ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ในคืนวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ถือเป็นหนึ่งในรายการมวยไทยระดับเวิลด์คลาสที่แฟนมวยทั้งชาวไทยและต่างชาติจับตามองอย่างจริงจัง เพราะเป็นการนำเอาเสน่ห์ของเวทีมวยราชดำเนินอันเก่าแก่ มาผสมผสานกับรูปแบบรายการสมัยใหม่ที่เน้นแสง สี เสียง และการเจอกันของนักสู้จากหลายทวีปในค่ำคืนเดียว โดยศึก RWS ครั้งนี้มีกำหนดเริ่มชกตั้งแต่เวลา 19.00 น. เป็นต้นไป จัดเต็มทั้งหมด 7 คู่ชกในพิกัด 124–160 ปอนด์ เรียกได้ว่าเป็นค่ำคืนที่เวทีราชดำเนินจะถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นสังเวียนดุเดือดของมวยไทยนานาชาติอย่างแท้จริง
ภาพรวมศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series คืนวันเสาร์
ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ไม่ได้เป็นเพียงรายการมวยไทยธรรมดา แต่เป็นเวทีที่ถูกออกแบบเพื่อยกระดับมวยไทยไปสู่สายตาแฟนกีฬาทั่วโลก
ผ่านการคัดสรรนักสู้จากหลายประเทศให้มาปะทะกันภายใต้กติกามวยไทยบนเวทีราชดำเนินที่มีประวัติศาสตร์ยาวนานหลายทศวรรษ
ในบัตรชกของคืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 นี้ แฟนมวยจะได้เห็นทั้งนักมวยสายไทยแท้จากค่ายดัง และต่างชาติจากหลากหลายชาติในยุโรป เอเชีย และตะวันออกกลาง
ซึ่งต่างเตรียมตัวมาเต็มร้อยเพื่อลงสนามในสังเวียนที่เปี่ยมด้วยมนต์ขลังอย่างราชดำเนิน
ในแง่ของพิกัด ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series รอบนี้จัดไฟต์ในช่วงน้ำหนักตั้งแต่ 124 ปอนด์ขึ้นไป จนถึงรุ่นใหญ่ 160 ปอนด์
เริ่มจากคู่เปิดหัวระหว่าง บรรดาศักดิ์ ส.ตระกูลเพชร ปะทะ อเล็กซิส คอนเตอราส ในพิกัด 124 ปอนด์ ไล่ไปถึงไฟต์รุ่นกลางและรุ่นใหญ่ของ ฮงชอล ยัง ดวล เปาโล ดีแอนโตนี่ ในรุ่น 150 ปอนด์
และ อังเคล บาวซา พบ บุหรัก ปอยราซ วีนั่มมวยไทย ในพิกัด 160 ปอนด์ รวมถึงมวยไทยระดับแถวหน้าของเมืองไทยอย่าง หรั่งขาว ว.สังข์ประไพ พบ ฟลุ๊คน้อย สจ.เปี๊ยกอุทัย ในพิกัด 140 ปอนด์
และ ซุปเปอร์ชับ บางแสนไฟท์คลับ ปะทะ โมฮัมหมัด เอล มาดี้ พิกัด 137 ปอนด์ ซึ่งถูกวางไว้เป็นคู่ปิดรายการ
เรียกได้ว่าตลอดทั้งคืนของศึก RWS ผ่านไปแบบไม่มีช่วงให้หายใจ เพราะทุกไฟต์มีทั้งความสำคัญและคาแร็กเตอร์ชัดเจนในตัวเอง
ตารางการแข่งขัน ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series 29 พฤศจิกายน 2568
ตารางต่อไปนี้แสดงโปรแกรมการแข่งขันทั้งหมดของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ในคืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568 ณ สนามมวยเวทีราชดำเนิน
โดยระบุทั้งชื่อคู่ชก พิกัดน้ำหนัก และผลการชั่งน้ำหนักที่แท้จริง ระหว่าง “ตามพิกัด” “ขาด” หรือ “ลด” จากพิกัดที่กำหนด
ข้อมูลเหล่านี้เป็นฐานสำคัญที่แฟนมวยและสายวิเคราะห์ใช้ประกอบการประเมินรูปเกมก่อน bell แรกดังบนเวทีจริง ว่าใครอาจได้เปรียบหรือเสียเปรียบในแง่ร่างกายและสภาพความพร้อม
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งได้ | สถานะน้ำหนัก | มุมน้ำเงิน | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งได้ | สถานะน้ำหนัก | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | บรรดาศักดิ์ ส.ตระกูลเพชร | 124.0 | 123.7 | ขาด 0.3 ปอนด์ | อเล็กซิส คอนเตอราส | 124.0 | 122.9 | ขาด 1.1 ปอนด์ | เปิดหัว RWS รุ่น 124 ปอนด์ |
| 2 | ทอมมี่ คาร์เตอร์ | 132.0 | 131.2 | ลด 0.8 ปอนด์ | เลี่ยว ซื่อซู่ | 132.0 | 132.0 | ตามพิกัด | ไฟต์ต่างชาติพิกัด 132 ป. |
| 3 | ฮงชอล ยัง | 150.0 | 149.6 | ขาด 0.4 ปอนด์ | เปาโล ดีแอนโตนี่ | 150.0 | 150.0 | ตามพิกัด | รุ่นใหญ่เกมหนัก 150 ป. |
| 4 | อังเคล บาวซา | 160.0 | 159.7 | ขาด 0.3 ปอนด์ | บุหรัก ปอยราซ วีนั่มมวยไทย | 160.0 | 159.3 | ขาด 0.7 ปอนด์ | ไฟต์รุ่น 160 ปอนด์สุดมันส์ |
| 5 | อาวอร์ด คาซิมบา | 147.0 | 147.0 | ตามพิกัด | หลุยส์ โดเฮอร์ตี้ | 147.0 | 146.7 | ขาด 0.3 ปอนด์ | มวยอินเตอร์พิกัดใกล้เวลเตอร์ |
| 6 | หรั่งขาว ว.สังข์ประไพ | 140.0 | 139.9 | ขาด 0.1 ปอนด์ | ฟลุ๊คน้อย สจ.เปี๊ยกอุทัย | 140.0 | 139.9 | ขาด 0.1 ปอนด์ | ไทยพบไทย รุ่น 140 ปอนด์ |
| 7 | ซุปเปอร์ชับ บางแสนไฟท์คลับ | 137.0 | 137.0 | ตามพิกัด | โมฮัมหมัด เอล มาดี้ | 137.0 | 136.1 | ขาด 0.9 ปอนด์ | คู่ปิดรายการรุ่น 137 ปอนด์ |
จากตารางจะเห็นได้ว่าศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series รอบนี้ นักชกส่วนใหญ่มีสถานะน้ำหนัก “ขาด” เล็กน้อยหรือ “ตามพิกัด” มากกว่าเคสที่ต้องลดน้ำหนักหนัก ๆ
มีเพียงทอมมี่ คาร์เตอร์ที่ต้องลด 0.8 ปอนด์ และบุหรัก ปอยราซ ที่ขาดไป 0.7 ปอนด์ ซึ่งยังถือว่าอยู่ในกรอบการคุมพิกัดที่เหมาะสมสำหรับโปรไฟล์มวยระดับโลก
การชั่งน้ำหนักที่สมดุลเช่นนี้สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานเบื้องหลังของทีมงาน RWS และความเป็นมืออาชีพของนักชกที่ได้รับเชิญเข้าร่วมในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์
ยิ่งทำให้แฟนมวยมั่นใจได้ว่าเกมบนเวทีจะตัดสินกันที่ฝีมือ แท็กติก และสภาพจิตใจ มากกว่าจะมีผลจากการตัดน้ำหนักจนร่างกายเสียสมดุล
วิเคราะห์คู่มวย ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series
ต่อไปคือการวิเคราะห์คู่มวยแบบเจาะลึกของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ในค่ำคืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568
ซึ่งเราจะพิจารณาทั้งด้านน้ำหนักที่ชั่งจริง ความแตกต่างของพิกัด ความเป็นมวยไทยแท้หรือสายต่างชาติ และสไตล์การชกของแต่ละฝ่าย
เพื่อให้แฟนมวยสามารถใช้เป็นแนวทางเชิงวิเคราะห์ประกอบการชมมวยหรือใช้เป็นข้อมูลเบื้องต้นก่อนตัดสินใจเชียร์ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง
โดยทุกคู่จะถูกแยกออกมาพูดถึงในรายละเอียด พร้อมเชื่อมโยงกับบริบทของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ ที่ต้องการนำเสนอภาพมวยไทยเวทีลุมพินีสู่สายตาโลก
คู่ที่ 1 บรรดาศักดิ์ ส.ตระกูลเพชร vs อเล็กซิส คอนเตอราส (พิกัด 124 ปอนด์)
ไฟต์เปิดหัวของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series เป็นการปะทะระหว่างนักชกไทยและต่างชาติอย่างลงตัว
บรรดาศักดิ์ ส.ตระกูลเพชร ในมุมแดง ชั่งได้ 123.7 ปอนด์ ขาดพิกัด 0.3 ปอนด์ ส่วน อเล็กซิส คอนเตอราส นักชกต่างชาติในมุมน้ำเงิน ชั่งได้ 122.9 ปอนด์ ขาดไปถึง 1.1 ปอนด์
ตัวเลขนี้บ่งบอกว่าบรรดาศักดิ์จะมีมวลร่างกายและความแน่นของกล้ามเนื้อมากกว่าเล็กน้อย ในขณะที่อเล็กซิสตัวเบากว่า ซึ่งอาจให้ข้อได้เปรียบด้านความคล่องและความเร็วในการขยับตัวเข้า–ออกในจังหวะสั้น ๆ
บรรดาศักดิ์ในฐานะตัวแทนมวยไทยสายแท้จากค่าย ส.ตระกูลเพชร น่าจะใช้จุดแข็งด้านอาวุธครบเครื่องของมวยไทย โดยเฉพาะเข่า ศอก และลูกเตะต่ำทำลายจังหวะคู่ต่อสู้
เงื่อนไขของเขาคือการเดินเข้าใส่แล้วปิดพื้นที่ไม่ให้อเล็กซิสได้ใช้การโยกหลบหรือวนหนีได้ถนัด
ด้านอเล็กซิส คอนเตอราส ในฐานะต่างชาติที่เข้ามาชกในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series น่าจะมีพื้นฐานมวยไทยผสมคิกบ็อกซิ่ง
จุดแข็งคือหมัดแหลมและเตะนำเร็ว ถ้าสามารถรักษาระยะห่างและใช้การเคลื่อนที่อย่างมีประสิทธิภาพ เขาอาจเปลี่ยนไฟต์นี้ให้เป็นเกมเล่นจังหวะสองที่ทำให้มวยไทยแท้หัวหมุนได้เช่นกัน
คู่ที่ 2 ทอมมี่ คาร์เตอร์ vs เลี่ยว ซื่อซู่ (พิกัด 132 ปอนด์)
คู่ที่สองของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ในพิกัด 132 ปอนด์ เป็นการเจอกันของนักสู้ต่างชาติทั้งคู่ระหว่าง ทอมมี่ คาร์เตอร์ ในมุมแดง ที่ต้อง “ลดน้ำหนัก” 0.8 ปอนด์
และ เลี่ยว ซื่อซู่ ในมุมน้ำเงิน ที่ชั่งได้ตามพิกัดเป๊ะ 132 ปอนด์
ทอมมี่มีสัญญาณว่าตัวจริงก่อนลดน้ำหนักอาจใหญ่กว่าเล็กน้อย แต่การเค้นน้ำหนักลงมาก็อาจส่งผลต่อความสดในยกท้ายหากเกมดำเนินไปอย่างดุเดือด
ส่วนเลี่ยวในฐานะคนที่เข้าเป้าพิกัดแบบไม่ต้องรีดมาก น่าจะมีความมั่นใจในเรื่องพละกำลังและการยืนระยะมากกว่า
รูปเกมในไฟต์นี้ของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ อาจเป็นแบบทอมมี่พยายามใช้ความแข็งแกร่งและประสบการณ์จากเวทีนานาชาติเข้าบดคู่ชก
โดยอาศัยหมัด–เตะหนัก ๆ เป็นตัวนำเกม ขณะที่เลี่ยว ซื่อซู่ จะพยายามใช้ความแน่นและความฟิตของร่างกายที่ไม่ถูกเค้นน้ำหนักมาก
ออกหมัดและเตะต่อเนื่องเป็นชุดเพื่อบั่นทอนแรงของทอมมี่ให้ได้
ถ้าทอมมี่สามารถ “ปิดเกม” ให้ได้ตั้งแต่กลางยก การลดน้ำหนักอาจไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าปล่อยให้ไฟต์ยืดยาวเกินไป เลี่ยวในสภาพร่างกายเต็มพิกัดอาจเป็นฝ่ายพลิกเกมกลับมาได้ในช่วงท้ายของการแข่งขัน
คู่ที่ 3 ฮงชอล ยัง vs เปาโล ดีแอนโตนี่ (พิกัด 150 ปอนด์)
คู่ที่สามเป็นไฟต์พิกัด 150 ปอนด์ ซึ่งถือเป็นพิกัดที่ผสมทั้งความเร็วและพละกำลังในระดับสูง จึงมักมีจังหวะปะทะแรง ๆ ให้เห็นแทบทุกยก
ฮงชอล ยัง มุมแดง ชั่งได้ 149.6 ปอนด์ ขาด 0.4 ปอนด์ ขณะที่ เปาโล ดีแอนโตนี่ มุมน้ำเงิน ชั่งได้ตามพิกัด 150 ปอนด์เต็ม
รูปแบบนี้หมายความว่าฮงชอลจะมีความเบาคล่องตัวเล็กน้อย ส่วนเปาโลจะได้เปรียบตรงที่ตัวเต็มน้ำหนักและน่าจะมีแรงปะทะที่แน่นและหนักกว่าเวลายืนแลกหมัดหรือเข่าโดยตรง
ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ไฟต์รุ่น 150 ปอนด์แบบนี้มักเป็นไฟต์ที่ถูกจับตามอง เพราะสามารถจบได้ทั้งแบบคะแนนสูสีและแบบน็อกเอาต์โดยไม่ทันตั้งตัว
ฮงชอลอาจใช้การเคลื่อนที่ซ้ายขวาและการเข้า–ออกเร็ว ๆ เพื่อตัดจังหวะของเปาโล ไม่ให้ยืนปักหลักแล้วปล่อยหมัดหรือเตะแรง ๆ ได้ง่าย
ขณะที่เปาโลอาจวางเกมรอ “ดักออก” เมื่อฮงชอลเดินเข้ามาผิดจังหวะ ถ้าหาโอกาสจับได้ในจุดที่น้ำหนักตัวส่งต่อให้หมัดและแข้งเต็ม ๆ ก็มีลุ้นจบไฟต์ได้รวดเร็ว
คู่มวยนี้จึงเป็นอีกไฟต์หนึ่งในคืนศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ ที่แฟนมวยสาย Knockout Lover ไม่ควรกะพริบตา
คู่ที่ 4 อังเคล บาวซา vs บุหรัก ปอยราซ วีนั่มมวยไทย (พิกัด 160 ปอนด์)
คู่ที่สี่ในพิกัด 160 ปอนด์จัดว่าเป็นรุ่นใหญ่ที่สุดของบัตรศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series คืนนี้
อังเคล บาวซา มุมแดง ชั่งได้ 159.7 ปอนด์ ขาด 0.3 ปอนด์ ขณะที่ บุหรัก ปอยราซ ตัวแทนจากสังกัดวีนั่มมวยไทย ชั่งได้ 159.3 ปอนด์ ขาด 0.7 ปอนด์
ทั้งสองจึงมีน้ำหนักใกล้เคียงกันมาก อยู่ต่ำกว่าพิกัดเพียงเล็กน้อย ทำให้ไม่มีฝ่ายใดได้เปรียบในแง่ตัวเลขมากนัก
สิ่งที่น่าจับตามองจึงคือวิธีการใช้สไตล์การชกของแต่ละคนเพื่อดึงจุดแข็งของตนเองออกมาให้ได้เต็มที่มากกว่า
อังเคล บาวซา อาจเป็นมวยที่เน้นลูกเตะและหมัดหนัก ใช้ความเป็นรุ่นใหญ่ในการเดินปิดพื้นที่และบล็อกคู่ต่อสู้ให้อยู่ในมุมที่ตัวเองถนัด
ในขณะที่ บุหรัก ปอยราซ จากวีนั่มมวยไทย ซึ่งมีชื่อชัดเจนว่าเป็นสายซ้อมมวยไทยจริงจังในไทย อาจเน้นเกมเข่าและการคุมจังหวะระยะประชิด
ไฟต์นี้ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ จึงเป็นการวัดกันระหว่าง “พลังมัดรวม” กับ “ศิลปะควบคุมพื้นที่” ว่าฝั่งไหนจะทำได้ดีกว่าในระยะสามยก
และถ้าคู่ใดสามารถหาจุดแข็งของตัวเองได้ก่อน ก็มีโอกาสมากที่จะเป็นผู้คว้าชัยในไฟต์รุ่นใหญ่สุดของค่ำคืนนี้
คู่ที่ 5 อาวอร์ด คาซิมบา vs หลุยส์ โดเฮอร์ตี้ (พิกัด 147 ปอนด์)
คู่ที่ห้าในพิกัด 147 ปอนด์ของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series เป็นไฟต์ระดับใกล้เคียงรุ่นเวลเตอร์เวตในมวยสากล
อาวอร์ด คาซิมบา มุมแดง ชั่งได้ตามพิกัด 147 ปอนด์เต็ม ส่วน หลุยส์ โดเฮอร์ตี้ มุมน้ำเงิน ชั่งได้ 146.7 ปอนด์ ขาด 0.3 ปอนด์
ถือว่าทั้งสองอยู่ในช่วงที่เหมาะสมและสมดุลในแง่ขนาดตัว ความต่างของน้ำหนักจริงน้อยมากจนแทบไม่มีผลชัดเจนในเชิงสรีระ
จึงทำให้แฟนมวยสามารถโฟกัสไปที่ความแตกต่างด้านสไตล์เพียว ๆ ว่าใครจะเป็นฝ่ายกำหนดเกมได้เหนือกว่า
อาวอร์ดอาจมีจุดเด่นด้านการใช้หมัดเป็นอาวุธหลัก เนื่องจากพิกัด 147 ปอนด์มักให้ภาพนักสู้ที่มีกล้ามเนื้อและพละกำลังดี
เขาอาจใช้หมัดโยนยาวและตามด้วยเตะตัดล่างหรือเตะลำตัวเพื่อทำลายแรงของคู่ต่อสู้
หลุยส์ โดเฮอร์ตี้ ที่ตัวเบากว่าเล็กน้อย อาจเลือกเล่นเกมที่อาศัยความคล่องและการขยับหลบ–วนมุมเพื่อตัดจังหวะ
ไฟต์นี้บนศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับแฟนมวยที่ชอบดูการต่อสู้ที่ผสมทั้งมวยไทยและกลิ่นอายของมวยสากลในระดับที่ลงตัว
คู่ที่ 6 หรั่งขาว ว.สังข์ประไพ vs ฟลุ๊คน้อย สจ.เปี๊ยกอุทัย (พิกัด 140 ปอนด์)
คู่ที่หกในพิกัด 140 ปอนด์คือไฟต์ไทยชนไทยหนึ่งเดียวในบัตรศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series รอบนี้
หรั่งขาว ว.สังข์ประไพ และ ฟลุ๊คน้อย สจ.เปี๊ยกอุทัย ต่างชั่งได้ 139.9 ปอนด์ ขาดเพียง 0.1 ปอนด์ทั้งคู่ ทำให้เป็นไฟต์ที่สมดุลมากในเชิงตัวเลข
เมื่อไม่มีข้อได้เปรียบเรื่องน้ำหนัก ความแตกต่างที่จะตัดสินผลจึงเกิดจากเชิงมวย การยืนระยะ และการวางแผนของแต่ละค่ายเป็นหลัก
แฟนมวยไทยสายเทคนิคจึงน่าจะสนใจไฟต์นี้เป็นพิเศษ เพราะเป็นการวัดฝีมือจริง ๆ ของสองมวยดังจากค่ายใหญ่
หรั่งขาว ว.สังข์ประไพ เป็นมวยที่ชื่อค่ายการันตีความเป็น “มวยเชิงจัด” เน้นลูกเตะและเข่าที่แม่นและมีจังหวะสองดี
ในขณะที่ ฟลุ๊คน้อย สจ.เปี๊ยกอุทัย ก็เป็นชื่อที่แฟนมวยคุ้นหูจากไฟต์ในเวทีใหญ่มาหลายครั้ง จุดเด่นคือหัวใจสู้และการออกอาวุธที่หลากหลาย
ไฟต์นี้ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ จึงมีโอกาสเป็นคู่ที่ทั้งดุเดือดและสวยงามในเชิงศิลปะมวยไทย
และอาจกลายเป็นไฟต์ที่ถูกพูดถึงมากที่สุดของค่ำคืน หากทั้งสองใส่กันเต็มที่ตามมาตรฐานที่แฟนมวยคาดหวัง
คู่ที่ 7 ซุปเปอร์ชับ บางแสนไฟท์คลับ vs โมฮัมหมัด เอล มาดี้ (พิกัด 137 ปอนด์)
คู่ปิดท้ายของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series เป็นการชนกันในพิกัด 137 ปอนด์ ระหว่าง ซุปเปอร์ชับ บางแสนไฟท์คลับ ในมุมแดง กับ โมฮัมหมัด เอล มาดี้ ในมุมน้ำเงิน
ซุปเปอร์ชับชั่งได้ตามพิกัด 137 ปอนด์เต็ม ขณะที่โมฮัมหมัดชั่งได้ 136.1 ปอนด์ ขาดไป 0.9 ปอนด์
ทำให้ซุปเปอร์ชับมีความได้เปรียบด้านขนาดตัวและแรงปะทะเล็กน้อย แต่โมฮัมหมัดก็มีข้อดีด้านความเบาและความคล่องตัวมากกว่า
เป็นไฟต์ที่ถูกวางไว้ให้ปิดรายการอย่างสวยงามด้วยการปะทะแบบไทย vs ต่างชาติในพิกัดกลางที่เหมาะกับสายบู๊ทั้งคู่
ซุปเปอร์ชับจากบางแสนไฟท์คลับมีแนวโน้มเป็นมวยเดินสาดอาวุธแบบไม่กลัวเจ็บ เน้นแรงกดดันสูง
ถ้าเขาสามารถใช้ความแข็งแรงและความเต็มของน้ำหนักกดดันให้โมฮัมหมัดต้องถอยอย่างเดียว ก็มีโอกาสควบคุมเกมได้ตั้งแต่กลางยกเป็นต้นไป
ส่วนโมฮัมหมัด เอล มาดี้ อาจต้องใช้กลยุทธ์หลบหลีกและโต้กลับเป็นหลัก พยายามใช้เท้าไว–มือไว เข้าทำในจังหวะที่ซุปเปอร์ชับเดินเข้ามามากเกินไป
ไฟต์นี้ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ จึงมีองค์ประกอบครบทั้งความมันส์ ความเร็ว และการวัดไหวพริบของทั้งสองฝ่าย โดยเฉพาะในช่วงท้ายรายการที่เสียงเชียร์ในสนามจะยิ่งดังกระหึ่มไปทั่วราชดำเนิน
ผลชั่งน้ำหนักและผลกระทบต่อรูปเกมในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์
เมื่อสรุปผลการชั่งน้ำหนักของทั้ง 7 คู่ในศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series จะเห็นว่าส่วนใหญ่เป็นกรณี “ขาดพิกัดเล็กน้อย” หรือ “ตามพิกัด”
โดยมีเพียงบางคนที่ต้องลดน้ำหนัก เช่น ทอมมี่ คาร์เตอร์ ที่ลด 0.8 ปอนด์ และกรณีที่ขาดมากหน่อยเช่น อเล็กซิส คอนเตอราส ที่ขาด 1.1 ปอนด์ หรือโมฮัมหมัดที่ขาด 0.9 ปอนด์
อย่างไรก็ตาม ตัวเลขเหล่านี้ยังอยู่ในกรอบที่ไม่กระทบต่อความปลอดภัยหรือมาตรฐานการแข่งขันมากนัก แต่เป็นรายละเอียดที่สายวิเคราะห์ไม่ควรมองข้ามเมื่อประเมินแนวโน้มของเกม
การขาดพิกัดเล็กน้อยมักช่วยให้นักมวยรู้สึกตัวเบา เคลื่อนไหวง่าย และออกอาวุธได้ต่อเนื่องขึ้น
แต่ก็ต้องยอมรับว่าการเจอกับคู่ชกที่ตัวเต็มพิกัดอาจมีความเสียเปรียบในการยืนแลกเมื่อถูกชนตรง ๆ
ในทางกลับกัน ผู้ที่ชั่งได้ตามพิกัดจะได้แรงปะทะเต็ม ๆ แต่ต้องระวังเรื่องความช้าและอาจต้องรับมือกับคู่ต่อสู้ที่หลบหลีกดีและคมในจังหวะโต้
ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series รอบนี้ แสดงให้เห็นว่าผู้จัดและนักชกพยายามรักษาสมดุลระหว่างเกมกีฬาและความปลอดภัยของร่างกายได้อย่างเหมาะสม
จึงทำให้ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่แฟนมวยสามารถสนุกกับเกมบนเวทีได้อย่างเต็มที่โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการรีดน้ำหนักเกินเหตุของนักชก
เวทีราชดำเนินกับบทบาทของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series
เวทีราชดำเนินถือเป็นหนึ่งในสนามมวยประวัติศาสตร์ของไทยที่ยืนหยัดคู่กับมวยไทยอาชีพมาอย่างยาวนาน
การเกิดขึ้นของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series จึงไม่ใช่แค่การเพิ่มโปรโมชันใหม่ แต่เป็นการยกระดับเวทีราชดำเนินให้ทันยุคสมัย
ใช้รูปแบบการนำเสนอที่ทันสมัย เน้นการถ่ายทอดสดสู่สายตาแฟนมวยทั่วโลก พร้อมเชิญนักสู้จากหลากหลายชาติมาเจอมวยไทยแท้ในบ้านของเรา
ทำให้เวทีราชดำเนินกลับมามีชีวิตชีวาในมิติใหม่ ทั้งในฐานะเวทีแห่งตำนานและเวทีแห่งการเปลี่ยนผ่านสู่ระดับสากลในเวลาเดียวกัน
ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ยังทำหน้าที่เป็นเวทีให้ค่ายมวยไทยได้ทดสอบมวยต่างชาติที่ฝึกซ้อมกับตนเอง
รวมถึงเปิดโอกาสให้มวยไทยได้เจอกับคู่ต่อสู้ที่มีพื้นฐานสาย striking อื่น ๆ เช่น คิกบ็อกซิ่งหรือมวยสากลจากต่างประเทศ
ไฟต์อย่างหรั่งขาว vs ฟลุ๊คน้อย แสดงให้เห็นคุณภาพของมวยไทยสายดั้งเดิม
ในขณะที่ไฟต์อย่างอังเคล vs บุหรัก หรือซุปเปอร์ชับ vs โมฮัมหมัด ก็แสดงให้เห็นว่ามวยไทยยังสามารถเป็นเวทีให้ต่างชาติเข้ามาเรียนรู้และต่อยอดได้อย่างเต็มรูปแบบ
จึงไม่เกินเลยหากจะกล่าวว่าสังเวียนราชดำเนินในคืน RWS คือหัวใจของมวยไทยยุคใหม่ที่เต้นแรงกว่าที่เคย
สรุปความน่าติดตามของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series 29 พฤศจิกายน 2568
เมื่อมองภาพรวมทั้งโปรแกรมและบริบทของศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series ในคืนวันที่ 29 พฤศจิกายน 2568
เราจะเห็นได้ว่านี่ไม่ใช่เพียงบัตรมวยธรรมดา แต่เป็นค่ำคืนที่มวยไทยบนเวทีราชดำเนินถูกนำเสนอในรูปแบบที่ทันสมัยและเข้าถึงแฟนมวยทั่วโลก
ทั้งการคัดเลือกนักมวยไทยและต่างชาติให้มีความหลากหลายด้านพิกัดและสไตล์การชก การควบคุมพิกัดน้ำหนักที่สมดุล
และการวางคู่มวยที่ช่วยสร้างอารมณ์ร่วมให้ผู้ชมค่อย ๆ ไต่ระดับจากไฟต์เปิดหัวสู่ไฟต์ปิดท้ายอย่างมีจังหวะ
สำหรับแฟนมวยไทยที่ต้องการสัมผัสบรรยากาศการชกระดับเวิลด์ซีรีส์ในบ้านเราเอง ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ RWS : Rajadamnern World Series คือรายการที่ไม่ควรพลาดอย่างยิ่ง
ไม่ว่าคุณจะชื่นชอบมวยไทยแท้แบบหรั่งขาว–ฟลุ๊คน้อย หรือไฟต์ข้ามชาติอย่างบรรดาศักดิ์–อเล็กซิส อังเคล–บุหรัก หรือซุปเปอร์ชับ–โมฮัมหมัด
ทุกคู่ล้วนมีเรื่องราวให้ติดตามและมีมิติให้วิเคราะห์ในมุมมองของตัวเอง
และเมื่อเสียงระฆังยกสุดท้ายดังขึ้นในคืนวันเสาร์นี้ ศึกราชดำเนินเวิลด์ซีรีส์ ก็จะทิ้งร่องรอยความมันส์อีกบทหนึ่งไว้บนผืนผ้าใบราชดำเนินที่ไม่อาจลืมเลือน
