ศึกจ้าวมวยไทย ถือเป็นอีกหนึ่งรายการที่แฟนมวยไทยติดตามอย่างใกล้ชิด เพราะเต็มไปด้วยนักชกคุณภาพที่ต่างพร้อมพิสูจน์ฝีมือบนสังเวียน ทั้งการชั่งน้ำหนักที่แม่นยำและการวิเคราะห์ความพร้อมของนักมวยแต่ละคน บทความนี้จะนำเสนอผลการชั่งน้ำหนักและการวิเคราะห์อย่างละเอียดครบทุกคู่ เพื่อให้แฟนมวยไทยได้เห็นมุมมองเชิงลึกก่อนขึ้นชกจริง
มวยวันนี้ ศึกจ้าวมวยไทย 30/08/68
โปรแกรมการแข่งขันศึกจ้าวมวยไทย
วันเสาร์ที่ 30 สิงหาคม 2568
ณ เวทีมวยสยามอ้อมน้อย เวลา 12.15 น.
อัพเดตข่าวสาร ตารางมวย พร้อมลิ้งก์ดูมวยสด ที่นี่
คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ |
---|---|---|---|---|---|---|
1 | เสือเกนส์ ช.โชคเจริญการช่าง | 143 ปอนด์ | 143.2 (เกิน 0.2) | แก่นเพชร สิงห์มณีชัย | 143 ปอนด์ | 141.6 (ขาด 1.4) |
2 | ชูทรัพย์เล็ก ต.อิทธิพร | 154 ปอนด์ | ตามพิกัด | บุญเลิศ ส.บุญมีฤทธิ์ | 154 ปอนด์ | ตามพิกัด |
3 | ยอดศีลา ช.ห้าพยัคฆ์ | 119 ปอนด์ | 118.8 (ขาด 0.2) | ชูทรัพย์ ส.สละชีพ | 119 ปอนด์ | 118.8 (ขาด 0.2) |
4 | หยกเพชร ศิษย์ผู้ใหญ่คำหล้า | 120 ปอนด์ | 118.8 (ขาด 1.2) | ชนแดนเล็ก ส.สำอางค์ยิม | 120 ปอนด์ | 120.8 (เกิน 0.8) |
คู่ที่ 1 : เสือเกนส์ ช.โชคเจริญการช่าง vs แก่นเพชร สิงห์มณีชัย
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 เสือเกนส์ ช.โชคเจริญการช่าง พิกัด 143 ปอนด์ ชั่งได้ 143.2 ปอนด์ (เกิน 0.2 ปอนด์)
-
🔵 แก่นเพชร สิงห์มณีชัย พิกัด 143 ปอนด์ ชั่งได้ 141.6 ปอนด์ (ขาด 1.4 ปอนด์)
วิเคราะห์
คู่นี้เป็นการประเดิมศึกได้อย่างดุเดือด ฝ่ายแดงอย่างเสือเกนส์มีน้ำหนักเกินเล็กน้อย ขณะที่แก่นเพชรขาดไปมากถึง 1.4 ปอนด์ การชั่งน้ำหนักที่แตกต่างกันทำให้ฝ่ายแดงอาจมีพละกำลังที่เหนือกว่า แต่ก็ต้องแลกกับการลดน้ำหนักที่มาก่อนหน้า ในขณะที่ฝ่ายน้ำเงินอาจได้เปรียบในด้านความคล่องตัวและความเร็ว การชกครั้งนี้จึงเป็นการดวลกันระหว่างพลังปะทะกับการเคลื่อนไหวอันรวดเร็วที่น่าจับตามอง
คู่ที่ 2 : ชูทรัพย์เล็ก ต.อิทธิพร vs บุญเลิศ ส.บุญมีฤทธิ์
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 ชูทรัพย์เล็ก ต.อิทธิพร พิกัด 154 ปอนด์ ชั่งได้ตามพิกัด
-
🔵 บุญเลิศ ส.บุญมีฤทธิ์ พิกัด 154 ปอนด์ ชั่งได้ตามพิกัด
วิเคราะห์
คู่ที่สองนี้ถือว่าเป็นการชกที่มีความสมดุลที่สุด เพราะทั้งสองฝ่ายสามารถชั่งได้ตรงตามพิกัดเป๊ะ ไม่มีฝ่ายใดเสียเปรียบด้านน้ำหนักเลย ความพร้อมทางร่างกายถือว่าสมบูรณ์แบบ ทำให้ไฟท์นี้น่าจะเป็นเกมที่เน้นทักษะ ฝีมือ และการออกอาวุธมากกว่าเรื่องความได้เปรียบเชิงน้ำหนัก แฟนมวยจะได้เห็นการชกที่ดุเดือดและเต็มไปด้วยจังหวะอันแม่นยำอย่างแน่นอน
คู่ที่ 3 : ยอดศีลา ช.ห้าพยัคฆ์ vs ชูทรัพย์ ส.สละชีพ
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 ยอดศีลา ช.ห้าพยัคฆ์ พิกัด 119 ปอนด์ ชั่งได้ 118.8 ปอนด์ (ขาด 0.2 ปอนด์)
-
🔵 ชูทรัพย์ ส.สละชีพ พิกัด 119 ปอนด์ ชั่งได้ 118.8 ปอนด์ (ขาด 0.2 ปอนด์)
วิเคราะห์
ทั้งสองฝ่ายต่างชั่งได้ขาดพิกัดเท่ากันที่ 0.2 ปอนด์ ถือเป็นความบังเอิญที่ทำให้ไฟท์นี้สมดุลยิ่งขึ้น การขาดเพียงเล็กน้อยไม่น่าจะส่งผลต่อสภาพร่างกาย แต่สิ่งที่น่าติดตามคือการชกที่น่าจะสูสีแบบสุด ๆ เพราะทั้งคู่ต่างมีพื้นฐานและสไตล์ที่แข็งแกร่ง การชกครั้งนี้อาจต้องตัดสินกันด้วยความแม่นยำ ความทนทาน และการอ่านเกมในช่วงยกท้าย
คู่ที่ 4 : หยกเพชร ศิษย์ผู้ใหญ่คำหล้า vs ชนแดนเล็ก ส.สำอางค์ยิม
รายละเอียดการชั่งน้ำหนัก
-
🔴 หยกเพชร ศิษย์ผู้ใหญ่คำหล้า พิกัด 120 ปอนด์ ชั่งได้ 118.8 ปอนด์ (ขาด 1.2 ปอนด์)
-
🔵 ชนแดนเล็ก ส.สำอางค์ยิม พิกัด 120 ปอนด์ ชั่งได้ 120.8 ปอนด์ (เกิน 0.8 ปอนด์)
วิเคราะห์
คู่ปิดท้ายรายการนี้ถือว่าน่าสนใจมาก เพราะเป็นการเจอกันของนักชกที่ต่างมีจุดแข็งที่แตกต่างกัน ฝ่ายแดงขาดพิกัดไป 1.2 ปอนด์ ซึ่งอาจได้เปรียบเรื่องความเร็วและความคล่องแคล่ว ส่วนฝ่ายน้ำเงินกลับเกินพิกัดไป 0.8 ปอนด์ อาจมีความได้เปรียบด้านแรงปะทะและพลังหมัดมากกว่า เกมนี้จึงถือเป็นการเจอกันของ “ความเร็ว vs พละกำลัง” ที่ยากจะคาดเดาผลลัพธ์ได้
สรุปภาพรวมศึกจ้าวมวยไทย
จากการชั่งน้ำหนักใน ศึกจ้าวมวยไทย ทั้ง 4 คู่ จะเห็นได้ว่าโดยรวมแล้วนักชกต่างควบคุมน้ำหนักได้ดี มีเพียงบางรายที่เกินหรือขาดไปเล็กน้อย แต่ไม่ส่งผลต่อการขึ้นชกจริงมากนัก จุดเด่นของรายการนี้อยู่ที่ความสมดุลและความสูสีระหว่างคู่ชก โดยเฉพาะคู่ที่ 2 และคู่ที่ 3 ที่มีน้ำหนักใกล้เคียงกันอย่างมาก ทำให้แฟนมวยสามารถคาดหวังได้ถึงไฟท์ที่ดุเดือด ตื่นเต้น และเต็มไปด้วยการแลกหมัดแบบถึงพริกถึงขิง