค่ายใหญ่ ๆ อย่าง เพชรยินดีอะคาเดมี่ ภ.หลักบุญ จิตรเมืองนนท์ เกียรตินาวี รวมถึงค่ายจากภาคต่าง ๆ เช่น สส.ต้อยแปดริ้ว และ พุฒิประชาชื่น ซึ่งแต่ละค่ายต่างมีเอกลักษณ์การฝึกซ้อมและแนวทางการปั้นนักมวยที่แตกต่างกัน การที่พวกเขาเลือกส่งลูกทีมเข้ามาในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ทำให้รายการนี้กลายเป็นเวทีที่สะท้อนมาตรฐานของค่ายมวยไทยในระดับเวิลด์คลาสไปพร้อมกันด้วย

เพชรยินดีอะคาเดมี่ และ ภ.หลักบุญ เสาหลักมวยไทยยุคใหม่

เพชรยินดีอะคาเดมี่เป็นค่ายมวยที่มีชื่อเสียงยาวนาน มีนักมวยระดับแนวหน้ามากมาย และขึ้นชื่อเรื่องการฝึกฝนอย่างเป็นระบบ ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้ มีทั้ง ฤทธิ์เทวดา และ เพชรเดช ลงชกในนามค่ายเพชรยินดีอะคาเดมี่ สะท้อนให้เห็นถึงความมุ่งมั่นที่จะผลักดันนักมวยในสังกัดสู่เวทีโลก ขณะเดียวกัน ภ.หลักบุญ ก็เป็นค่ายที่กำลังมาแรง มีนักมวยอย่าง ปาฏิหาริย์ และ ปังตอ ขึ้นบู๊ในรายการเดียวกัน ทำให้ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ รอบนี้มีมวยจากสองค่ายใหญ่ที่มาปะทะกันโดยตรง สร้างสีสันทั้งในแง่ของการต่อสู้และศักดิ์ศรีของทีมงานมุมมวย

จิตรเมืองนนท์ เกียรตินาวี และพุฒิประชาชื่น ตัวแทนค่ายไทยที่ยืนหยัดในเกมระดับโลก

ค่ายจิตรเมืองนนท์ ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับเวทีหลักของมวยไทยระดับประเทศ มีตัวแทนอย่าง เดือน จิตรเมืองนนท์ ขึ้นชกในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้ ควบคู่ไปกับก้องไทยแลนด์ เกียรตินาวี ที่เป็นตัวแทนจากสายเกียรตินาวี และเหนือพยัคฆ์ พุฒิประชาชื่น ที่อาศัยความเข้มข้นของการฝึกซ้อมจากค่ายในกรุงเทพฯ เมื่อค่ายเหล่านี้เข้ามาอยู่รวมกันในเวทีเดียว การแข่งขันจึงไม่ใช่เพียงเรื่องผลแพ้ชนะของนักมวยเท่านั้น แต่ยังเป็นการชิงความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์ของค่ายมวยไทยที่ต้องการพิสูจน์ตัวเองในระดับศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ อีกด้วย

นักมวยต่างชาติในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ สะท้อนภาพมวยไทยสู่สายตาโลก

อีกหนึ่งองค์ประกอบที่ทำให้ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ แตกต่างจากรายการมวยไทยทั่วไป คือการมีนักมวยต่างชาติเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง
ในบัตรมวยวันนี้มีชื่อของ อีกอร์ บิเครฟ ฮามิด เรคาบี้ โฮมูระ อาเบะ เจิ้นปิน และ ลุย วาดะ
ซึ่งแต่ละคนล้วนเป็นตัวแทนจากชาติต่าง ๆ ที่มองเห็นคุณค่าของการขึ้นชกบนเวทีมวยไทย
การที่พวกเขาต้องดวลกับนักมวยไทยในกติกามวยไทยแท้ ๆ ทำให้ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ กลายเป็นเวทีแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมการต่อสู้
อีกทั้งยังตอกย้ำว่ามวยไทยยังคงมีบทบาทสำคัญในเวทีศิลปะการต่อสู้ระดับนานาชาติอย่างชัดเจน

ข้อมูลสำคัญสำหรับแฟนมวยที่ต้องการติดตามศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์

สำหรับแฟนมวยที่ต้องการติดตามศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นี้ ควรทราบว่ารายการเริ่มชกตั้งแต่เวลา 16.30 น. และคาดว่าจะจบประมาณ 18.00 น. ที่เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 จ.นนทบุรี หากตั้งใจเดินทางไปชมถึงขอบเวที แนะนำให้เผื่อเวลาเดินทางล่วงหน้าอย่างน้อยหนึ่งถึงสองชั่วโมง เพื่อจัดการเรื่องการเดินทาง ที่จอดรถ และเลือกที่นั่งให้พร้อม บรรยากาศของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ มักเต็มไปด้วยเสียงเชียร์และแสงสีเสียงที่ทันสมัย เหมาะทั้งคอมวยรุ่นใหญ่และแฟนมวยรุ่นใหม่ที่เพิ่งเริ่มสนใจมวยไทย

ส่วนผู้ที่รับชมจากทางบ้านก็สามารถใช้บทความนี้เป็นคู่มือประกอบการชมศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ได้อย่างดี ทั้งในแง่ของตารางการแข่งขัน รายละเอียดพิกัด ผลชั่งน้ำหนัก และการวิเคราะห์รูปมวยแบบคร่าว ๆ การได้รู้พื้นฐานของแต่ละคู่ก่อน จะช่วยให้การลุ้นมวยสนุกและมีอรรถรสมากขึ้น เพราะไม่ใช่เพียงแค่รอดูว่าใครแพ้หรือชนะ แต่ยังได้สนุกไปกับการอ่านเกมของตัวเอง เทียบกับรูปมวยจริงบนเวทีว่าใกล้เคียงกับการวิเคราะห์หรือไม่ ทำให้ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ กลายเป็นประสบการณ์ชมมวยที่ทั้งบันเทิงและเต็มไปด้วยแง่มุมให้ติดตาม

สรุปไฮไลต์ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ 22 พฤศจิกายน 2568

เมื่อมองภาพรวมทั้งหมด จะเห็นได้ว่าศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ณ เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 จ.นนทบุรี เป็นรายการที่จัดออกมาอย่างลงตัวในทุกมิติ ทั้งจำนวนคู่มวยที่ไม่มากหรือน้อยเกินไป พิกัดน้ำหนักที่หลากหลาย และการผสมผสานระหว่างนักมวยไทยกับต่างชาติอย่างลงตัว ตั้งแต่คู่เปิดหัวอย่าง บัวชมพู vs ลุย วาดะ ไปจนถึงคู่ใหญ่กลางรายการอย่าง ฤทธิ์เทวดา vs ก้องไทยแลนด์ และคู่ต่างชาติชนกันเองอย่าง ฮามิด vs เจิ้นปิน ทั้งหมดนี้สะท้อนให้เห็นว่าศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ยังคงรักษามาตรฐานของการเป็นเวทีมวยไทยระดับเวิลด์คลาสได้อย่างเหนียวแน่น

คู่ที่น่าจับตามองเป็นพิเศษ ได้แก่ คู่ที่ 2 อีกอร์ บิเครฟ vs ชัย สส.ต้อยแปดริ้ว ซึ่งเป็นการปะทะระหว่างมวยต่างชาติกับมวยไทยในพิกัด 135 ปอนด์ที่มีการลดน้ำหนักค่อนข้างมาก คู่ที่ 4 ฤทธิ์เทวดา เพชรยินดีอะคาเดมี่ vs ก้องไทยแลนด์ เกียรตินาวี ในพิกัดใหญ่ 154 ปอนด์ที่เต็มไปด้วยเชิงมวยและพลังปะทะ และคู่ปิดท้าย โฮมูระ อาเบะ vs เหนือพยัคฆ์ พุฒิประชาชื่น ที่เป็นการดวลกันของสายญี่ปุ่นกับมวยไทยแท้ ๆ ไม่ว่าผลการแข่งขันแต่ละคู่จะออกมาอย่างไร ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรี่ส์ ครั้งนี้ก็ยังคงยืนยันได้อย่างชัดเจนว่า มวยไทยยังคงมีเสน่ห์และพลังดึงดูดผู้ชมจากทั่วโลกได้อย่างไม่มีเสื่อมคลาย