ไฮไลท์ฟุตบอล แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ศึกพรีเมียร์ลีก อังกฤษ คู่ดึกสุดมันส์ ที่สนามเอติฮัด สเตเดี้ยม จบลงด้วยดราม่าช่วงทดเวลา เมื่อฟิล โฟเด้น สวมบทฮีโร่กดประตูชัยสุดเฉียบช่วยให้เรือใบสีฟ้าเฉือนชนะไปแบบหืดจับ 3-2 ทั้งที่ออกนำก่อนถึงสองประตูตั้งแต่ครึ่งแรก แต่กลับถูกไล่ตีเสมอในครึ่งหลัง ก่อนจะมาได้ประตูปลดล็อกในช่วงเวลาสำคัญที่สุดของเกม ส่งผลให้แมนฯ ซิตี้โกงความตายเก็บสามคะแนนล้ำค่าและขยับขึ้นไปรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงชั่วคราวได้สำเร็จ
ข้อมูลการแข่งขันและภาพรวมของแมตช์
เกมพรีเมียร์ลีกแมตช์นี้ลงสนามแข่งขันกันในวันที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568 ที่เอติฮัด สเตเดี้ยม รังเหย้าของแมนฯ ซิตี้ โดยมีแฟนบอลเรือใบสีฟ้าเข้ามาให้กำลังใจแน่นสนาม ขณะที่ฝั่งแฟนลีดส์ ยูไนเต็ดเองก็เดินทางตามมาเชียร์ทีมรักอย่างไม่หวั่นเกรงบรรยากาศเจ้าถิ่น การเผชิญหน้ากันของทั้งสองทีมจึงเต็มไปด้วยสีสันทั้งในสนามและบนอัฒจันทร์ตลอด 90 นาที
รูปเกมโดยรวม แมนฯ ซิตี้ เป็นฝ่ายครองบอลและเปิดเกมรุกใส่อย่างต่อเนื่อง ใช้การต่อบอลเร็วและการเคลื่อนที่ของแนวรุกหลายตำแหน่งในการเจาะแนวรับของลีดส์ ขณะที่ทีมเยือนอาศัยการตั้งรับเหนียวแน่นและรอโต้กลับเป็นหลัก แม้จะถูกนำห่าง 2-0 แต่ลีดส์ไม่ยอมถอดใจ ไล่กดดันจนตีเสมอได้สำเร็จ ก่อนที่ช่วงท้ายเกมทุกอย่างจะถูกตัดสินด้วยลูกยิงสุดเฉียบของโฟเด้น ทำให้ไฮไลท์ของเกมนี้อัดแน่นด้วยจังหวะหวาดเสียวและดราม่าแทบทุกช่วงเวลา
| รายการ | รายละเอียด |
|---|---|
| แมตช์ | แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด |
| สนามแข่งขัน | เอติฮัด สเตเดี้ยม |
| วันแข่งขัน | 29 พฤศจิกายน 2568 |
| ผลการแข่งขัน | แมนฯ ซิตี้ 3-2 ลีดส์ ยูไนเต็ด |
| ผู้ทำประตูสำคัญ | ฟิล โฟเด้น (2 ประตูรวมประตูชัยทดเวลา) |
ไฮไลท์นาทีต่อนาที – ดราม่าครบทั้งสองครึ่ง
เสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้นได้เพียงนาทีเดียว แฟนบอลเจ้าถิ่นก็ได้เฮกันลั่นสนาม เมื่อแมนฯ ซิตี้ เจาะแนวรับลีดส์ได้อย่างรวดเร็วจากจังหวะที่มาเตอุส นูเนส หลุดขึ้นมาทางฝั่งขวา ก่อนจะเปิดบอลพุ่งแรงเข้าเขตโทษให้ฟิล โฟเด้นสอดมาแปจ่อ ๆ ส่งบอลเสียบตาข่ายแบบไม่เหลือ ทำให้ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด เริ่มต้นด้วยสกอร์นำ 1-0 อย่างรวดเร็วและกลายเป็นการส่งสัญญาณว่าเกมนี้แนวรับทีมเยือนจะต้องเจองานหนักตลอดทั้งคืน
หลังจากออกนำเร็ว แมนฯ ซิตี้ ยิ่งเล่นด้วยความมั่นใจและเดินหน้าบุกต่อเนื่อง นาทีที่ 20 ฟิล โฟเด้น เกือบจะบวกสกอร์ที่สองของตัวเองเมื่อได้รับโอกาสยิงจ่อ ๆ ในเขตโทษ แต่กลับติดบล็อกการสกัดของเจมส์ จัสติน อย่างน่าเสียดาย อย่างไรก็ตามจังหวะกดดันของเรือใบสีฟ้ายังคงถาโถมใส่แนวรับลีดส์แบบไม่พัก ทำให้ผู้มาเยือนแทบไม่ได้ตั้งเกมบุกของตัวเองขึ้นมาได้อย่างเป็นชิ้นเป็นอันในช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกม
<pาคะแนน>กระทั่งนาทีที่ 25 ความกดดันของเจ้าถิ่นก็แปรเปลี่ยนเป็นประตูที่สองจากจังหวะลูกเตะมุมที่ดูเหมือนไม่มีอะไรอันตรายมากนัก แต่ผู้รักษาประตูของลีดส์อย่างลูกัส แพร์รี่ กลับออกมาชกบอลไม่ถึง ทำให้บอลไปตกตรงหน้าทางยอชโก้ กวาร์ดิโอล ที่ไม่ปล่อยโอกาสทองให้หลุดมือ ซัดบอลระยะเผาขนเข้าไปตุงตาข่ายอย่างเด็ดขาด ส่งผลให้ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในตอนนั้นดูจะเป็นเกมที่เจ้าถิ่นคุมสถานการณ์ไว้ได้อยู่มือและจบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 2-0 แบบสบายใจ
เข้าสู่ครึ่งหลังภาพรวมของเกมเริ่มเปลี่ยนเมื่อความผิดพลาดเล็ก ๆ ของแนวรับเรือใบสีฟ้าถูกลงโทษอย่างเจ็บแสบ ในนาทีที่ 49 มาเตอุส นูเนซ พยายามเคลียร์บอลหน้ากรอบเขตโทษตัวเองแต่เปิดไม่ดี บอลไปเข้าทางโดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน ตัวสำรองของลีดส์ที่เพิ่งถูกส่งลงมา จัดการซัดเต็มข้อผ่านมือดอนนารุมม่าเข้าไปอย่างเด็ดขาด ทำให้สกอร์ไล่มาเป็น 2-1 และทำให้ฝ่ายทีมเยือนกลับมามีความหวังที่จะลุ้นแต้มจากเกมที่ดูเหมือนจะจบไปแล้วตั้งแต่ครึ่งแรก
แรงกดดันเริ่มถาโถมใส่เจ้าถิ่นเมื่อเวลาผ่านไป ลีดส์ ยูไนเต็ด กล้าเปิดเกมบุกมากขึ้นและไล่เพรสซิ่งในแดนบนจนแนวรับของแมนฯ ซิตี้เริ่มเสียจังหวะ ในนาทีที่ 68 ทีมเยือนได้จุดโทษจากจังหวะที่แนวรับเจ้าบ้านตัดสินใจพลาดในเขตโทษ ลูคัส เมช่า รับหน้าที่สังหาร แม้ลูกแรกจะถูกดอนนารุมม่าพุ่งปัดเอาไว้ได้ แต่บอลยังเด้งมาเข้าทางเมช่าอีกครั้งก่อนเจ้าตัวจะซ้ำดาบสองส่งบอลเข้าไปชนิดที่นายทวารชาวอิตาลีหมดสิทธิ์รับ ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2 และเกม แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ก็พลิกเป็นหนังคนละม้วนในช่วงไม่กี่นาที
เมื่อสกอร์กลับมาเท่ากันบรรยากาศในสนามยิ่งเข้มข้นขึ้น แมนฯ ซิตี้ ต้องเร่งเครื่องเพื่อทวงความได้เปรียบคืน ขณะที่ลีดส์เล่นด้วยความมั่นใจมากขึ้นและพร้อมฉวยโอกาสจากความผิดพลาดของเจ้าถิ่นอย่างเต็มที่ การเปลี่ยนตัวของทั้งสองทีมในช่วงท้ายเกมจึงมีความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการส่งไรยาน แชร์กี้ ลงมาเติมความสดในแนวรุกของเรือใบสีฟ้า เพื่อสร้างความแตกต่างในช่วงเวลาที่ทีมต้องการประตูชัยให้ได้
จนกระทั่งช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+1 จังหวะสำคัญที่สุดของเกมก็เกิดขึ้น เมื่อไรยาน แชร์กี้ ได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนจะไหลต่อให้ฟิล โฟเด้น ที่หาพื้นที่ว่างได้ดีบริเวณฝั่งซ้ายของเขตโทษ เจ้าตัวจับจังหวะแล้วกดด้วยซ้ายเต็มข้อ บอลพุ่งโค้งเสียบเสาอย่างสวยงาม ทำให้แฟนบอลเจ้าบ้านระเบิดเสียงเฮกันทั้งสนามและทำให้ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด กลายเป็นเกมที่ถูกจดจำในฐานะแมตช์ที่โฟเด้นสวมบทฮีโร่กู้ทีมจากการเสียสองแต้มสำคัญ
วิเคราะห์แท็กติกของทั้งสองทีมในเกมนี้
แมนฯ ซิตี้ เลือกใช้ระบบ 4-2-3-1 ซึ่งเป็นโครงสร้างที่เน้นการครองบอลและการต่อเกมจากแดนกลางสู่แนวรุกอย่างต่อเนื่อง คู่กลางอย่างแบร์นาร์โด้ ซิลวา และนิโก้ กอนซาเลซ ทำหน้าที่เชื่อมเกม คอยควบคุมจังหวะและช่วยตัดบอลในแดนกลาง ขณะที่ฟิล โฟเด้น ถูกวางเป็นเพลย์เมกเกอร์ตัวรุกในตำแหน่งหมายเลข 10 เพื่อคอยหาพื้นที่ว่างระหว่างแผงมิดฟิลด์และกองหลังของลีดส์ ทำให้ทุกครั้งที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในพื้นที่อันตราย เจ้าถิ่นมักสร้างจังหวะลุ้นประตูได้เสมอจากการเคลื่อนที่ของโฟเด้น
การเล่นของแมนฯ ซิตี้ ยังใช้ความเร็วและเทคนิคของปีกอย่างเฌเรมี่ โดกู เพื่อดึงแนวรับคู่แข่งให้ถ่างออกจากกัน เปิดพื้นที่ให้เออร์ลิง ฮาลันด์ขยับหาช่องในกรอบเขตโทษ และให้โฟเด้นสอดขึ้นมาทำเกมรุกจากด้านหลัง จุดเด่นอีกอย่างคือการเติมเกมของฟูลแบ็กอย่างมาเตอุส นูเนส ที่มักเติมสูงขึ้นมาช่วยทำเกมทางริมเส้นฝั่งขวา อย่างไรก็ตาม ความผิดพลาดในจังหวะเคลียร์บอลของเขาในครึ่งหลังกลับกลายเป็นหนึ่งในจุดเปลี่ยนที่ทำให้เกมนี้ไม่ง่ายอย่างที่ควรจะเป็นสำหรับเจ้าถิ่น
ด้านลีดส์ ยูไนเต็ด เลือกใช้ระบบ 4-3-3 ที่เน้นเกมโต้กลับและการเคลื่อนที่เร็วของแนวรุกสามประสาน แดเนียล เจมส์, ลูคัส เมช่า และวิลฟรีด ญอนโต้ ใช้ความเร็วในการฉีกแนวรับของแมนฯ ซิตี้ ออกไปด้านกว้าง ขณะที่แดนกลางนำโดยอีธาน อัมปาดู, อิลีย่า กรูเยฟ และอาโอะ ทานากะ มีหน้าที่ไล่บี้กลางสนามและไม่เปิดพื้นที่ให้เจ้าถิ่นต่อบอลได้อย่างสบาย การวางโครงสร้างแบบนี้แม้ในช่วงแรกจะตั้งรับลึกและโดนกดดันหนัก แต่เมื่อเกมผ่านไปลีดส์สามารถดึงจังหวะและสร้างโอกาสจากความผิดพลาดของเจ้าบ้านได้ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
การเลือกใช้ตัวสำรองของลีดส์อย่างโดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน คืออีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่เปลี่ยนรูปเกม เมื่อเจ้าตัวลงมาช่วยพักบอลในแดนหน้าและใช้ความแข็งแกร่งในการดวลกับกองหลังของแมนฯ ซิตี้ ทำให้ทีมเยือนสามารถดันไลน์ขึ้นสูงมากขึ้นและบุกได้อย่างมีน้ำหนักมากขึ้น ประตูไล่มา 2-1 ของคัลเวิร์ต ลูวิน ไม่เพียงช่วยให้ลีดส์กลับสู่เกม แต่ยังทำให้ฝั่งเจ้าถิ่นเริ่มเสียความมั่นใจและเปิดช่องให้ความผิดพลาดอื่น ๆ ตามมา
ในขณะเดียวกัน ลูกัส แพร์รี่ ผู้รักษาประตูของลีดส์ แม้จะมีจังหวะเซฟสวย ๆ หลายครั้ง แต่ความผิดพลาดในจังหวะออกมาตัดบอลลูกเตะมุมที่นำไปสู่ประตูที่สองของยอชโก้ กวาร์ดิโอล ก็เป็นอีกตัวอย่างว่าทีมยังมีจุดอ่อนในเกมรับที่ต้องแก้ไข เมื่อเทียบกับคุณภาพเกมรุกของแมนฯ ซิตี้แล้ว ความผิดพลาดเพียงเล็กน้อยสามารถกลายเป็นประตูอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งสิ่งเหล่านี้มักถูกขยายผลเมื่อ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในแมตช์ที่เจ้าถิ่นเล่นด้วยความดุดัน
ฟิล โฟเด้น ฮีโร่ของเกมและหัวใจสำคัญในแนวรุก
ชื่อของฟิล โฟเด้น ถูกพูดถึงอย่างหนาหูทันทีที่สิ้นเสียงนกหวีดจบเกม เพราะเขาไม่เพียงเป็นคนยิงประตูเบิกร่องให้ทีมตั้งแต่นาทีแรกเท่านั้น แต่ยังเป็นคนซัดประตูชัยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+1 อย่างเด็ดขาด ทำให้ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในค่ำคืนนี้กลายเป็นเวทีที่โฟเด้นโชว์ให้เห็นถึงความเยือกเย็น การอ่านเกมที่ดี และความเฉียบคมในการจบสกอร์ในช่วงเวลาที่กดดันสูงสุดของเกมการแข่งขันระดับพรีเมียร์ลีก
ตลอดทั้งเกม โฟเด้นทำหน้าที่เป็นจอมทัพตัวรุกที่เชื่อมแดนกลางและแดนหน้าของแมนฯ ซิตี้ ได้อย่างยอดเยี่ยม เขามักหุบเข้ามารับบอลระหว่างไลน์กองกลางและกองหลังของลีดส์ ก่อนจะหมุนตัวหาช่องจ่ายหรือยิงเองเมื่อมีโอกาส การเคลื่อนที่อิสระของเขาทำให้แนวรับทีมเยือนอ่านทางได้ยาก และยังเปิดพื้นที่ให้เพื่อนร่วมทีมอย่างฮาลันด์หรือโดกูสามารถหาพื้นที่เข้าทำได้สะดวกขึ้นด้วย บทบาทของโฟเด้นจึงไม่ได้มีดีแค่การยิงประตู แต่ยังรวมถึงการสร้างสรรค์เกมและควบคุมจังหวะบุกของทีมในช่วงเวลาสำคัญหลายครั้ง
รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในเกมนี้คือการจัดทัพของทั้งสองทีม ซึ่งสะท้อนให้เห็นรูปแบบการเล่นและแผนการที่โค้ชแต่ละฝ่ายเตรียมมาเพื่อรับมือกัน การเผชิญหน้ากันของโครงสร้างแท็กติกทั้ง 4-2-3-1 ของแมนฯ ซิตี้ และ 4-3-3 ของลีดส์ ทำให้ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด กลายเป็นเกมที่ทั้งสองฝ่ายต้องใช้ทั้งเทคนิคและความอดทนในระดับสูงตลอดการแข่งขัน
| ทีม | ระบบการเล่น | รายชื่อผู้เล่นตัวจริง |
|---|---|---|
| แมนฯ ซิตี้ | 4-2-3-1 | จานลุยจิ ดอนนารุมม่า, มาเตอุส นูเนส, รูเบน ดิอาส, ยอชโก้ กวาร์ดิโอล, นิโก้ โอไรล์ลี่, แบร์นาร์โด้ ซิลวา, นิโก้ กอนซาเลซ, ทิยานี่ ไรน์เดอร์ส, ฟิล โฟเด้น, เฌเรมี่ โดกู, เออร์ลิง ฮาลันด์ |
| ลีดส์ ยูไนเต็ด | 4-3-3 | ลูกัส แพร์รี่, เจย์เดน โบเกิ้ล, โจ โรดอน, พาสคาล ชเตร้าค์, กาเบรียล กุ๊ดมุนด์สสัน, อิลีย่า กรูเยฟ, อีธาน อัมปาดู, อาโอะ ทานากะ, แดเนียล เจมส์, ลูคัส เมช่า, วิลฟรีด ญอนโต้ |
เมื่อมองจากรายชื่อผู้เล่นจะเห็นได้ชัดว่าแมนฯ ซิตี้มีความครบเครื่องในทุกตำแหน่ง ทั้งผู้รักษาประตูระดับโลก กองหลังที่แข็งแกร่ง กองกลางเชิงสูง และแนวรุกที่เฉียบคม ขณะที่ลีดส์ ยูไนเต็ดแม้จะชื่อชั้นเป็นรอง แต่ก็มีผู้เล่นแนวรับและแนวรุกที่เต็มไปด้วยพลังและความเร็ว ซึ่งเหมาะกับการเล่นเกมโต้กลับอย่างมาก จึงไม่น่าแปลกที่เมื่อ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด จะได้เห็นการปะทะกันของสองสไตล์ฟุตบอลที่ต่างกันแต่เต็มไปด้วยคุณภาพในระดับพรีเมียร์ลีก
สถิติหลังเกมและตัวเลขที่บอกเรื่องราว
สถิติหลังเกมมักสะท้อนภาพรวมของการแข่งขันได้เป็นอย่างดี และในแมตช์ที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ครั้งนี้ก็เช่นกัน แม้เจ้าบ้านจะครองบอลและสร้างโอกาสได้มากกว่าอย่างชัดเจน แต่ตัวเลขในหลายด้านก็แสดงให้เห็นว่าลีดส์ไม่ได้เป็นฝ่ายถูกกดดันฝ่ายเดียวตลอด 90 นาที ทีมเยือนยังสามารถสร้างจังหวะจบสกอร์และบีบให้แนวรับแมนฯ ซิตี้ต้องทำงานหนักไม่น้อยเช่นกัน
| สถิติ | แมนฯ ซิตี้ | ลีดส์ ยูไนเต็ด |
|---|---|---|
| การครองบอล | ประมาณ 62% | ประมาณ 38% |
| จำนวนยิงทั้งหมด | มากกว่า 15 ครั้ง | ประมาณ 8-10 ครั้ง |
| ยิงเข้ากรอบ | 6-7 ครั้ง | 3-4 ครั้ง |
| ลูกเตะมุม | หลายครั้งและนำไปสู่ประตูที่สอง | จำนวนน้อยกว่า |
| จุดโทษ | ไม่มี | 1 ครั้ง (เมช่ายิงซ้ำเข้า) |
จากตัวเลขเหล่านี้ชัดเจนว่าแมนฯ ซิตี้ควบคุมเกมและสร้างสรรค์โอกาสได้มากกว่า แต่ลีดส์ก็ใช้โอกาสไม่มากนักให้เกิดประโยชน์สูงสุด โดยเฉพาะจังหวะฉกฉวยความผิดพลาดในแนวรับเรือใบสีฟ้าและจุดโทษที่ช่วยให้ทีมกลับมาสู่เกมได้ การที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ในเกมนี้ออกมาเป็นสกอร์สูสี 3-2 แสดงให้เห็นว่าความเฉียบคมและสมาธิในจังหวะสำคัญมีผลมากกว่าการครองบอลเพียงอย่างเดียว
ผลกระทบต่ออันดับตารางคะแนนและเส้นทางฤดูกาล
ชัยชนะในเกมที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ครั้งนี้ มีความหมายอย่างมากต่อเส้นทางการลุ้นแชมป์ของเรือใบสีฟ้า การเก็บสามคะแนนเต็มทำให้พวกเขาขยับคะแนนรวมเป็น 25 แต้มและทะยานขึ้นไปรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงชั่วคราว ลดช่องว่างระหว่างทีมอันดับหนึ่งลงและสร้างแรงกดดันให้คู่แข่งโดยตรงในกลุ่มหัวตาราง การโกงตายด้วยประตูชัยช่วงทดเวลาไม่เพียงสำคัญในแง่คะแนน แต่ยังช่วยสร้างโมเมนตัมด้านสภาพจิตใจให้ทีมมั่นใจมากขึ้นสำหรับโปรแกรมหนักที่กำลังรออยู่ข้างหน้า
ส่วนลีดส์ ยูไนเต็ด แม้จะไม่ได้แต้มกลับออกไปจากเอติฮัด แต่การสู้กับทีมใหญ่อย่างแมนฯ ซิตี้ได้อย่างสูสีจนเกือบแบ่งแต้มได้ก็ถือเป็นสัญญาณที่ดีในแง่ฟอร์มการเล่นของทีม นักเตะหลายคนแสดงให้เห็นถึงศักยภาพและหัวจิตหัวใจที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ หากสามารถต่อยอดฟอร์มแบบนี้ไปใช้ในเกมกับคู่แข่งระดับใกล้เคียงกัน โอกาสในการเก็บคะแนนเพื่อหนีการไปอยู่กลุ่มหนีตกชั้นก็จะเปิดกว้างขึ้นมากสำหรับช่วงที่เหลือของฤดูกาล
เสียงจากแฟนบอลและบทสรุปของแมตช์
หลังจบเกม แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด เสียงวิจารณ์และคอมเมนต์จากแฟนบอลในสื่อสังคมออนไลน์ต่างพูดถึงชื่อนักเตะอย่างฟิล โฟเด้น เป็นอันดับแรก หลายคนยกให้เขาเป็นคนที่ยกระดับเกมรุกของทีมและเป็นตัวอย่างของนักเตะที่ไม่ยอมแพ้จนกว่าจะสิ้นเสียงนกหวีดสุดท้าย ขณะเดียวกันแฟนบอลบางส่วนก็ยังตั้งคำถามถึงสมาธิของแนวรับเรือใบสีฟ้าที่ปล่อยให้เกมที่นำห่าง 2-0 กลับมาถูกตีเสมอแบบไม่น่าเกิดขึ้น
ในมุมของแฟนลีดส์ ยูไนเต็ด แม้จะผิดหวังกับผลการแข่งขันที่พลาดแต้มไปแบบเจ็บปวดในช่วงทดเวลา แต่หลายคนก็ยังภูมิใจกับฟอร์มการเล่นของทีมที่ไม่ยอมยกธงขาวแม้จะตามหลังถึงสองประตู การต่อสู้จนกลับมาตีเสมอได้นั้นสะท้อนให้เห็นถึงสปิริตของนักเตะและความมุ่งมั่นของโค้ชในการแก้เกม เมื่อมองในภาพรวม แมตช์ที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด จึงเป็นเกมที่ทุกฝ่ายสามารถเก็บบทเรียนไปใช้ต่อยอดได้ทั้งในด้านแท็กติกและสภาพจิตใจของทีม
คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับแมตช์ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด
ถาม: เกมที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด จบลงด้วยสกอร์เท่าไหร่ และใครเป็นคนทำประตูสำคัญ?
ตอบ: เกมนี้จบลงด้วยสกอร์ 3-2 โดยแมนฯ ซิตี้เป็นฝ่ายเอาชนะ ฟิล โฟเด้น ยิงได้สองประตูรวมถึงประตูชัยช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+1 ส่วนอีกหนึ่งประตูของเจ้าถิ่นได้จากยอชโก้ กวาร์ดิโอล ขณะที่ฝั่งลีดส์ได้ประตูจากโดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน และลูคัส เมช่า ที่ตามซ้ำจุดโทษของตัวเองเข้าไปในครึ่งหลัง
ถาม: จุดเปลี่ยนสำคัญของเกมนี้อยู่ตรงช่วงไหนของการแข่งขัน?
ตอบ: จุดเปลี่ยนแรกคือจังหวะเคลียร์บอลพลาดของมาเตอุส นูเนซ ที่ทำให้โดมินิค คัลเวิร์ต ลูวิน ฉวยโอกาสยิงไล่มาเป็น 2-1 ส่วนจุดเปลี่ยนที่สองคือจังหวะจุดโทษของลีดส์ที่ลูคัส เมช่ายิงซ้ำเข้าไปจนเสมอ 2-2 ก่อนที่จุดเปลี่ยนสุดท้ายจะเกิดขึ้นในช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีที่ 90+1 เมื่อไรยาน แชร์กี้ ไหลบอลให้ฟิล โฟเด้นกดด้วยซ้ายเป็นประตูชัย ทำให้เกมที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด เต็มไปด้วยช่วงเวลาหัวใจเต้นแรงแทบตลอดทั้งครึ่งหลัง
ถาม: ผลการแข่งขันครั้งนี้ส่งผลอย่างไรต่ออันดับของแมนฯ ซิตี้ในตารางพรีเมียร์ลีก?
ตอบ: ชัยชนะในเกมนี้ทำให้แมนฯ ซิตี้เก็บเพิ่มเป็น 25 คะแนน และขยับขึ้นไปรั้งตำแหน่งรองจ่าฝูงชั่วคราว ช่วยลดช่องว่างกับทีมจ่าฝูงและสร้างแรงกดดันในกลุ่มหัวตารางได้อย่างมีนัยสำคัญ ถือเป็นสามคะแนนสำคัญที่ได้มาจากสกอร์ดราม่าช่วงท้ายเกมในแมตช์ที่ แมนฯ ซิตี้ พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด ซึ่งอาจส่งผลต่อความมั่นใจและโมเมนตัมของทีมในเกมต่อ ๆ ไปของฤดูกาลนี้