ไฮไลท์ฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค พบ เชลซี 17/09/68 ศึก ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีก ค่ำคืนแห่งความมันส์ที่แฟนบอลทั่วโลกจับตามอง ระหว่าง บาเยิร์น มิวนิค เปิดบ้านรับการมาเยือนของ เชลซี เกมนี้ไม่ทำให้ผิดหวัง เพราะมีทั้งจังหวะพลิกเกม ความผิดพลาด และการจบสกอร์ที่เฉียบขาด สุดท้ายเจ้าถิ่น “เสือใต้” เก็บชัยชนะไปด้วยสกอร์ 3–1 ต่อหน้าแฟนบอลแน่นสนามอัลลิอันซ์ อารีน่า
ไฮไลท์ฟุตบอล บาเยิร์น มิวนิค พบ เชลซี 17/09/68
ผลการแข่งขันและภาพรวมของเกม
บาเยิร์น มิวนิค ออกสตาร์ตได้อย่างยอดเยี่ยม กดดันตั้งแต่ต้นเกม และอาศัยความผิดพลาดของคู่แข่งจนขึ้นนำเร็ว ก่อนที่ Harry Kane จะยิงสองประตูเพิ่มความมั่นใจ แม้ว่า Cole Palmer จะยิงไล่ให้เชลซีกลับมาได้ แต่เกมโดยรวมยังเป็นของเจ้าบ้านที่เล่นได้แน่นอนกว่า และจบลงด้วยชัยชนะ 3–1
นี่คือเกมที่สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานของทีมใหญ่ บาเยิร์นไม่เพียงใช้ประโยชน์จากการเล่นในบ้าน แต่ยังแสดงให้เห็นถึงความเด็ดขาดในจังหวะสำคัญ ต่างจากเชลซีที่ยังมีปัญหาเรื่องความผิดพลาดในแนวรับ
เหตุการณ์สำคัญที่พลิกเกม
เกมนี้เริ่มต้นด้วยความกดดันสูงจากฝั่งบาเยิร์น และเพียงแค่ 20 นาทีแรก Trevoh Chalobah กองหลังเชลซีก็เผลอสกัดพลาดเข้าประตูตัวเอง ส่งเจ้าถิ่นขึ้นนำ 1–0 ทันที
หลังจากนั้นไม่นาน เชลซีเสียจุดโทษจากจังหวะที่ Harry Kane ถูกทำฟาวล์ในกรอบ และเจ้าตัวก็ยิงไม่พลาด ขึ้นนำเป็น 2–0 ในนาทีที่ 27
ถึงกระนั้น ทีมเยือนยังมีลูกฮึด Cole Palmer กองกลางตัวเก่ง ซัดไกลสุดสวยไล่มาเป็น 2–1 และทำให้เกมกลับมามีสีสัน แต่ความหวังของเชลซีดับลงในครึ่งหลัง เมื่อแนวรับพลาดอีกครั้ง เปิดทางให้ Kane ฉกบอลไปยิงปิดกล่องเป็น 3–1
จุดโทษชี้ชะตาเกม
จุดโทษของ Harry Kane ถือเป็นหัวใจสำคัญของเกม เพราะทำให้บาเยิร์นนำห่าง 2–0 ตั้งแต่ครึ่งแรก และกดดันให้เชลซีต้องเร่งเกมไล่ตาม การได้ประตูจากจุดโทษนี้ไม่เพียงสร้างความได้เปรียบเชิงสกอร์ แต่ยังสร้างแรงกดดันทางจิตใจให้กับผู้เล่นเชลซีอย่างเห็นได้ชัด
นักเตะเด่นประจำเกม
-
Harry Kane – สองประตูของเขาช่วยให้บาเยิร์นคุมเกมได้ตลอด แม่นยำทั้งการยิงจุดโทษและการฉกฉวยความผิดพลาด
-
Cole Palmer – ยิงประตูสุดสวย เป็นความหวังเดียวของเชลซีในเกมนี้
-
Michael Olise – สร้างโอกาสและความปั่นป่วนริมเส้นขวา มีส่วนสำคัญกับประตูแรก
-
Trevoh Chalobah – ผู้โชคร้ายที่ทำเข้าประตูตัวเอง กลายเป็นจุดเริ่มต้นของความเสียเปรียบ
รายชื่อผู้เล่น 11 ตัวจริง
บาเยิร์น มิวนิค (4-2-3-1) : มานูเอล นอยเออร์ – คอนราด ไลเมอร์, ดาโย่ อูปาเมกาโน่, โยนาธาน ทาห์, โยซิป สตานิซิช – โยชัว คิมมิช, อเล็กซานดาร์ พาฟโลวิช (เลออน โกเร็ตซ์ก้า) – ไมเคิ่ล โอลิเซ่, แซร์ช นาบรี้, หลุยส์ ดีอาซ – แฮร์รี่ เคน
เชลซี (4-2-3-1) : โรเบิร์ต ซานเชซ – รีซ เจมส์, เทรโวห์ ชาโลบาห์, โทซิน อดาราบิโอโย่, มาร์ก กูกูเรย่า – มอยเสส ไกเซโด้, เอ็นโซ่ เฟร์นานเดซ – เอสเตเวา, โคล พาลเมอร์, เปโดร เนโต้ – ชูเอา เปโดร
ทั้งสองทีมเลือกใช้ระบบ 4-2-3-1 เหมือนกัน แต่บาเยิร์นเล่นด้วยความมั่นใจและเชื่อมเกมได้ดีกว่า ต่างจากเชลซีที่ยังขาดความแน่นอนในแดนสุดท้าย
สรุปเกมในค่ำคืนที่อัลลิอันซ์ อารีน่า
ชัยชนะ 3–1 ของบาเยิร์น มิวนิค ยืนยันว่าพวกเขายังคงเป็นทีมระดับแถวหน้าของยุโรป ทั้งในแง่ความแข็งแกร่ง การจัดการเกม และความเฉียบคมในจังหวะสำคัญ
ส่วนเชลซี แม้จะมีแววดีในบางช่วง แต่ความผิดพลาดของแนวรับและการตัดสินใจที่ไม่เด็ดขาดทำให้พวกเขากลับออกจากเยอรมนีโดยไม่มีแต้ม ต้องเร่งแก้ไขหากหวังผ่านรอบแบ่งกลุ่มต่อไป
กิจกรรมจัดเต็มตลอดทั้งเดือน แคมเปญพิเศษเริ่มแล้ว