ศึกฟุตบอลลาลีกา สเปน นัดที่ 14 ที่สนามสปอติฟาย คัมป์ นู กลายเป็นค่ำคืนที่แฟนบอลเจ้าบุญทุ่มจดจำได้อย่างยาวนาน เมื่อบาร์เซโลน่าต้อนรับการมาเยือนของอลาเบสในบรรยากาศสุดพิเศษ เพราะเป็นเกมฉลองครบรอบ 126 ปีของสโมสร เกมนี้เต็มไปด้วยอารมณ์ขึ้นลงทั้งความกดดัน เสียงเชียร์ และจังหวะหวาดเสียวมากมาย ก่อนที่สุดท้ายทีมเจ้าถิ่นจะแสดงให้เห็นถึงหัวใจนักสู้ พลิกสถานการณ์จากการโดนนำเร็ว แล้วรัวคืนสามประตูคว้าชัยไปแบบสุดมัน 3-1 ต่อหน้าแฟนบอลที่เต็มอัฒจันทร์ตลอดทั้งเกม

https://streamable.com/rqkhll

ข้อมูลการแข่งขันและบรรยากาศในสนามสปอติฟาย คัมป์ นู

ก่อนเสียงนกหวีดเริ่มการแข่งขัน บรรยากาศในสนามถูกแต่งแต้มด้วยสีเลือดหมูน้ำเงินของแฟนบอลบาร์เซโลน่าที่หลั่งไหลเข้ามาเต็มความจุ ธงและผ้าพันคอถูกโบกสะบัดไปทั่วทั้งอัฒจันทร์เพื่อร่วมฉลองครบรอบ 126 ปีสโมสรอันยิ่งใหญ่แห่งแคว้นกาตาลุนญา สโมสรจัดพิธีการเล็ก ๆ ให้แฟนบอลได้ร่วมย้อนรำลึกถึงความสำเร็จที่ผ่านมา ก่อนที่ทุกสายตาจะหันกลับมาโฟกัสในสนามเมื่อผู้เล่นทั้งสองทีมเดินออกมาอย่างองอาจ พร้อมเสียงเพลงเชียร์ดังก้องไปทั่วทั้งมุมของสนามในค่ำคืนที่เต็มไปด้วยความหมาย

เกมนี้เป็นการพบกันระหว่าง บาร์เซโลน่า ซึ่งไล่ล่าตำแหน่งจ่าฝูงของตาราง กับอลาเบสทีมอันดับกลางที่อาจดูเป็นรอง แต่ก็มีทีเด็ดในเรื่องเกมรับและลูกตั้งเตะที่น่ากลัว สำหรับเจ้าบุญทุ่มแล้วการคว้าชัยไม่ใช่แค่เรื่องของสามคะแนนเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงศักดิ์ศรี ความมั่นใจ และการสร้างโมเมนตัมก่อนลงสนามเกมใหญ่ในนัดต่อไป ทำให้ผู้เล่น 11 คนแรกของทั้งสองทีมถูกเลือกมาอย่างรอบคอบ โดยเน้นความสมดุลทั้งเกมรุกและเกมรับเป็นสำคัญ

สรุปผลการแข่งขัน บาร์เซโลน่า พบ อลาเบส
รายการแข่งขัน คู่แข่งขัน ผลการแข่งขัน สนาม วันที่ โอกาสพิเศษ
ลาลีกา สเปน นัดที่ 14 บาร์เซโลน่า vs อลาเบส บาร์เซโลน่า 3 – 1 อลาเบส สปอติฟาย คัมป์ นู 29 พฤศจิกายน 2568 ฉลองครบรอบ 126 ปีสโมสรบาร์เซโลน่า

เมื่อเสียงนกหวีดดังขึ้นเปิดเกม แฟนบอลยังส่งเสียงเชียร์ต่อเนื่องจนอัฒจันทร์สั่นสะเทือน แต่สิ่งที่ไม่มีใครคาดคิดกลับเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว เพราะเพียงแค่ไม่ถึงหนึ่งนาทีทีมเยือนก็ทำให้ทั้งสนามเงียบสงัด จากจังหวะเตะมุมทางฝั่งขวาที่ดูเหมือนจะไม่มีอะไรอันตราย ทว่าแนวรับของเจ้าถิ่นสกัดบอลผิดเหลี่ยมจนกลายเป็นการตั้งบอลให้คู่แข่งในกรอบเขตโทษ
และเป็นจุดเริ่มต้นของเหตุการณ์ช็อกในช่วงวินาทีแรก ๆ ของการแข่งขันที่ทำให้เกมนี้ยิ่งน่าติดตามมากขึ้นไปอีก

ไทม์ไลน์ประตูและจังหวะสำคัญตลอดทั้งเกม

ประตูขึ้นนำ 1-0 ของอลาเบสเกิดขึ้นในวินาทีที่ 44 เมื่อทีมเยือนได้ลูกเตะมุมทางด้านขวา บอลเปิดโค้งมาที่เสาแรกซึ่งในตอนแรกดูไม่น่าอันตรายมากนัก แต่ มาร์ก กาซาโด้ กลับสกัดบอลผิดเหลี่ยมทำให้ลูกกลิ้งย้อนเข้ากลางหน้าประตู บิคตอร์ ปาราด้า ไม่รอช้าจิ้มต่อไปให้ ปาโบล อิบันเญซ สอดมาซัดโล่ง ๆ เข้าประตูไป ทำให้แฟนบอลบาร์เซโลน่าในสนามถึงกับอึ้งไปชั่วขณะกับการโดนนำตั้งแต่ช่วงวินาทีแรกของเกม

อย่างไรก็ตามความกดดันของการโดนนำกลับกลายเป็นเชื้อไฟที่ปลุกจิตวิญญาณของผู้เล่นเจ้าบ้านให้ฮึดสู้มากขึ้น บาร์เซโลน่าพยายามตั้งเกมบุกจากแดนหลังเน้นต่อบอลสั้นตามสไตล์ถนัด จนมาถึงนาทีที่ 8 เจ้าถิ่นก็ได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็วจากการขึ้นเกมทางฝั่งซ้ายที่ไหลลื่น อเลฆานโดร บัลเด้ พาบอลลุยขึ้นมาจนเกือบสุดเส้นก่อนจ่ายตัดหลังแนวรับให้ ราฟินญ่า ควบต่อเข้าเขตโทษ จากนั้นราฟินญ่าหักบอลเข้ากลางให้ เลวานดอฟสกี้ ไขว้ต่อสุดสวย และ ลามีน ยามาล วิ่งมาซัดด้วยซ้ายเต็มข้อส่งบอลเสียบตาข่ายอย่างเด็ดขาด

หลังจากได้ประตูตีเสมอ เกมเริ่มเปิดแลกมากขึ้นทั้งสองฝ่าย อลาเบสยังคงใช้จุดเด่นของตัวเองคือการรอจังหวะสวนกลับและลูกจ่ายแทงทะลุช่องที่แม่นยำ นาทีที่ 24 พวกเขาเกือบจะขึ้นนำได้อีกครั้งเมื่อ อับเดอร์ราห์มาน เรบบัค ได้บอลกลางสนามแล้วจ่ายทะลุไปทางเสาไกลให้ จอนนี่ อ็อตโต้ สอดขึ้นมายิงเสาแรก บอลพุ่งแรงมุมยากแต่ยังถูก โจน การ์เซีย ผู้รักษาประตูเจ้าถิ่นพุ่งปัดออกไปได้อย่างหวุดหวิด จังหวะนี้เรียกเสียงปรบมือจากแฟนบอลทั้งสนามที่ยอมรับในปฏิกิริยาที่รวดเร็วและการเซฟอันยอดเยี่ยมของนายทวารบาร์เซโลน่า

ความหวาดเสียวของจังหวะนั้นเหมือนเป็นสัญญาณเตือนให้เจ้าบ้านต้องเร่งจังหวะเกมมากขึ้น และเพียงสองนาทีต่อมาในนาทีที่ 26 บาร์เซโลน่าก็พลิกสถานการณ์แซงนำเป็น 2-1 ได้สำเร็จ เกมบุกยังคงไหลไปทางฝั่งซ้ายก่อนที่บอลจะถูกแทงให้ ราฟินญ่า รับหน้าที่ลากจี้เข้าใส่แนวรับอลาเบส เขามองเห็นช่องว่างตรงกลางแล้วเปิดตบเลียดเข้ามาหน้าประตูอย่างแม่นยำ ดานี่ โอลโม่ เติมขึ้นมาจังหวะพอดีแล้วซัดจ่อ ๆ แบบไม่ต้องจับ ส่งบอลพุ่งเสียบมุมตาข่ายไปอย่างสวยงาม ท่ามกลางเสียงเฮลั่นสนาม

หลังจากขึ้นนำเกมในครึ่งแรก บาร์เซโลน่าคุมจังหวะได้เหนือกว่าแต่ก็ยังเปิดช่องว่างให้อลาเบสสวนกลับได้เป็นระยะ นักเตะทีมเยือนเปลี่ยนมาเล่นอย่างรัดกุมมากขึ้น รอเก็บความผิดพลาดจากแดนกลางของเจ้าบ้านเพื่อลุ้นจังหวะจบสกอร์ ขณะที่เจ้าถิ่นเองก็พยายามหาประตูที่สามเพื่อฆ่าเกม แต่ยังขาดความเฉียบคมในพื้นที่สุดท้าย ทำให้จบครึ่งแรกด้วยสกอร์ 2-1 ในบรรยากาศที่ทั้งสองฝ่ายยังมีลุ้นกับผลการแข่งขัน
และเปิดโอกาสให้ครึ่งหลังกลายเป็นช่วงเวลาที่ตื่นเต้นไม่แพ้กัน

ครึ่งหลัง การเปลี่ยนตัวสำคัญและจังหวะลุ้นตีเสมอของอลาเบส

เมื่อเริ่มครึ่งหลัง ฮันซี่ ฟลิค ตัดสินใจเปลี่ยนแปลงแท็กติกด้วยการส่ง มาร์คัส แรชฟอร์ด ลงสนามแทน มาร์ค เบอร์นัล การเปลี่ยนตัวนี้เพิ่มความเร็วและความดุดันในแนวรุกของบาร์เซโลน่าอย่างชัดเจน
แรชฟอร์ดวิ่งทำทางตลอดเวลา ดึงแนวรับอลาเบสให้ถอยลึกลงไปใกล้กรอบเขตโทษของตัวเอง ทำให้พื้นที่ระหว่างแผงกลางกับแนวรับของทีมเยือนเปิดมากขึ้น
และเปิดโอกาสให้ผู้เล่นอย่าง ดานี่ โอลโม่ และ ราฟินญ่า มีพื้นที่ในการสร้างสรรค์เกมได้อย่างอิสระมากกว่าเดิม

รูปเกมในช่วงกลางครึ่งหลังจึงออกมาในลักษณะที่บาร์เซโลน่าครองบอลบุกแทบฝ่ายเดียว เจ้าถิ่นต่อบอลกันอย่างมั่นใจ มีจังหวะจบสกอร์หลายครั้งทั้งจากลูกยิงไกลและการเจาะเข้ากลาง ทว่าความเฉียบคมในจังหวะสุดท้ายยังไม่มากพอที่จะเปลี่ยนเป็นประตูเพิ่ม ขณะที่อลาเบสเลือกจะถอยลงมาตั้งรับลึก พร้อมคอยหาโอกาสสวนกลับเร็วเป็นครั้งคราว ทุกจังหวะที่ทีมเยือนหลุดขึ้นมาได้แฟนเจ้าถิ่นยังต้องลุ้นกันแบบไม่กล้ากระพริบตา เพราะสกอร์ยังห่างเพียงประตูเดียว

นาทีที่ 78 เป็นอีกหนึ่งโมเมนต์หัวใจหล่นวูบของแฟนบอลในสนาม เมื่ออลาเบสฉวยโอกาสจากจังหวะหลุดทางริมเส้น บอลถูกเปิดเข้ากรอบเขตโทษอย่างอันตรายจนแนวรับบาร์เซโลน่าต้องช่วยกันเคลียร์ออกมาอย่างทุลักทุเล หากจังหวะนั้นทีมเยือนได้ประตูตีเสมอ รูปเกมและผลการแข่งขันอาจเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง แต่ด้วยการยืนตำแหน่งที่แน่นอนขึ้นในช่วงท้ายจากคู่เซ็นเตอร์ของเจ้าบ้านจึงทำให้รอดพ้นจากการเสียประตูไปได้
เหตุการณ์นี้ทำให้ผู้เล่นเจ้าถิ่นกลับมาเล่นอย่างมีสมาธิมากยิ่งขึ้นในช่วงเวลาที่เหลือ

เมื่อเข้าสู่ช่วงทดเวลาบาดเจ็บในขณะที่อลาเบสเริ่มดันไลน์ขึ้นมาลุ้นประตูตีเสมออย่างเต็มตัว ช่องว่างในแนวรับของทีมเยือนก็ยิ่งเปิดมากขึ้นตามไปด้วย
และในนาทีที่ 90+3 บาร์เซโลน่าก็อาศัยจังหวะสวนกลับที่เฉียบคมปิดบัญชีได้สำเร็จ ลามีน ยามาล ที่วันนี้โชว์ฟอร์มเด่นทั้งเกม ได้บอลทางกราบก่อนจะมองหาพื้นที่ว่างและจ่ายทะลุช่องให้ ดานี่ โอลโม่ หลุดเข้าไปดวลเดี่ยว เขาไม่พลาดยิงผ่านมือผู้รักษาประตูเข้าไปอย่างเยือกเย็น กลายเป็นประตูที่สองของตัวเองในเกมนี้ และเป็นลูกปิดกล่องที่ทำให้เสียงเฮในสนามดังขึ้นอีกครั้งอย่างสะใจแฟนบอล

ฟอร์มเด่น ดานี่ โอลโม่ และ ลามีน ยามาล สองคีย์แมนเกมรุกบาร์ซ่า

สำหรับ ดานี่ โอลโม่ เกมนี้ถือได้ว่าเป็นหนึ่งในค่ำคืนที่ยอดเยี่ยมที่สุดในสีเสื้อบาร์เซโลน่า เขามีส่วนร่วมกับเกมตั้งแต่ต้นจนจบ ทั้งการลงมาช่วยเชื่อมเกมในแดนกลาง การจ่ายบอลทะลุช่อง และการหาพื้นที่จบสกอร์
ประตูแรกของเขาแสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณการเข้าทำที่เฉียบคม ส่วนประตูที่สองในช่วงทดเจ็บก็สะท้อนให้เห็นความนิ่งและความมั่นใจ ฟอร์มการเล่นเช่นนี้ไม่เพียงแค่ช่วยทีมเก็บสามคะแนนสำคัญ
แต่ยังส่งสัญญาณให้คู่แข่งในลีกเห็นว่าบาร์เซโลน่ามีเพลย์เมกเกอร์ที่อันตรายเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งคนในแนวรุก

ทางด้าน ลามีน ยามาล ดาวรุ่งคนสำคัญก็โชว์ศักยภาพได้อย่างน่าประทับใจไม่แพ้กัน เขาเป็นคนยิงประตูตีเสมอที่สำคัญในช่วงต้นเกม ซึ่งเปลี่ยนความกดดันของทั้งทีมให้กลับมาอยู่ในจุดที่ยังสู้ต่อได้
ตลอดทั้งเกมเขายังคงขยันวิ่งไล่กดดันแนวรับคู่แข่ง ใช้ความเร็วและเทคนิคการเลี้ยงบอลสร้างปัญหาให้อลาเบสอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ยังทำแอสซิสต์ให้โอลโม่ในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ
ทำให้ชื่อของเขากลายเป็นอีกหนึ่งจุดสนใจหลังจบแมตช์ ที่แฟนบอลและสื่อมวลชนต่างยกย่องฟอร์มการเล่น

เมื่อมองภาพรวมเกมรุกของบาร์เซโลน่าในค่ำคืนนี้ จะเห็นได้ชัดว่าการประสานงานของ โอลโม่ ยามาล ราฟินญ่า และเลวานดอฟสกี้ มีความลงตัวมากขึ้นกว่าหลายนัดก่อนหน้า การเคลื่อนที่สลับตำแหน่งของผู้เล่นแนวรุกสร้างความสับสนให้แนวรับอลาเบสอย่างมาก ช่องว่างระหว่างตัวประกบถูกใช้ประโยชน์อย่างชาญฉลาดทำให้เจ้าบ้านสร้างโอกาสลุ้นประตูได้หลายครั้ง จังหวะสุดท้ายแม้จะยังมีหลุดเป้าอยู่บ้าง แต่เมื่อถึงเวลาสำคัญพวกเขาก็สามารถเปลี่ยนโอกาสให้กลายเป็นประตูได้อย่างเฉียบขาด ทำให้รูปเกมโดยรวมออกมาน่าดูชมและตอบโจทย์แฟนบอลที่ติดตามชมตั้งแต่ต้นจนจบ

ผลการแข่งขันต่ออันดับตารางลาลีกาและความมั่นใจก่อนบิ๊กแมตช์

ชัยชนะในเกมนี้ไม่ใช่เพียงแค่การเก็บสามคะแนนธรรมดา แต่ยังส่งผลโดยตรงต่ออันดับตารางคะแนนลาลีกา บาร์เซโลน่าเก็บเพิ่มเป็น 34 คะแนน กระโดดขึ้นไปยึดตำแหน่งจ่าฝูงชั่วคราว แซงหน้าเรอัล มาดริดคู่ปรับตลอดกาล บรรยากาศหลังเกมในสนามจึงเต็มไปด้วยความสุขและความภูมิใจของแฟนบอลที่ได้เห็นทีมรักยืนอยู่บนหัวตารางอีกครั้ง ความสำเร็จในค่ำคืนนี้ยังช่วยปลดล็อกความกดดันจากฟอร์มการเล่นในบางช่วงก่อนหน้านี้
ทำให้บรรยากาศในทีมดูผ่อนคลายและมีรอยยิ้มมากกว่าเดิมอย่างเห็นได้ชัด

นอกจากผลต่อคะแนนแล้ว การคว้าชัยในค่ำคืนพิเศษฉลองครบรอบ 126 ปี ยังมีความหมายเชิงสัญลักษณ์ที่ลึกซึ้งสำหรับสโมสร มันสะท้อนให้เห็นถึงการสืบทอดจิตวิญญาณนักสู้ที่ไม่ยอมแพ้แม้จะเริ่มต้นเกมด้วยความผิดพลาด บาร์เซโลน่ายังคงยึดมั่นในสไตล์การเล่นของตัวเอง ใช้การต่อบอลและความเข้าใจเกมเป็นอาวุธหลัก จนสามารถพลิกสถานการณ์กลับมาคุมเกมและปิดฉากด้วยชัยชนะได้ในที่สุด
เรื่องราวเช่นนี้ช่วยย้ำเตือนแฟนบอลว่าทีมยังเดินอยู่บนเส้นทางที่ถูกต้องและพร้อมต่อยอดไปยังความสำเร็จในอนาคต

อีกประเด็นหนึ่งที่แฟนบอลพูดถึงไม่น้อยคือความพร้อมของทีมก่อนลงสนามในเกมสำคัญนัดถัดไปที่จะต้องพบกับแอตเลติโก มาดริด เกมนี้แสดงให้เห็นว่าผู้เล่นหลักหลายคนเริ่มกลับมามีจังหวะการเล่นที่มั่นใจและเฉียบคมขึ้น ทั้งการยืนตำแหน่ง การเชื่อมเกมในแดนกลาง และการสลับจังหวะบุกเร็วที่สร้างความอันตรายให้คู่แข่ง ชัยชนะเหนืออลาเบสจึงเปรียบเสมือนการซ้อมใหญ่ในสถานการณ์จริงที่ช่วยยกระดับสภาพจิตใจของผู้เล่น ทำให้ทุกคนพร้อมเดินหน้าสู่ศึกหนักในบิ๊กแมตช์ที่จะมาถึงด้วยความมุ่งมั่นเต็มร้อย

รายชื่อ 11 ตัวจริงและระบบการเล่นของทั้งสองทีม

หากมองจากตัวผู้เล่นและระบบที่วางไว้จะเห็นได้ว่าทั้งสองทีมต่างเตรียมแผนมาอย่างรัดกุม บาร์เซโลน่าเลือกใช้ระบบ 4-3-3 ที่คุ้นเคยเน้นการคุมบอลเป็นหลัก
โดยมี โจน การ์เซีย ยืนเฝ้าเสา แผงหลังประกอบด้วย เอริก การ์เซีย, เปา กูบาร์ซี่, เกราร์ด มาร์ติน และ อเลฆานโดร บัลเด้ ส่วนแดนกลางใช้ มาร์ก กาซาโด้, มาร์ค เบอร์นัล และ ดานี่ โอลโม่ เชื่อมระหว่างเกมรับกับเกมรุก
ขณะที่แนวรุกสามประสานนำโดย ลามีน ยามาล, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้ และ ราฟินญ่า ซึ่งต่างมีบทบาทสำคัญในหลายจังหวะของเกม

ทางฝั่งอลาเบส เลือกใช้ระบบ 4-1-4-1 ที่เน้นความเหนียวแน่นในแดนกลางและเกมรับ อันโตนิโอ ซิเบร่า รับหน้าที่ผู้รักษาประตู แผงหลังสี่คนมี จอนนี่ อ็อตโต้, นาอวล เตนาย่า, จอน ปาเชโก้ และ บิคตอร์ ปาราด้า
ตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรับเป็นของ อันโตนิโอ บลังโก้ ที่คอยตัดเกมก่อนถึงแนวรับ ขณะที่แผงมิดฟิลด์ตัวรุกประกอบด้วย คาเลเบ, เดนิส ซัวเรซ, ปาโบล อิบันเญซ และ อับเดอร์ราห์มาน เรบบัค
โดยมี ลูกัส โบเย่ ยืนค้ำเป็นกองหน้าตัวเป้าคอยไล่บีบแผงหลังเจ้าบ้านและหาจังหวะจบสกอร์จากบอลยาวและลูกครอสทางริมเส้น

รายชื่อผู้เล่นตัวจริงทั้งสองทีม
ทีม ระบบการเล่น ผู้รักษาประตู กองหลัง กองกลาง กองหน้า
บาร์เซโลน่า 4-3-3 โจน การ์เซีย เอริก การ์เซีย, เปา กูบาร์ซี่, เกราร์ด มาร์ติน, อเลฆานโดร บัลเด้ มาร์ก กาซาโด้, มาร์ค เบอร์นัล, ดานี่ โอลโม่ ลามีน ยามาล, โรเบิร์ต เลวานดอฟสกี้, ราฟินญ่า
อลาเบส 4-1-4-1 อันโตนิโอ ซิเบร่า จอนนี่ อ็อตโต้, นาอวล เตนาย่า, จอน ปาเชโก้, บิคตอร์ ปาราด้า อันโตนิโอ บลังโก้, คาเลเบ, เดนิส ซัวเรซ, ปาโบล อิบันเญซ, อับเดอร์ราห์มาน เรบบัค ลูกัส โบเย่

สรุปภาพรวมเกมและความหมายของชัยชนะในค่ำคืนฉลอง 126 ปี

เมื่อรวบรวมทุกเหตุการณ์ตลอด 90 นาทีจะเห็นได้ว่าบาร์เซโลน่าเริ่มต้นเกมด้วยความผิดพลาดและความกดดัน แต่สามารถแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งทางจิตใจและคุณภาพในเชิงฟุตบอลที่เหนือกว่าอลาเบส
การแก้เกมอย่างรวดเร็ว การตอบโต้ด้วยประตูตีเสมอ และการแซงนำในเวลาไม่นาน ล้วนเป็นตัวอย่างของทีมที่ไม่ยอมปล่อยให้ความผิดพลาดในช่วงต้นเกมกลายเป็นฝันร้าย
ชัยชนะ 3-1 ในค่ำคืนนี้จึงไม่ใช่เพียงผลสกอร์บนหน้ากระดานเท่านั้น หากยังเป็นเรื่องราวของการลุกขึ้นยืนใหม่อย่างสง่างามในวันที่สโมสรเดินทางมาถึงปีที่ 126

ในสายตาของแฟนบอล บทสรุปของเกมนี้คือการได้เห็นความหวังใหม่ในแนวรุกจากการแจ้งเกิดของดาวรุ่งอย่างลามีน ยามาล การยืนหยัดของตัวเก๋าอย่างเลวานดอฟสกี้ และการเปล่งประกายของ ดานี่ โอลโม่ ที่กลายเป็นฮีโร่ประจำค่ำคืน เมื่อทั้งหมดถูกเชื่อมโยงเข้ากับบรรยากาศการเฉลิมฉลองประวัติศาสตร์ของสโมสร ภาพรวมของค่ำคืนนี้จึงกลายเป็นหนึ่งในความทรงจำที่แฟนบอลจะย้อนกลับมาดูซ้ำผ่านคลิปการแข่งขันและสรุปเหตุการณ์ในรูปแบบต่าง ๆ อยู่บ่อยครั้ง เพราะมันคือเกมที่สะท้อนให้เห็นทั้งอัตลักษณ์และหัวใจของทีมได้อย่างชัดเจน

ชัยชนะเหนืออลาเบสทำให้เรื่องราวของการแข่งขันครั้งนี้ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง ทั้งในหมู่แฟนบอลที่ชมสดจากในสนามและผู้ชมทางหน้าจอ ผู้คนต่างย้อนกลับไปดูจังหวะสำคัญ ทั้งประตูตีเสมอของดาวรุ่งและสองประตูสุดเฉียบของโอลโม่ พร้อมพูดถึงบรรยากาศแสนพิเศษในช่วงฉลองครบรอบสโมสรที่เชื่อมอดีต ปัจจุบัน และอนาคตเข้าไว้ด้วยกัน
เกมนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์ที่ถูกจารึกไว้ในใจแฟนบอล และยังตอกย้ำว่าในทุกช่วงเวลาสำคัญของสโมสร ทีมชุดปัจจุบันก็ยังสามารถตอบแทนความเชื่อมั่นของแฟน ๆ ได้อย่างคู่ควรในทุกนัดที่ลงสนาม