ศึกมวยไทยพลังใหม่ ประจำวันที่ 19 พฤศจิกายน 2568 ณ เวทีมวยราชดำเนิน ถือเป็นอีกหนึ่งรายการมวยระดับคุณภาพที่แฟนมวยเฝ้ารอคอย เพราะเป็นศึกที่คัดสรรนักมวยดาวรุ่งฝีมือดีจากค่ายดังทั่วประเทศมาประชันฝีมือกันบนเวทีระดับตำนานอย่างราชดำเนิน รายการนี้มีจุดเด่นคือการเปิดโอกาสให้นักมวยรุ่นใหม่ได้พิสูจน์ผลงานต่อหน้าผู้ชมทั่วประเทศ รวมถึงเป็นเวทีที่สามารถแจ้งเกิดนักมวยหลายรายจนกลายเป็นยอดนักชกชื่อดังมาแล้วหลายรุ่น การแข่งขันเริ่มเวลา 18.00 น. – 20.30 น. และมีโปรแกรมทั้งหมด 9 คู่ ซึ่งแต่ละคู่มีความน่าสนใจทั้งในเรื่องผลชั่งน้ำหนัก รูปร่าง และสไตล์การชก วันนี้เราจะพาไปวิเคราะห์แบบจัดเต็มทุกคู่ พร้อมตารางประกอบสำหรับการวางเดิมพันหรือการติดตามเชียร์แบบเจาะลึก

โปรแกรมมวยศึกมวยไทยพลังใหม่ 19 พฤศจิกายน 2568 – วิเคราะห์คู่มวยครบทั้ง 9 คู่จากเวทีมวยราชดำเนิน

ตารางโปรแกรม ศึกมวยไทยพลังใหม่ 19 พฤศจิกายน 2568

คู่ที่ ฝ่ายแดง ฝ่ายน้ำเงิน พิกัด ชั่งได้ (แดง) ชั่งได้ (น้ำเงิน)
1 เพชรสุกใส พิทักษ์ทางหลวง ปืนใหญ่ ส.ทองคำ 115 ปอนด์ 114.1 114.1
2 ฤทธิ์เสธตู่ แก้วสัมฤทธิ์ เพชรธันวา อีเกิ้ลมวยไทย 116 ปอนด์ 115.7 116.0
3 สิทธิชัย ส.ประสพโชค โตโต้ กรวยในเมืองยิมส์ 130 ปอนด์ 129.8 128.2
4 ดาวเด่น พี.เค.แสนชัยฯ เพชรลำพูน หมวดดับลำปาง 127 ปอนด์ 126.8 126.7
5 ลมอีสาน พยัคฆ์ภูหลวง ดีเซลเล็ก ศิษย์ อ.ปราโมทย์ 118 ปอนด์ 117.3 117.4
6 เทวดาเล็ก ท.เมืองเถิน ดัง ศ.นิยมทรัพย์ 142 ปอนด์ 141.1 141.1
7 เพชรขุนศึก พิทักษ์ทางหลวง เทพสั่งปราบ แกวินมวยไทย 132 ปอนด์ 130.2 130.7
8 สิทธิศักดิ์ ส.ประสพโชค นิเชาว์ นุ้ยสี่มุมเมือง 136 ปอนด์ 135.2 135.5
9 จรัสชัย แม็กจันดี ชาตินำชัย อภิชาติมวยไทย 136 ปอนด์ 135.8 135.9

วิเคราะห์คู่มวย ศึกมวยไทยพลังใหม่ 19 พฤศจิกายน 2568

คู่ที่ 1: เพชรสุกใส พิทักษ์ทางหลวง vs ปืนใหญ่ ส.ทองคำ (พิกัด 115 ปอนด์)

คู่เปิดของรายการเป็นการชนกันของมวยฝีมือดีทั้งคู่ โดยเพชรสุกใสขาด 0.9 ปอนด์ ทำให้รูปร่างบางเบาและคล่องตัวมากขึ้น ส่วนปืนใหญ่ลดน้ำหนักเท่ากัน ส่งผลให้ความสดในยกท้ายอาจลดลงเล็กน้อย เพชรสุกใสมีความโดดเด่นในด้านการเข้าทำจังหวะสองและการเตะตัดขา ขณะที่ปืนใหญ่เป็นมวยบู๊เดินเร็ว เน้นความดุดันและออกอาวุธหนัก ๆ อย่างต่อเนื่อง ไฟต์นี้จะตัดสินกันที่เกมยืนระยะ หากเพชรสุกใสสามารถดึงจังหวะและควบคุมจุดเข้าทำได้ เขาจะมีโอกาสตัดคะแนนได้ตลอด แต่ปืนใหญ่ไม่ใช่มวยที่ยอมง่าย หากเข้าระยะประชิดได้ก็มีโอกาสทำให้เพชรสุกใสเสียสมดุล เกมนี้สูสีมากและลุ้นได้สนุกแน่นอน

คู่ที่ 2: ฤทธิ์เสธตู่ แก้วสัมฤทธิ์ vs เพชรธันวา อีเกิ้ลมวยไทย (พิกัด 116 ปอนด์)

ฤทธิ์เสธตู่ลด 0.3 ปอนด์ทำให้ความฟิตยังอยู่ในระดับดี เขามีจุดแข็งเรื่องความแม่นยำในการออกแข้งและสเต็ปเท้าที่ดี ขณะที่เพชรธันวาชั่งตามพิกัดพอดี ถือว่าได้เปรียบด้านความหนักของอาวุธเพราะไม่ต้องลดน้ำหนักมาก เกมของทั้งคู่แตกต่างอย่างชัดเจน ฤทธิ์เสธตู่จะเน้นการออกแข้งยาวและดักจังหวะ ส่วนเพชรธันวาจะเดินบีบและใช้หมัดนำเข้าหา คู่นี้ต้องลุ้นว่าฝ่ายแดงจะสามารถรักษาระยะได้ดีแค่ไหน หากโดนบีบเข้าตัวมากเกินไปอาจเสียเปรียบในช่วงกลางยกได้

คู่ที่ 3: สิทธิชัย ส.ประสพโชค vs โตโต้ กรวยในเมืองยิมส์ (พิกัด 130 ปอนด์)

สิทธิชัยชั่งได้ใกล้เคียงพิกัดที่สุด ขาดเพียง 0.2 ปอนด์ ทำให้สภาพร่างกายสดและเน้นความหนักของอาวุธได้ดี ขณะที่โตโต้ลดถึง 1.8 ปอนด์ ซึ่งอาจมีผลให้แรงปลายลดลงในช่วงท้ายยก แต่โตโต้มีจุดเด่นคือการบุกเร็วและออกหมัดคม ไฟต์นี้จะเป็นการเจอกันระหว่างความหนักแน่นกับความเร็ว หากสิทธิชัยควบคุมกลางเวทีได้และไม่เปิดช่องมากเกินไป เขามีโอกาสทำคะแนนได้แบบชัดเจน แต่หากโตโต้เร่งเกมตั้งแต่ต้น โอกาสพลิกล็อกก็มีสูงเช่นกัน

คู่ที่ 4: ดาวเด่น พี.เค.แสนชัยฯ vs เพชรลำพูน หมวดดับลำปาง (พิกัด 127 ปอนด์)

คู่ที่สี่เป็นคู่ที่แฟนมวยหลายคนจับตา ดาวเด่นและเพชรลำพูนต่างชั่งได้น้อยกว่าพิกัดเล็กน้อย ทำให้ทั้งคู่มีความคล่องตัวสูง ดาวเด่นเป็นมวยครบเครื่อง มีความแข็งแรงและการเข้าทำหลายแบบ ส่วนเพชรลำพูนมีจุดเด่นในด้านความแม่นยำและสเต็ปเท้าที่ดี คู่นี้น่าจะเป็นเกมเชิงที่แลกกันสนุก หากดาวเด่นสามารถเร่งจังหวะและเข้าวงในได้บ่อย เขาจะมีโอกาสได้คะแนนเด่นชัด แต่ถ้าเพชรลำพูนสามารถรักษาระยะออกแข้งยาวได้ แม้แต่จังหวะเดียวก็มีผลต่อคะแนนอย่างมาก

คู่ที่ 5: ลมอีสาน พยัคฆ์ภูหลวง vs ดีเซลเล็ก ศิษย์ อ.ปราโมทย์ (พิกัด 118 ปอนด์)

ลมอีสานขาด 0.7 ปอนด์ ส่งผลให้ความเร็วสูงขึ้น แต่แรงกระแทกอาจบางลงบ้าง ส่วนดีเซลเล็กลดน้ำหนัก 0.6 ปอนด์ แต่ยังรักษาความแข็งแรงได้ดี ไฟต์นี้จะเป็นการปะทะระหว่างมวยเร็วกับมวยหนัก ลมอีสานต้องใช้จุดเด่นเรื่องความเร็วเข้าทำหลายจังหวะ และไม่เปิดโอกาสให้ดีเซลเล็กประชิดตัว เพราะหมัดและแข้งของดีเซลเล็กสามารถสร้างความเสียหายได้ทันที ไฟต์นี้น่าจะสู้กันถึงยกสุดท้ายแบบสูสีและสนุกตลอดทั้งเกม

คู่ที่ 6: เทวดาเล็ก ท.เมืองเถินมวยไทย vs ดัง ศ.นิยมทรัพย์ (พิกัด 142 ปอนด์)

ทั้งคู่ชั่งได้เท่ากัน โดยขาดพิกัด 0.9 ปอนด์เท่ากัน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่าการเตรียมตัวของทั้งสองอยู่ในระดับใกล้เคียงกันมาก เทวดาเล็กเป็นมวยที่มีความยืดหยุ่นสูง ออกอาวุธได้หลากหลาย ส่วนดังเป็นมวยบู๊ที่มีพละกำลังดี คู่นี้จึงเป็นการปะทะกันของสไตล์ที่แตกต่างกัน การชกอาจเริ่มต้นด้วยการวัดแข้งและการคุมจังหวะกลางเวที ก่อนเข้าทำในระยะประชิด ใครที่เสียสมาธิก่อนหรือพลาดในช่วงสำคัญ อาจเสียคะแนนทันที

คู่ที่ 7: เพชรขุนศึก พิทักษ์ทางหลวง vs เทพสั่งปราบ แกวินมวยไทย (พิกัด 132 ปอนด์)

เพชรขุนศึกขาด 1.8 ปอนด์ ซึ่งถือว่าค่อนข้างมาก ทำให้ความสดเพิ่มขึ้นแต่แรงปะทะอาจลดลง ส่วนเทพสั่งปราบขาด 1.3 ปอนด์ ซึ่งฟอร์มการชกจะไวขึ้นกว่าเดิม ไฟต์นี้จะเป็นการวัดกันที่ความเร็วและความแม่นยำของอาวุธ เพชรขุนศึกต้องระวังจังหวะสวนกลับของเทพสั่งปราบ เพราะเป็นจุดที่ฝ่ายน้ำเงินทำได้ดีมาก หากใครควบคุมเกมและยืนพื้นได้มั่นคงกว่า จะเป็นผู้ได้เปรียบในยกท้ายอย่างชัดเจน

คู่ที่ 8: สิทธิศักดิ์ ส.ประสพโชค vs นิเชาว์ นุ้ยสี่มุมเมือง (พิกัด 136 ปอนด์)

สิทธิศักดิ์ขาด 0.8 ปอนด์ ทำให้ร่างกายสดและคล่องตัวมากขึ้น ส่วน นิเชาว์ลดน้ำหนัก 0.5 ปอนด์ ทำให้ความฟิตยังดีอยู่ ไฟต์นี้ต้องลุ้นว่าใครจะชิงจังหวะเข้าทำก่อน เพราะทั้งคู่เป็นมวยฝีมือที่มีอาวุธครบเครื่อง หากสิทธิศักดิ์ออกแข้งได้แม่นกว่า จะคุมเกมได้ แต่ถ้านิเชาว์เร่งเกมเดินบีบเข้าหา มีโอกาสทำให้เกมของสิทธิศักดิ์สะดุดและเสียความมั่นใจได้ทันที

คู่ที่ 9: จรัสชัย แม็กจันดี vs ชาตินำชัย อภิชาติมวยไทย (พิกัด 136 ปอนด์)

คู่ปิดท้ายเป็นการพบกันของสองนักชกที่มีฝีมือใกล้เคียงกันมาก จรัสชัยชั่งได้ 135.8 ปอนด์ ส่วนชาตินำชัยชั่งได้ 135.9 ปอนด์ ทำให้ทั้งคู่มีความพร้อมเต็มอัตรา จรัสชัยเป็นมวยที่มีความแข็งแรงของลำตัวและมีลูกเตะหนัก
ขณะที่ชาตินำชัยเป็นมวยจังหวะสอง เน้นความฉลาดและการออกอาวุธแบบประหยัดแต่ได้ผล ไฟต์นี้จะเป็นการวัดกันที่สมาธิและความนิ่ง หากใครสามารถคุมตำแหน่งกลางเวทีได้ จะมีโอกาสคว้าชัยในไฟต์นี้แบบไม่ยาก


สรุปภาพรวม ศึกมวยไทยพลังใหม่ 19 พฤศจิกายน 2568

ภาพรวมของศึกมวยไทยพลังใหม่วันนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งรายการที่มีคุณภาพคับเวที นักมวยแต่ละคู่มีความพร้อมสูงและชั่งน้ำหนักได้ใกล้เคียงพิกัด ทำให้เกมการชกมีความดุเดือดและสูสีแบบที่แฟนมวยชื่นชอบ จุดเด่นของวันนี้คือมีหลายคู่ที่สไตล์ต่างกันอย่างชัดเจน ทั้งมวยเชิง มวยบู๊ มวยเร็ว และมวยอาวุธหนัก ทำให้ทุกคู่มีความน่าสนใจในตัวเองอย่างมาก และอาจมีไฟต์ที่สร้างเซอร์ไพรส์ให้กับแฟนมวย ศึกมวยไทยพลังใหม่ในวันนี้จึงถือเป็นอีกหนึ่งศึกที่เต็มไปด้วยสีสันของศิลปะแม่ไม้มวยไทยอย่างแท้จริง แฟนมวยไม่ควรพลาดทุกยกของการแข่งขัน เพราะแต่ละคู่มีความมันและความเข้มข้นที่แตกต่างกันไปอย่างลงตัว