ศึกฟุตบอลพรีเมียร์ลีก อังกฤษ นัดมันส์ประจำคืนวันที่ 30 พฤศจิกายน พ.ศ.2568 ที่สนามเซลเฮิร์สต์ พาร์ค บ้านของคริสตัล พาเลซ จบลงด้วยชัยชนะสุดดราม่าของ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ที่พลิกสถานการณ์จากการตามหลังในครึ่งแรก กลับมาแซงเอาชนะได้ 2-1 โดยได้สองประตูสำคัญจาก โจชัว เซิร์กซี และ เมสัน เมาท์ ซึ่งทั้งคู่ต่างใช้ประโยชน์จากลูกฟรีคิกที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นคนออกแบบจังหวะ เรียกได้ว่าเป็นเกมที่สะท้อนให้เห็นทั้งคาแรกเตอร์การลุ้นหนีตายของเจ้าถิ่น และสภาพจิตใจที่ไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ ของ “ปีศาจแดง” ในฐานะทีมเยือนที่บุกมาเก็บสามแต้มกลับออกไปได้อย่างยอดเยี่ยม
ชัยชนะนัดนี้มีความหมายไม่น้อยสำหรับ แมนฯ ยูไนเต็ด เพราะนอกจากจะเป็นการปลดล็อกฟอร์มเกมเยือนที่ถูกตั้งคำถามมาพักใหญ่แล้ว ยังทำให้ทีมเก็บเพิ่มเป็น 21 คะแนน ขยับขึ้นไปรั้งอันดับ 6 ของตารางพรีเมียร์ลีกได้สำเร็จ ในขณะที่คริสตัล พาเลซแม้จะออกสตาร์ตเกมได้ดีและขึ้นนำก่อนจากจุดโทษของ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถรักษาความได้เปรียบเอาไว้ได้ เมื่อต้องเจอกับความเฉียบคมจากลูกนิ่งของคู่แข่งในครึ่งหลัง ทำให้ต้องพลาดโอกาสสำคัญในการเก็บแต้มในบ้านของตัวเองไปอย่างน่าเสียดาย
สรุปผลการแข่งขัน คริสตัล พาเลซ 1-2 แมนฯ ยูไนเต็ด
รูปเกมโดยรวมของแมตช์นี้แบ่งเป็นสองช่วงอย่างชัดเจน ครึ่งแรกเป็นของคริสตัล พาเลซ ที่เปิดเกมได้สดใสกว่า ใช้ความเร็วของแนวรุกและการประสานงานของแผงมิดฟิลด์กดดันแนวรับของ แมนฯ ยูไนเต็ด จนมาพังประตูขึ้นนำได้จากลูกจุดโทษของ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ในนาทีที่ 33 ขณะที่ทีมเยือนยังหาจังหวะจบสกอร์แบบตรงกรอบได้ไม่มากนัก จึงต้องยอมรับสกอร์ตามหลัง 1-0 เมื่อผู้ตัดสินเป่าจบ 45 นาทีแรก ทิ้งคำถามให้แฟนบอลว่าพวกเขาจะกลับมาได้หรือไม่ในครึ่งหลังของเกมที่เต็มไปด้วยแรงกดดันในสนามแห่งนี้
อย่างไรก็ตามครึ่งหลังกลายเป็นอีกฉากหนึ่ง เมื่อ แมนฯ ยูไนเต็ด ปรับรูปแบบการเล่นเน้นการสร้างสรรค์เกมจากกลางสนามมากขึ้น ใช้ความสามารถเฉพาะตัวและความนิ่งของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นศูนย์กลาง สุดท้ายสองจังหวะลูกฟรีคิกก็กลายเป็นตัวเปลี่ยนเกมให้ทีมเยือน เมื่อนาทีที่ 54 บรูโน่ เปิดฟรีคิกอย่างแม่นยำให้ โจชัว เซิร์กซี กลับตัวยิงเข้าเสาแรกอย่างเหนือชั้น ก่อนที่นาทีที่ 63 จะทำช็อตเซ็ตเพลย์สุดเนียน เขี่ยฟรีคิกเปลี่ยนจุดให้ เมสัน เมาท์ วิ่งมากดด้วยขวาเต็มแรงส่งบอลเสียบเสาอย่างสวยงาม พา แมนฯ ยูไนเต็ด แซงนำและคว้าชัยชนะ 2-1 ทำให้ “ปีศาจแดง” เดินออกจากเซลเฮิร์สต์ พาร์ค พร้อมสามคะแนนที่มีค่ามากทั้งในแง่ผลการแข่งขันและความมั่นใจของทีม
ตารางสรุปผลการแข่งขัน
| รายการ | คู่แข่งขัน | สกอร์ | สนามแข่งขัน | วันที่แข่ง |
|---|---|---|---|---|
| พรีเมียร์ลีก อังกฤษ | คริสตัล พาเลซ vs แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด | 1-2 | เซลเฮิร์สต์ พาร์ค | 30 พฤศจิกายน 2568 |
ภาพรวมเกม ครึ่งแรก: พาเลซออกนำจากจุดโทษของมาเตต้า
เสียงนกหวีดเริ่มเกมดังขึ้นพร้อมบรรยากาศที่คึกคักในเซลเฮิร์สต์ พาร์ค และเป็นฝั่งเจ้าบ้าน คริสตัล พาเลซ ที่ออกสตาร์ตด้วยความมั่นใจมากกว่า ช่วงต้นเกมพวกเขาใช้จังหวะเพรสซิ่งและการขึ้นเกมด้านกว้างโจมตีใส่แนวรับสามตัวของแมนฯ ยูไนเต็ด อย่างรวดเร็ว กระทั่งนาทีที่ 8 ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ได้โอกาสหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวาก่อนกดด้วยเท้าขวาเต็มแรง บอลพุ่งไปเข้าข้างตาข่ายชนิดที่ทำเอาแฟนบอลเจ้าบ้านเฮเก้อ เป็นสัญญาณเตือนให้แนวรับทีมเยือนรู้ว่าคืนนี้พวกเขาต้องเจองานไม่เบาในการรับมือกับกองหน้าชาวฝรั่งเศสคนนี้ตลอดทั้งเกมแน่นอน
ด้าน แมนฯ ยูไนเต็ด เองก็ไม่ได้นิ่งเฉย พยายามตั้งเกมจากแดนกลางและตอบโต้คืนอย่างมีจังหวะ นาทีที่ 11 ทีมเยือนมาได้ลุ้นจากลูกฟรีคิกที่ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เปิดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ
บอลลอยไปเข้าศีรษะของ กาเซมีโร่ ที่ได้โหม่งแต่บอลหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดาย จังหวะดังกล่าวแสดงให้เห็นว่าลูกนิ่งจะเป็นหนึ่งในอาวุธสำคัญของพวกเขาในเกมนี้ แม้ช่วงต้นจะยังไม่แม่นพอจะเปลี่ยนเป็นประตู แต่ก็บอกได้ว่าพาเลซต้องระวังการป้องกันบอลกลางอากาศและความนิ่งของ บรูโน่ ให้ดีตลอดเวลา
เกมมาถึงจุดเปลี่ยนสำคัญในนาทีที่ 33 เมื่อคริสตัล พาเลซ มาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ เลนี่ โยโร่ กองหลังดาวรุ่งของแมนฯ ยูไนเต็ด เข้าสกัด มาเตต้า จากด้านหลังในเขตโทษจนล้มลง
ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันทีท่ามกลางเสียงโห่ร้องของแฟนบอลทั้งสนาม และไม่มีการเปลี่ยนคำตัดสินหลังการเช็กเหตุการณ์ กองหน้าชาวฝรั่งเศสเจ้าของจังหวะดังกล่าวลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารด้วยตัวเอง ก่อนซัดเข้าไปอย่างเยือกเย็น ไม่เหลือให้ เซนเน่อ ลัมเมนส์ ได้ลุ้น ส่งให้พาเลซออกนำ 1-0 และจบครึ่งแรกด้วยความได้เปรียบของเจ้าถิ่นที่เล่นได้ตามแผนมากกว่าในช่วง 45 นาทีแรกของเกมนี้
ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด พลิกเกมด้วยสองประตูจากลูกฟรีคิก
กลับมาสู่ครึ่งหลัง แมนฯ ยูไนเต็ด จำเป็นต้องยกระดับเกมให้สูงขึ้นหลังจากตามหลังอยู่หนึ่งประตู และสิ่งที่เห็นได้ชัดคือการเคลื่อนที่ของผู้เล่นแดนกลางและแนวรุกที่มีชีวิตชีวามากขึ้น บรูโน่ แฟร์นันด์ส
ถอยลงมาช่วยเชื่อมเกมตั้งแต่กลางสนามมากขึ้น ขณะที่ เมสัน เมาท์ และ โจชัว เซิร์กซี พยายามวิ่งหาช่องว่างระหว่างแนวรับสามตัวของคริสตัล พาเลซ ช่วงต้นครึ่งหลังทีมเยือนครองบอลได้เหนือกว่าและค่อย ๆ กดดันเจ้าบ้านให้ต้องถอยลงไปตั้งรับลึกในแดนตัวเองมากขึ้นเรื่อย ๆ เปิดทางให้ลูกนิ่งของแมนฯ ยูไนเต็ดเริ่มมีบทบาทสำคัญมากขึ้นทีละนิด
นาทีที่ 54 คือจังหวะที่แฟนบอลทีมเยือนรอคอย เมื่อแมนฯ ยูไนเต็ดมาได้ลูกฟรีคิกในระยะที่เหมาะสมสำหรับการเปิดเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษ บรูโน่ แฟร์นันด์ส รับหน้าที่เปิดบอลด้วยเท้าขวา
ลูกลอยโค้งเข้าไปในเขตอันตรายและกลายเป็น โจชัว เซิร์กซี ที่อยู่ในตำแหน่งเหมาะสมหมุนตัวกลับหลังยิงแบบไม่จับส่งบอลพุ่งเข้าเสาแรกอย่างเหนือชั้น แนวรับพาเลซและ ดีน เฮนเดอร์สัน แทบไม่มีเวลาตอบสนอง สกอร์ถูกตีเสมอเป็น 1-1 และโมเมนตัมของเกมก็เริ่มไหลไปทางทีมเยือนอย่างชัดเจนเมื่อความมั่นใจของ แมนฯ ยูไนเต็ด กลับคืนสู่ทีมอย่างรวดเร็วหลังประตูสุดสวยลูกนี้
ความกดดันของเจ้าถิ่นยังไม่จบเพียงเท่านั้น เพราะเพียงเก้านาทีต่อมาในนาทีที่ 63 แมนฯ ยูไนเต็ด ก็มาได้ประตูพลิกแซงแบบสุดเนียนจากลูกฟรีคิกอีกครั้ง ครั้งนี้ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ไม่ได้เลือก
เปิดบอลลอยเข้ากรอบแบบเดิม แต่เขี่ยบอลเปลี่ยนจุดสั้น ๆ ออกทางขวาให้ เมสัน เมาท์ ได้จังหวะวิ่งดันขึ้นมาซัดด้วยเท้าขวาเต็มแรง บอลพุ่งเป็นเส้นตรงเสียบเสาอย่างเด็ดขาด กลายเป็นประตู 2-1 ของทีมเยือนท่ามกลางเสียงดีใจของแฟนบอล “ปีศาจแดง” ที่ตามมาเชียร์ในสนาม และเสียงเงียบงันของแฟนเจ้าบ้านที่เห็นทีมรักโดนพลิกแซงจากสองจังหวะลูกนิ่งในเวลาไม่นาน
ช่วงท้ายเกม พาเลซบุกหนักแต่เจอเกมรับแน่นของปีศาจแดง
หลังจากตกเป็นฝ่ายตามหลัง คริสตัล พาเลซ ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องเดินหน้าเปิดเกมรุกเข้าใส่เต็มกำลัง เพื่อตามหาประตูตีเสมอให้ได้อย่างน้อยหนึ่งลูก โค้ชเจ้าถิ่นปรับหมากเพิ่มความสดในแดนหน้าและแดนกลาง หวังใช้ความเร็วและการเลี้ยงกินตัวของแนวรุกอย่าง อิสไมล่า ซาร์ และ เยเรมี่ ปิโน่ รวมถึงการเข้าทำที่เฉียบคมของ มาเตต้า เป็นตัวสร้างความปั่นป่วนให้แนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด ทว่าทีมเยือนเองก็อ่านเกมออกและถอยลงมาตั้งรับกันอย่างมีระเบียบ ใช้ทั้งประสบการณ์ของ กาเซมีโร่ ในการคุมพื้นที่หน้าเซ็นเตอร์ และการดักจังหวะของ เดอ ลิกต์ กับ ลุค ชอว์ ในการเคลียร์บอลอันตราย
แม้พาเลซจะพยายามครอสบอลจากริมเส้นและหาจังหวะจ่ายทะลุช่องเพื่อเข้าไปลุ้นในกรอบเขตโทษอยู่หลายครั้ง แต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับสามคนของแมนฯ ยูไนเต็ด ให้แตกได้ง่าย ๆ ด้านทีมเยือนเองเมื่อมีโอกาสก็พยายามใช้เกมสวนกลับตอบโต้กลับไป โดยมี เอ็มเบอโม่ และ เมาท์ เป็นสองจุดพักบอลที่ช่วยดึงเกมรุกจากแดนกลางขึ้นไปข้างหน้า ช่วงท้ายเกมรูปการณ์จึงกลายเป็นพาเลซที่ครองบอลมากกว่าแต่ยังไม่เฉียบคมพอจะเปลี่ยนโอกาสให้กลายเป็นประตูเพิ่มได้ ขณะที่แมนฯ ยูไนเต็ดแสดงให้เห็นถึงความนิ่งในการปิดเกมและรักษาสกอร์ จนกระทั่งเสียงนกหวีดสุดท้ายดังขึ้นจบเกมที่สกอร์ 2-1 ตามที่พวกเขาต้องการ
วิเคราะห์แท็คติกและรูปแบบการเล่นของทั้งสองทีม
รูปแบบการเล่นของคริสตัล พาเลซ
คริสตัล พาเลซ เลือกใช้ระบบ 3-4-3 ซึ่งเน้นความยืดหยุ่นทั้งเกมรุกและเกมรับ แผงหลังสามคนอย่าง คริส ริชาร์ดส์, มักซ็องซ์ ลาครัวซ์ และ มาร์ค เกฮี ช่วยกันปิดช่องว่างตรงกลางและคอยซ้อน
ให้กันเมื่อฟูลแบ็กดันขึ้นไปสูง ด้านวิงแบ็กอย่าง ดาเนียล มูนญอซ และ ไทริค มิตเชลล์ มีบทบาทสำคัญในการเติมเกมริมเส้นพร้อมกลับลงมาช่วยเป็นแนวรับในจังหวะเสียบอล แดนกลางที่มี อดัม วาร์ตัน และ ไดจิ คามาดะ คอยเชื่อมเกม ช่วยให้พาเลซสามารถเปลี่ยนจากเกมรับเป็นเกมรุกได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ในช่วงต้นเกมพวกเขาดูอันตรายและกดดัน แมนฯ ยูไนเต็ด ได้อย่างชัดเจน
อย่างไรก็ตามเมื่อสกอร์เปลี่ยนมาเป็นฝ่ายตาม พาเลซกลับต้องเจอปัญหาเรื่องการรับมือกับลูกนิ่งของคู่แข่ง โดยเฉพาะการยืนตำแหน่งระหว่างแนวรับกับพื้นที่เสาแรกและเสาสองที่ปล่อยให้ตัวรุกของแมนฯ ยูไนเต็ด
เข้าทำได้ค่อนข้างสะดวก นอกจากนี้การที่ทีมถอยลงมาตั้งรับลึกเกินไปในช่วงต้นครึ่งหลัง ทำให้พื้นที่แดนกลางเริ่มถูกทีมเยือนคุมเกมได้มากขึ้น ส่งผลให้เจ้าถิ่นต้องไล่บอลมากกว่าเล่นบอล เมื่อถึงช่วงท้ายเกมแม้จะยกระดับเกมรุกขึ้นมาใหม่แต่ความเฉียบคมก็เริ่มลดลง บทสรุปจึงออกมาในรูปแบบของทีมที่เริ่มต้นเกมได้ดีแต่ไม่สามารถปิดงานได้จนต้องเสียสามแต้มในบ้านของตัวเองในท้ายที่สุด
รูปแบบการเล่นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด
ฝั่งแมนฯ ยูไนเต็ด ใช้ระบบ 3-4-3 เช่นกัน โดยมี เซนเน่อ ลัมเมนส์ เป็นผู้รักษาประตู ยืนหลังสามด้วย เลนี่ โยโร่, มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์ และ ลุค ชอว์ แดนกลางเป็นหน้าที่ของ อาหมัด ดิยัลโล่ และ ดีโอโก้ ดาโลต์
ที่ขยับไปมาในบทบาทวิงแบ็ก ขณะที่ กาเซมีโร่ ยืนคู่กับ บรูโน่ แฟร์นันด์ส คอยควบคุมจังหวะเกม และด้านหน้ามี ไบรอัน เอ็มเบอโม่, โจชัว เซิร์กซี และ เมสัน เมาท์ คอยสร้างสรรค์จังหวะรุก แม้ในครึ่งแรกการประสานงานอาจยังไม่ลงตัวมากนัก แต่ในครึ่งหลังการปรับตำแหน่งของบรูโน่ให้มีพื้นที่ในการออกบอลและการวิ่งทำทางของกองหน้าก็ทำให้ทีมสร้างความแตกต่างได้อย่างชัดเจน
จุดแข็งที่เห็นได้ชัดคือการใช้ลูกตั้งเตะและลูกฟรีคิกอย่างมีประสิทธิภาพ จนกลายเป็นที่มาของทั้งสองประตูสำคัญในเกมนี้ แสดงให้เห็นถึงการเตรียมแท็คติกในรายละเอียดของทีมงานสตาฟฟ์
โค้ชที่มองเห็นจุดอ่อนของแนวรับพาเลซในเรื่องการจัดการบอลกลางอากาศและการบล็อกระยะยิงบริเวณหัวกระโหลกเขตโทษ นอกจากนี้เมื่อทีมสามารถแซงขึ้นนำได้แล้ว รูปแบบการเล่นก็ผ่อนลงอย่างเป็นระบบ ถอยมาเน้นการเติมเกมรับและใช้ประสบการณ์ของนักเตะอย่าง กาเซมีโร่ หรือ เดอ ลิกต์ เป็นแกนในการอ่านเกมและเคลียร์บอลอันตราย จนทำให้ทีมสามารถรักษาสกอร์ 2-1 เอาไว้ได้จนจบเกม
ผู้เล่นเด่นและจุดเปลี่ยนของเกม
บรูโน่ แฟร์นันด์ส หัวใจเกมรุกและคนออกแบบสองประตูสำคัญ
แม้ในใบสกอร์จะไม่มีชื่อ บรูโน่ แฟร์นันด์ส เป็นผู้ทำประตู แต่บทบาทของเขาในเกมนี้กลับโดดเด่นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะการรับผิดชอบลูกฟรีคิกที่กลายเป็นจุดเปลี่ยนให้ แมนฯ ยูไนเต็ด
พลิกสถานการณ์กลับมาชนะได้ทั้งสองประตู จังหวะแรกเขาเปิดบอลอย่างแม่นยำให้เซิร์กซีมีจังหวะกลับตัวยิง ส่วนจังหวะที่สองเลือกเล่นเซ็ตเพลย์สั้นให้เมาท์วิ่งมากดเต็มข้อ เรียกได้ว่าเป็นคนวางแผนทั้งจังหวะลอยตัวและจังหวะยิงไกล นอกจากนั้นการคุมจังหวะเกมในแดนกลางและการกระจายบอลออกริมเส้นของเขาก็ช่วยให้ทีมเยือนสามารถตั้งเกมบุกได้อย่างมีทิศทางในช่วงที่กำลังต้องการประตูอย่างยิ่งในครึ่งหลังของเกมนี้
โจชัว เซิร์กซี และเมสัน เมาท์ คู่ฮีโร่ผู้ปลุกปีศาจแดง
สองคนที่ต้องถูกพูดถึงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ในเกมนี้คือ โจชัว เซิร์กซี และ เมสัน เมาท์ ซึ่งต่างมีชื่อบนสกอร์บอร์ดและเป็นคนรับผิดชอบการจบสกอร์ที่เฉียบขาด เซิร์กซีแสดงให้เห็นถึงสัญชาตญาณกองหน้าที่ดีเยี่ยมเมื่อใช้ช่วงเวลาเพียงเสี้ยววินาทีหมุนตัวกลับหลังยิงเสาแรกอย่างเหนือชั้น ขณะที่เมาท์ก็ไม่ยอมน้อยหน้าเมื่อได้โอกาสจากเซ็ตเพลย์ เขาวิ่งมาซัดเต็มข้อส่งบอลพุ่งเสียบเสาอย่างสวยงามทั้งจังหวะและรูปแบบการยิง
ทั้งสองประตูนี้ไม่เพียงแต่ช่วยให้ทีมได้สามคะแนน แต่ยังช่วยเรียกความมั่นใจให้กับทั้งเซิร์กซีและเมาท์ในการเดินหน้าทำผลงานให้ดียิ่งขึ้นในเกมถัดไปอีกด้วย
ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ดาวยิงเจ้าถิ่นที่สร้างปัญหาให้แนวรับแมนยูตลอดเกม
แม้ผลการแข่งขันจะไม่เป็นใจให้คริสตัล พาเลซ แต่ผลงานส่วนตัวของ ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า ถือว่าน่าชื่นชมไม่น้อย เขาเป็นคนสร้างโอกาสสำคัญให้ทีมตั้งแต่ช่วงต้นเกมด้วยจังหวะหลุดไปซัดเข้าข้างตาข่าย ก่อนจะมาทำหน้าที่เรียกจุดโทษและสังหารเองอย่างเยือกเย็นเป็นประตูขึ้นนำ 1-0 ให้กับเจ้าบ้าน การเคลื่อนที่ของเขาทำให้แนวรับ แมนฯ ยูไนเต็ด โดยเฉพาะ เลนี่ โยโร่ ต้องเจองานหนักอยู่ตลอดเวลา และความแข็งแกร่งในจังหวะปะทะของเขาก็ช่วยดึงตัวประกบออกจากพื้นที่ ทำให้เพื่อนร่วมทีมมีช่องว่างในการเข้าทำเพิ่มเติมอยู่เสมอ หากพาเลซมีคู่ต่อกรในแนวรุกที่จบสกอร์ได้คมขึ้นอีกเพียงเล็กน้อย ผลลัพธ์ของเกมนี้อาจไม่ใช่การพ่ายแพ้ก็เป็นได้
รายชื่อผู้เล่นและระบบการเล่นของทั้งสองทีม
รายชื่อ 11 ตัวจริง คริสตัล พาเลซ (ระบบ 3-4-3)
| ตำแหน่ง | ผู้เล่น |
|---|---|
| ผู้รักษาประตู | ดีน เฮนเดอร์สัน |
| กองหลัง | คริส ริชาร์ดส์, มักซ็องซ์ ลาครัวซ์, มาร์ค เกฮี |
| วิงแบ็กและกองกลาง | ดาเนียล มูนญอซ, อดัม วาร์ตัน, ไดจิ คามาดะ, ไทริค มิตเชลล์ |
| กองหน้า | อิสไมล่า ซาร์, ฌอง-ฟิลิปป์ มาเตต้า, เยเรมี่ ปิโน่ |
รายชื่อ 11 ตัวจริง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด (ระบบ 3-4-3)
| ตำแหน่ง | ผู้เล่น |
|---|---|
| ผู้รักษาประตู | เซนเน่อ ลัมเมนส์ |
| กองหลัง | เลนี่ โยโร่, มาต์ไตส์ เดอ ลิกต์, ลุค ชอว์ |
| วิงแบ็กและกองกลาง | อาหมัด ดิยัลโล่, กาเซมีโร่, บรูโน่ แฟร์นันด์ส, ดีโอโก้ ดาโลต์ |
| กองหน้า | ไบรอัน เอ็มเบอโม่, โจชัว เซิร์กซี, เมสัน เมาท์ |
ความหมายของผลการแข่งขันต่อทั้งสองทีม
แมนฯ ยูไนเต็ด ขยับขึ้นที่ 6 เพิ่มความมั่นใจบนเส้นทางลุ้นพื้นที่ยุโรป
ชัยชนะในเกมนี้ทำให้ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด มีเพิ่มเป็น 21 คะแนน และขยับขึ้นไปอยู่ในอันดับที่ 6 ของตารางคะแนนพรีเมียร์ลีก ซึ่งถือเป็นก้าวสำคัญในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของฤดูกาล
การเก็บสามแต้มจากเกมเยือนคู่แข่งที่เล่นในบ้านได้ดีอย่างคริสตัล พาเลซ ไม่เพียงตอกย้ำว่าทีมกำลังเดินมาถูกทางในแง่ของแท็คติกและสภาพจิตใจ แต่ยังช่วยปลดปล่อยแรงกดดันสะสมที่มีต่อทีมและตัวกุนซือเองอีกด้วย อีกทั้งฟอร์มของผู้เล่นอย่าง เซิร์กซี และเมาท์ ที่เริ่มผลิตประตูในเกมสำคัญได้ จะยิ่งช่วยเพิ่มความมั่นใจและตัวเลือกในเกมรุกให้กับทีมในนัดต่อ ๆ ไปบนเส้นทางลุ้นพื้นที่ฟุตบอลยุโรปที่ยังยาวไกลอยู่ข้างหน้า
คริสตัล พาเลซ พลาดสามแต้มในบ้านแต่ยังได้บทเรียนสำคัญ
สำหรับคริสตัล พาเลซ เกมนี้อาจจบลงด้วยผลการแข่งขันที่น่าผิดหวัง แต่ก็เต็มไปด้วยประเด็นให้ทีมงานและนักเตะนำกลับไปทบทวน ทั้งในแง่การรักษาสกอร์เมื่อขึ้นนำ ความรัดกุมในการป้องกันลูกตั้งเตะ
และการแก้เกมเมื่อถูกคู่แข่งพลิกสถานการณ์ การเล่นในครึ่งแรกแสดงให้เห็นว่าพวกเขาสามารถสร้างโอกาสและกดดันทีมใหญ่อย่างแมนฯ ยูไนเต็ดได้อย่างมีคุณภาพ เพียงแต่ความผิดพลาดเล็ก ๆ ในบางจังหวะ โดยเฉพาะจังหวะลูกฟรีคิก ทำให้ต้องเสียประตูสำคัญ เมื่อสามารถกลับไปปรับจูนรายละเอียดเหล่านี้ได้ ก็มีโอกาสสูงที่พาเลซจะกลับมาเป็นทีมที่เก็บแต้มในบ้านได้อย่างเหนียวแน่นอีกครั้ง
และพร้อมสร้างปัญหาให้กับทุกทีมที่ต้องเดินทางมาเยือนเซลเฮิร์สต์ พาร์ค ในอนาคต