ศึกจ้าวมวยไทย ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ที่เวทีสยามอ้อมน้อย ถือเป็นหนึ่งในรายการมวยไทยยอดนิยมประจำสัปดาห์ที่แฟนหมัดมวยรอชมกันอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยโปรแกรมมวยที่จัดเต็มถึง 5 คู่ เน้นคู่ชกที่รูปร่างใกล้เคียงกันและรูปแบบการชกหลากหลาย ทำให้ศึกจ้าวมวยไทยวันนี้มีสีสันทั้งด้านเชิงมวยและอารมณ์ร่วมของผู้ชม พร้อมเปิดสังเวียนตั้งแต่เวลา 12.15 น. เอาใจคอมวยที่ต้องการวิเคราะห์ก่อนแทงและชมมวยไปพร้อมกันอย่างเต็มอรรถรส

โปรแกรมมวย ศึกจ้าวมวยไทย 22 พฤศจิกายน 2568 : วิเคราะห์ครบทุกคู่ เวทีสยามอ้อมน้อย

ภาพรวมศึกจ้าวมวยไทย วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568

สำหรับศึกจ้าวมวยไทย ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นี้ จัดขึ้นที่เวทีสยามอ้อมน้อยอันเป็นสนามมวยชื่อดังที่คอมวยคุ้นเคยกันดี บรรยากาศของเวทีแห่งนี้ขึ้นชื่อเรื่องความดุเดือดของเกมการชกและเสียงเชียร์ที่เร้าใจจากกองเชียร์ทั้งสองฝั่ง รายการวันนี้ประกอบไปด้วยนักมวยดาวรุ่งผสมผสานกับนักมวยประสบการณ์สูง ทำให้ศึกจ้าวมวยไทยครั้งนี้มีทั้งมวยเปิดหัว มวยพิกัดใหญ่ และคู่ปิดท้ายที่น่าติดตามทุกคู่แบบไม่มีช่วงให้ได้พักหายใจ

ตารางการแข่งขัน ศึกจ้าวมวยไทย เวทีสยามอ้อมน้อย

ก่อนจะเข้าสู่รายละเอียดเชิงลึกของการวิเคราะห์มวย เรามาดูภาพรวมโปรแกรมการชกในศึกจ้าวมวยไทย เวทีสยามอ้อมน้อย วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 กันก่อน โดยตารางต่อไปนี้สรุปข้อมูลคู่ชก พิกัดน้ำหนัก และผลการชั่งน้ำหนักอย่างชัดเจน เพื่อให้แฟนมวยได้ใช้เป็นข้อมูลอ้างอิงในการติดตามรับชม พร้อมใช้ต่อยอดในการวิเคราะห์แนวโน้มของแต่ละคู่ได้อย่างสะดวกครบถ้วน

คู่ที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้ หมายเหตุ
คู่ที่ 1 ชาติก้องไกร อภิชาติมวยไทยยิม 100.0 ตามพิกัด ไก่ฟ้า สวนอาหารปีกไม้ 100.0 ตามพิกัด คู่เปิดหัว พิกัดเท่ากันทั้งสองฝ่าย
คู่ที่ 2 พลังทรัพย์ ลานนาโฮมสเตแอนเรสเตอร์รอง 121.0 ต้องลด 0.4 ปอนด์ ณรงค์ฤทธิ์ ลูกกรมหลวง 121.0 ตามพิกัด แดงเกินนิดหน่อย ต้องเร่งลดน้ำหนัก
คู่ที่ 3 แก่นเพชร สิงห์มณีชัย 140.0 ขาด 0.4 ปอนด์ ยอดซุปเปอร์ ลูกเจ้าแม่สายวารี 141.0 ขาด 0.4 ปอนด์ พิกัดใหญ่ ทั้งคู่ชั่งขาดเล็กน้อย
คู่ที่ 4 วังจั่นเล็ก บี.เอส.มวยไทย 132.0 ต้องลด 0.2 ปอนด์ เพชรสองภาค เพชรหนองจิก 132.0 ตามพิกัด แดงต้องเค้นน้ำหนักลงเล็กน้อย
คู่ที่ 5 เด่นดาวลอย ท่าแซะยาสัตว์ 114.0 ตามพิกัด สิงห์คีรี ป.เพชรไข่แก้ว 114.0 ขาด 0.2 ปอนด์ คู่ปิดท้าย ศึกจ้าวมวยไทย วันนี้

จากตารางการแข่งขันของศึกจ้าวมวยไทย จะเห็นได้ว่าทุกคู่ถูกจับพิกัดน้ำหนักใกล้เคียงกันอย่างสมดุล มีทั้งกรณีนักมวยที่ชั่งได้ตามพิกัดเป๊ะและบางรายที่เกินหรือต่ำกว่าน้ำหนักเล็กน้อย ซึ่งรายละเอียดเหล่านี้มีผลต่อสภาพร่างกายและความได้เปรียบเสียเปรียบในเกมบนเวที แฟนมวยที่ติดตามศึกจ้าวมวยไทยอย่างจริงจังจึงมักใช้ข้อมูลจากการชั่งน้ำหนักร่วมกับสไตล์การชกของแต่ละคนในการประเมินโอกาสก่อนตัดสินใจเชียร์หรือเล่นมวย

วิเคราะห์คู่มวย ศึกจ้าวมวยไทย 22 พฤศจิกายน 2568

เข้าสู่ช่วงสำคัญของบทความนี้ นั่นคือการวิเคราะห์คู่มวยในศึกจ้าวมวยไทย ทั้ง 5 คู่ประจำวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 การวิเคราะห์จะพิจารณาจากปัจจัยด้านรูปร่าง พิกัดน้ำหนัก สไตล์การชก และผลการชั่งน้ำหนักที่อาจมีผลต่อแรงปลายและจังหวะเกม แม้บางข้อมูลเชิงลึกอย่างสถิติไฟต์ก่อนหน้าอาจต้องอัปเดตเพิ่มเติม แต่ภาพรวมของศึกจ้าวมวยไทยวันนี้ก็ยังชัดเจนว่าทุกคู่มีโอกาสลุ้นพลิกได้ทุกยก

คู่ที่ 1 ชาติก้องไกร อภิชาติมวยไทยยิม vs ไก่ฟ้า สวนอาหารปีกไม้ (พิกัด 100 ปอนด์)

คู่เปิดหัวของศึกจ้าวมวยไทย เป็นการพบกันในพิกัด 100 ปอนด์ระหว่าง ชาติก้องไกร จากค่ายอภิชาติมวยไทยยิม และ ไก่ฟ้า จากสวนอาหารปีกไม้ ทั้งสองฝ่ายชั่งได้ตามพิกัดแบบไม่มีปัญหา แสดงถึงการเตรียมร่างกายที่ดีและการคุมอาหารที่มีวินัย ความสดและความเร็วจะเป็นปัจจัยสำคัญในพิกัดเล็กแบบนี้ ซึ่งศึกจ้าวมวยไทยมักใช้คู่เปิดหัวเป็นคู่ที่เดินชกสนุกเร้าใจ เพื่อเรียกบรรยากาศในสนามตั้งแต่ยกแรก

ชาติก้องไกรในภาพรวมมักโดดเด่นด้านเชิงมวยและจังหวะออกแข้งที่ค่อนข้างคม สามารถใช้เกมวงนอกคุมระยะได้ดี ส่วนไก่ฟ้าจากสวนอาหารปีกไม้มีจุดเด่นตรงความขยันเดินเข้าหา พยายามบี้วงในและใช้หมัดสลับแข้งเพื่อบีบให้คู่ต่อสู้เสียจังหวะ ในศึกจ้าวมวยไทยครั้งนี้ หากชาติก้องไกรคุมระยะและไม่ยืนรับแลกมากเกินไปก็มีโอกาสทำคะแนนได้ชัดเจน แต่ถ้าปล่อยให้ไก่ฟ้าเกาะติดเล่นวงในบ่อย ๆ ความแข็งแกร่งและแรงเชียร์อาจทำให้เกมพลิกได้ทุกเมื่อ

คู่ที่ 2 พลังทรัพย์ ลานนาโฮมสเตแอนเรสเตอร์รอง vs ณรงค์ฤทธิ์ ลูกกรมหลวง (พิกัด 121 ปอนด์)

คู่ที่สองของศึกจ้าวมวยไทย เป็นการชกในพิกัด 121 ปอนด์ระหว่าง พลังทรัพย์ จากลานนาโฮมสเตแอนเรสเตอร์รอง และ ณรงค์ฤทธิ์ จากลูกกรมหลวง ในรอบชั่งน้ำหนัก พลังทรัพย์ชั่งได้เกินเล็กน้อยต้องลด 0.4 ปอนด์ ขณะที่ณรงค์ฤทธิ์ชั่งได้ตามพิกัดอย่างเรียบร้อย เรื่องการเร่งเค้นน้ำหนักก่อนวันชกอาจมีผลต่อสภาพร่างกายของพลังทรัพย์เล็กน้อย โดยเฉพาะในช่วงยกท้าย ๆ ที่ต้องใช้แรงปลายอย่างหนักบนเวทีศึกจ้าวมวยไทย

พลังทรัพย์เป็นมวยที่มีสไตล์แข็งแกร่ง เดินบดและออกอาวุธแบบไม่กลัวเจ็บ ถ้าสภาพร่างกายสมบูรณ์จะเป็นมวยที่น่ากลัวในช่วงกลางถึงปลายยก ส่วนณรงค์ฤทธิ์จากลูกกรมหลวงมักมีจุดเด่นด้านความเป็นมวยฝีมือ เน้นจังหวะสองและการโต้กลับที่แม่นยำ การชั่งได้ตามพิกัดช่วยให้เขาไม่ต้องเค้นน้ำหนักมากนัก ทำให้ในศึกจ้าวมวยไทยวันนี้ ณรงค์ฤทธิ์อาจดูสดกว่าช่วงปลายยก หากพลังทรัพย์เร่งปิดเกมไม่ได้ในช่วงต้น ก็มีโอกาสโดนแซงคะแนนได้เช่นกัน

คู่ที่ 3 แก่นเพชร สิงห์มณีชัย vs ยอดซุปเปอร์ ลูกเจ้าแม่สายวารี (พิกัด 140–141 ปอนด์)

คู่ที่สามถือเป็นหนึ่งในคู่พิกัดใหญ่ของศึกจ้าวมวยไทย ครั้งนี้ แก่นเพชร จากสิงห์มณีชัยลงในพิกัด 140 ปอนด์ ชั่งได้ขาด 0.4 ปอนด์ ส่วนยอดซุปเปอร์ ลูกเจ้าแม่สายวารี ลงในพิกัด 141 ปอนด์ ชั่งได้ขาด 0.4 ปอนด์เช่นกัน สถานการณ์นี้สะท้อนว่าทั้งคู่มีการคุมร่างกายแบบไม่ตึงเกินไป อาจทำให้ดูคล่องตัวและเคลื่อนไหวได้ดีในสังเวียน แต่ก็ต้องระวังเรื่องความแข็งแรงในการปะทะระยะประชิด เพราะน้ำหนักที่ขาดไปเล็กน้อยอาจส่งผลต่อแรงปะทะในช่วงออกอาวุธหนัก ๆ

ในเชิงเทคนิค แก่นเพชรมักเป็นมวยที่ใช้แข้งยาวและเข่าคุมเกมพอสมควร หากได้จังหวะยืนระยะกลางสามารถใช้ลูกเตะต่อยผสมศอกสร้างความกดดันได้อย่างต่อเนื่อง ขณะที่ยอดซุปเปอร์จากลูกเจ้าแม่สายวารีขึ้นชื่อเรื่องความดุดันและใจสู้ บ่อยครั้งเลือกเดินเข้าหาพร้อมเปิดเกมแลกแบบไม่กลัวโดน ศึกจ้าวมวยไทยคู่นี้จึงมีโอกาสเป็นคู่มันส์ของรายการ หากใครคุมสมาธิและไม่หลุดไปเล่นเกมแลกแบบเปิดช่องมากเกินไปก็มีโอกาสทำคะแนนนำและคุมเกมได้ตั้งแต่กลางยกเป็นต้นไป

คู่ที่ 4 วังจั่นเล็ก บี.เอส.มวยไทย vs เพชรสองภาค เพชรหนองจิก (พิกัด 132 ปอนด์)

คู่ที่สี่ในศึกจ้าวมวยไทย เป็นการพบกันระหว่าง วังจั่นเล็ก จากบี.เอส.มวยไทย และ เพชรสองภาค จากเพชรหนองจิก ในพิกัด 132 ปอนด์ โดยวังจั่นเล็กชั่งได้เกินเล็กน้อยต้องลด 0.2 ปอนด์ ส่วนเพชรสองภาคชั่งได้ตามพิกัดอย่างไม่มีปัญหา การต้องเร่งลดน้ำหนักแม้เพียงเล็กน้อยอาจมีผลด้านความสดอยู่บ้าง แต่ในภาพรวมถือว่ายังอยู่ในระดับที่มวยอาชีพคุ้นเคย ทำให้คู่นี้ยังคาดเดาได้ยากและมีโอกาสสูสีตลอดการชก

สไตล์ของวังจั่นเล็กมักเป็นมวยที่มีลูกเตะต่อยหนักแน่นพอสมควร พร้อมกับการใช้วงในบี้เข่าถ้าอยู่ใกล้ระยะตัว ส่วนเพชรสองภาคมักเน้นเชิงมวยและการอ่านเกม ถ้ามีพื้นที่ขยับสามารถใช้ลูกถีบและแข้งยาวตัดจังหวะได้อย่างดี ในศึกจ้าวมวยไทยคู่นี้ ใครที่สามารถกำหนดรูปแบบเกมให้เข้าทางตัวเองได้ก่อนจะได้เปรียบ หากวังจั่นเล็กบี้กดดันให้เป็นเกมเดินชน เพชรสองภาคอาจต้องพึ่งความแม่นของแข้งและศอกเพื่อชิงคะแนนในจังหวะสองให้ได้ชัดที่สุด

คู่ที่ 5 เด่นดาวลอย ท่าแซะยาสัตว์ vs สิงห์คีรี ป.เพชรไข่แก้ว (พิกัด 114 ปอนด์)

คู่ที่ห้าซึ่งเป็นคู่ปิดท้ายของศึกจ้าวมวยไทย ครั้งนี้ เป็นการชกในพิกัด 114 ปอนด์ระหว่าง เด่นดาวลอย จากท่าแซะยาสัตว์ และ สิงห์คีรี จาก ป.เพชรไข่แก้ว เด่นดาวลอยชั่งได้ตามพิกัดแบบเป๊ะ ขณะที่สิงห์คีรีชั่งได้ขาด 0.2 ปอนด์ ซึ่งบ่งบอกว่าน้ำหนักไม่ได้ตึงมากและน่าจะเคลื่อนไหวได้คล่องตัว การเป็นคู่ปิดท้ายรายการมักมาพร้อมความคาดหวังจากแฟนมวยว่าต้องชกสนุก เดินแลก และมีจังหวะดราม่าให้ได้ลุ้นตลอดทั้งห้ายก

เด่นดาวลอยมีแนวโน้มเป็นมวยที่ครบเครื่องในระดับหนึ่ง อาวุธหลากหลายและอ่านเกมได้ดี ถ้าคุมกลางเวทีได้จะสามารถค่อย ๆ เก็บคะแนนด้วยแข้งและหมัดอย่างเป็นระบบ ส่วนสิงห์คีรีแม้จะชั่งน้ำหนักขาดเล็กน้อย แต่จุดเด่นคือความคล่องตัวและจังหวะขยับหนีหลบที่ดี ทำให้ในศึกจ้าวมวยไทยคู่นี้ เกมอาจกลายเป็นการวัดกันระหว่างความแน่นอนของเด่นดาวลอย กับจังหวะเร็วและการโอเวอร์มูฟของสิงห์คีรี ซึ่งหากใครผิดพลาดในจังหวะรับเพียงครั้งเดียวอาจทำให้รูปมวยเปลี่ยนไปทั้งไฟต์ได้เลยทีเดียว

แนะนำค่ายมวยและสังกัดของนักมวยในรายการ

หนึ่งในเสน่ห์ของศึกจ้าวมวยไทย คือการได้เห็นการผลักดันนักมวยจากหลากหลายค่ายทั้งในเมืองและต่างจังหวัด ขึ้นมาวัดฝีมือกันบนเวทีสยามอ้อมน้อย ในรายการวันนี้ เราได้เห็นชื่อของค่ายอย่าง อภิชาติมวยไทยยิม, สวนอาหารปีกไม้, ลานนาโฮมสเตแอนเรสเตอร์รอง, ลูกกรมหลวง, สิงห์มณีชัย และ ลูกเจ้าแม่สายวารี รวมถึงค่ายที่คอมวยคุ้นชื่อกันดีอย่าง บี.เอส.มวยไทย, เพชรหนองจิก, ท่าแซะยาสัตว์ และ ป.เพชรไข่แก้ว ที่ต่างก็ส่งนักมวยฝีมือดีเข้าร่วมศึกจ้าวมวยไทย อย่างต่อเนื่อง

ค่ายอภิชาติมวยไทยยิม และสวนอาหารปีกไม้

ค่ายอภิชาติมวยไทยยิมของชาติก้องไกร มักเน้นการฝึกเชิงมวยและฟิตเนสควบคู่ไปกับการลงนวมอย่างเป็นระบบ ทำให้นักมวยในสังกัดหลายคนมีจุดเด่นด้านความฟิตและการยืนระยะ ส่วนสวนอาหารปีกไม้ค่ายของไก่ฟ้า เป็นค่ายที่ผสมผสานการสนับสนุนจากธุรกิจท้องถิ่นเข้ากับการผลักดันนักมวยดาวรุ่ง ส่งผลให้มีบรรยากาศการซ้อมที่อบอุ่นแต่ไม่ขาดความเข้มข้น การโคจรมาพบกันของสองค่ายนี้ในศึกจ้าวมวยไทย จึงเป็นเหมือนการวัดศักยภาพของทีมงานเบื้องหลังไม่แพ้ตัวนักมวยบนเวที

ลานนาโฮมสเตแอนเรสเตอร์รอง และลูกกรมหลวง

พลังทรัพย์ จากลานนาโฮมสเตแอนเรสเตอร์รอง เป็นตัวแทนของค่ายที่มีรากฐานจากภาคเหนือ ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความอึดและสู้ไม่ถอย การได้ลงชกในศึกจ้าวมวยไทย ทำให้ชื่อของค่ายจากต่างจังหวัดได้รับการจดจำมากขึ้นในกลุ่มแฟนมวยกรุงเทพฯ และทั่วประเทศ ขณะที่ณรงค์ฤทธิ์ จากลูกกรมหลวง เป็นตัวแทนค่ายที่เน้นสายมวยฝีมือ มีการวางแผนเกมชัดเจน เน้นการออกอาวุธเป็นชุดและการโต้กลับแบบมีชั้นเชิง ทำให้การปะทะของสองค่ายนี้น่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง

สิงห์มณีชัย, ลูกเจ้าแม่สายวารี, บี.เอส.มวยไทย และเพชรหนองจิก

ฝั่งแก่นเพชร จากสิงห์มณีชัย และยอดซุปเปอร์ จากลูกเจ้าแม่สายวารี ต่างมาจากค่ายที่เน้นสร้างมวยใจสู้อย่างแท้จริง การได้ขึ้นชกในศึกจ้าวมวยไทย บ่อยครั้งทำให้นักมวยมีประสบการณ์กับเวทีใหญ่และแรงกดดันจากเสียงเชียร์อันล้นหลาม เช่นเดียวกับวังจั่นเล็ก จากบี.เอส.มวยไทย และเพชรสองภาค จากเพชรหนองจิก ซึ่งเป็นค่ายที่มีผลงานต่อเนื่องในเวทีต่าง ๆ อยู่แล้ว เมื่อมาพบกันในรายการเดียวกันจึงยิ่งเพิ่มดีกรีความเข้มข้นให้กับศึกจ้าวมวยไทย วันนี้แบบเต็มพิกัด

ท่าแซะยาสัตว์ และ ป.เพชรไข่แก้ว

เด่นดาวลอย จากท่าแซะยาสัตว์ และสิงห์คีรี จาก ป.เพชรไข่แก้ว เป็นตัวแทนของค่ายที่ได้รับการพูดถึงบ่อยในวงการมวยภูธร การขยับมาหาประสบการณ์ในเวทีใหญ่อย่างศึกจ้าวมวยไทย ช่วยขยายฐานแฟนมวยและโอกาสในการต่อยอดอาชีพของนักมวยในสายนี้ ทั้งสองค่ายมีสไตล์การปลุกปั้นนักมวยให้เป็นมวยเปิดเกม เดินชนสนุกถูกใจแฟนมวย ทำให้คู่ปิดท้ายรายการมีโอกาสกลายเป็นคู่เอกในใจผู้ชมได้ไม่ยากหากรูปมวยออกมาดุเดือดสมการรอคอย

ข้อมูลสำคัญสำหรับแฟนมวยที่ต้องการติดตามศึกจ้าวมวยไทย

สำหรับแฟนมวยที่ต้องการตามชมศึกจ้าวมวยไทย ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นี้ ควรทราบว่ารายการเริ่มชกตั้งแต่เวลา 12.15 น. หากตั้งใจเดินทางไปชมที่เวทีสยามอ้อมน้อย แนะนำให้เผื่อเวลาในการเดินทางและหาที่นั่งล่วงหน้าเพื่อไม่ให้พลาดคู่เปิดหัวที่มักชกกันสนุกและรวดเร็ว การเตรียมตัวที่ดี เช่น พกน้ำดื่ม ให้พร้อมกับการวางแผนการชมทั้งห้าคู่ จะช่วยให้การติดตามศึกจ้าวมวยไทยเป็นประสบการณ์ที่สนุกและเต็มอิ่มมากขึ้น

นอกจากนี้ แฟนมวยที่นิยมติดตามผลมวยและวิเคราะห์ก่อนเล่น อาจใช้ข้อมูลจากตารางการแข่งขันและการวิเคราะห์เชิงลึกในบทความนี้ ประกอบกับข่าวสารล่าสุดจากช่องทางต่าง ๆ เพื่อประเมินฟอร์มปัจจุบันของนักมวยแต่ละคน แม้ศึกจ้าวมวยไทยจะขึ้นชื่อเรื่องความดุเดือดและการพลิกล็อกอยู่เสมอ แต่การมีข้อมูลเบื้องต้นเกี่ยวกับพิกัดน้ำหนัก ผลชั่ง และสไตล์การชก ก็ช่วยเพิ่มโอกาสในการประเมินแนวโน้มได้อย่างมีเหตุผลมากขึ้น

สรุปไฮไลต์ศึกจ้าวมวยไทย 22 พฤศจิกายน 2568

เมื่อมองภาพรวมของศึกจ้าวมวยไทย ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 จะเห็นได้ว่าทุกรายละเอียดถูกวางมาอย่างลงตัว ทั้งจำนวนคู่ชกที่กำลังดี พิกัดน้ำหนักที่หลากหลายตั้งแต่ 100 ปอนด์ไปจนถึงพิกัดใหญ่ 140–141 ปอนด์ รวมถึงค่ายมวยหลากสังกัดที่ส่งนักมวยเข้าร่วมสร้างสีสันให้กับรายการ คู่ที่ 3 และคู่ที่ 5 ถือเป็นคู่ที่แฟนมวยจำนวนมากจับตามอง เพราะเป็นพิกัดใหญ่และคู่ปิดท้ายที่มักมีจังหวะดราม่าบนเวทีเสมอในศึกจ้าวมวยไทย

ท้ายที่สุด ศึกจ้าวมวยไทย ครั้งนี้ยังคงสะท้อนให้เห็นถึงเอกลักษณ์ของมวยไทยอาชีพที่ผสมผสานระหว่างเชิงศิลปะการต่อสู้และความบันเทิงสำหรับผู้ชม ไม่ว่าผลการแข่งขันจะออกมาเป็นอย่างไร แต่ทุกคู่มวยล้วนมีเรื่องราวและความพยายามของนักมวยและทีมงานค่ายอยู่เบื้องหลัง สำหรับคอมวยแล้ว การได้ติดตามและวิเคราะห์ศึกจ้าวมวยไทย อย่างต่อเนื่องไม่เพียงสร้างความสนุก แต่ยังช่วยให้เข้าใจมิติของมวยไทยในเชิงลึกมากยิ่งขึ้นอีกด้วย

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับศึกจ้าวมวยไทย (FAQ)

ศึกจ้าวมวยไทย วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 เริ่มชกกี่โมง?

ศึกจ้าวมวยไทย ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 มีกำหนดเริ่มชกตั้งแต่เวลา 12.15 น. เป็นต้นไป ซึ่งถือว่าเป็นช่วงเที่ยงที่เหมาะกับแฟนมวยทั้งที่อยู่บ้านและที่เดินทางไปชมที่เวที ผู้ชมที่ต้องการเกาะติดทุกคู่ตั้งแต่คู่เปิดหัวควรจัดสรรเวลาให้ดีเพื่อไม่ให้พลาดจังหวะสำคัญช่วงต้นรายการ เพราะคู่แรกของศึกจ้าวมวยไทย มักเป็นคู่ที่เปิดเกมเร็ว เดินแลกและเรียกเสียงเชียร์ได้ตั้งแต่ยกแรก การได้ชมตั้งแต่ต้นจะช่วยให้เข้าใจบรรยากาศโดยรวมของรายการมากยิ่งขึ้น

ศึกจ้าวมวยไทย วันที่ 22 พฤศจิกายน 2568 จัดที่ไหน?

รายการศึกจ้าวมวยไทย ประจำวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 จัดขึ้นที่เวทีสยามอ้อมน้อย ซึ่งเป็นหนึ่งในเวทีมวยไทยชื่อดังที่ใช้จัดรายการโทรทัศน์มวยไทยมาอย่างยาวนาน เวทีแห่งนี้มีลักษณะเด่นคือบรรยากาศการเชียร์ที่คึกคักและเต็มไปด้วยแฟนมวยสายวิเคราะห์ที่มาเกาะขอบสนามเพื่อชมฟอร์มนักมวยอย่างใกล้ชิด ดังนั้นหากคุณเป็นแฟนรายการศึกจ้าวมวยไทย การได้มาเยือนเวทีสยามอ้อมน้อยสักครั้งจะช่วยเติมเต็มประสบการณ์และทำให้การติดตามมวยไทยมีสีสันมากยิ่งขึ้น

ศึกจ้าวมวยไทย วันนี้มีกี่คู่ และมีพิกัดอะไรบ้าง?

ในศึกจ้าวมวยไทย วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 นี้ มีโปรแกรมการแข่งขันทั้งหมด 5 คู่ ครอบคลุมพิกัดน้ำหนักหลากหลาย ตั้งแต่ 100 ปอนด์ในคู่เปิดหัวไปจนถึงพิกัดใหญ่ 140–141 ปอนด์ในคู่ที่สาม รวมถึงพิกัดยอดนิยมอย่าง 121 ปอนด์ 132 ปอนด์ และ 114 ปอนด์ในคู่ปิดท้าย รายการลักษณะนี้ช่วยให้แฟนมวยได้เห็นสไตล์การชกที่แตกต่างกันตามพิกัดน้ำหนัก ทั้งความเร็วของมวยเล็กและพลังปะทะของมวยใหญ่ ทำให้ศึกจ้าวมวยไทย วันนี้มีความครบเครื่องและน่าติดตามในทุกคู่แบบไม่มีช่วงให้เบื่อ

คู่ไหนในศึกจ้าวมวยไทย วันนี้น่าจับตามองเป็นพิเศษ?

หากมองจากโครงสร้างรายการแล้ว คู่ที่ 3 ระหว่าง แก่นเพชร สิงห์มณีชัย กับ ยอดซุปเปอร์ ลูกเจ้าแม่สายวารี ในพิกัดใหญ่ 140–141 ปอนด์ ถือเป็นคู่ที่น่าจับตามองอย่างยิ่ง เพราะทั้งสองฝ่ายต่างเป็นมวยใจสู้และมีลูกปะทะหนัก สามารถสร้างจังหวะลุ้นน็อกเอาต์ได้ทุกเมื่อ ขณะเดียวกันคู่ที่ 5 ระหว่าง เด่นดาวลอย ท่าแซะยาสัตว์ กับ สิงห์คีรี ป.เพชรไข่แก้ว ก็เป็นคู่ปิดท้ายที่มีแนวโน้มจะเดินแลกกันสนุก ถูกใจแฟนมวยที่รอชมศึกจ้าวมวยไทย แบบมันส์ครบยก ใครที่ติดตามทั้งสองคู่นี้อย่างใกล้ชิดจะได้เห็นเสน่ห์ของมวยไทยในสองพิกัดที่ต่างกันอย่างชัดเจน