โปรแกรมมวย ศึกมวยดีวิถีไทย วันที่ 14 ธันวาคม 2568 จัดที่เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 และเริ่มเวลา 12:30 น. วันนี้มีทั้งหมด 4 คู่ โดยมีพิกัดแบบ “หน่วยปอนด์” ในสามคู่แรก (116 / 100 / 127) และมีพิกัดแบบ “หน่วยกิโลกรัม” ในคู่ที่ 4 (43 กก.) ซึ่งเป็นจุดที่คนดูควรสังเกตให้ชัด เพราะหน่วยต่างกันอาจทำให้การอ่านตัวเลขขาด–เกินและการเทียบขนาดร่างกายคลาดเคลื่อน หากเผลออ่านผิดหน่วยในตารางคู่ชก

โปรแกรมมวย ศึกมวยดีวิถีไทย วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2568 เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 เริ่ม 12:30 น.

ตารางคู่ชกมวยวันนี้ (ศึกมวยดีวิถีไทย)

คู่ชกที่ มุมแดง พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้มุมแดง มุมน้ำเงิน พิกัด (ปอนด์) ชั่งได้มุมน้ำเงิน
1 เนรัญนิด (จ.เมืองศรี) 116 ตามพิกัด ก้องสองยาง (ศูนย์กีฬาหัวฝาย) 116 115 ขาด 1.0
2 เพชรชงหมิง (ศิษย์เฮียเจ๋งนายกไกรลาศ) 100 99.7 ขาด 0.3 เก้าโพธิ์แดง (ศักดิ์แสนพันธ์) 100 99.6 ขาด 0.4
3 เสือจั่น (ส.อิสสระโชติ) 127 126.7 ขาด 0.3 ซ้ายนคร (สก.สุไหงยิมส์) 127 126.7 ขาด 0.3
4 รถถังจูเนียร์ (ว.วราพิณ) 43 42.8 ขาด 0.2 ฉัตรมีโชค (ปานนิวัฒน์มวยไทย) 43  43.4 ลด 0.4

หมายเหตุ: ตารางนี้สรุปตามประกาศโปรแกรมและผลการชั่งน้ำหนักที่แจ้งไว้ ซึ่งในวันแข่งขันจริงอาจมีการปรับเปลี่ยนลำดับคู่ เวลาขึ้นชก หรือรายละเอียดการชั่งน้ำหนักเพิ่มเติมตามระเบียบของรายการและการตรวจสอบหน้างาน โดยเฉพาะคู่ที่มีหน่วยกิโลกรัมหรือมีค่าคลาดเคลื่อน ควรยึดประกาศจากผู้จัดและเวทีเป็นหลักเพื่อความถูกต้องก่อนเริ่มการแข่งขันจริง

มุมมองภาพรวมก่อนดู: ชั่งขาด–ชั่งเกิน ส่งผลกับเกมอย่างไร

การชั่งน้ำหนัก “ขาด” หมายถึงน้ำหนักต่ำกว่าพิกัดที่กำหนด ซึ่งในบางกรณีอาจทำให้ได้เปรียบด้านความคล่อง ความเร็ว และจังหวะเข้า–ออกเร็วขึ้น แต่ก็ต้องแลกกับคำถามเรื่องความอึดและแรงปะทะ โดยเฉพาะถ้าขาดมากอาจสะท้อนว่ามีการคุมน้ำหนักหนักจนเสียพลัง ส่วนการชั่ง “ตามพิกัด” มักแปลว่าจัดการน้ำหนักได้พอดีและรักษาสภาพร่างกายได้ดีในเชิงมาตรฐาน อย่างไรก็ตามทั้งหมดนี้เป็นเพียงสัญญาณเบื้องต้น เพราะทรงมวยและความฟิตจริงในวันชกยังสำคัญกว่าเสมอ

สำหรับกรณี “ชั่งเกิน” หรือข้อมูลที่ระบุค่าคลาดเคลื่อนในเชิงเกินพิกัด โดยเฉพาะในหน่วยกิโลกรัม ควรระมัดระวังในการตีความ เพราะอาจมีรายละเอียดเพิ่มเติม เช่น การตรวจซ้ำ การปรับเวลาชั่ง หรือการแจ้งค่าด้วยรูปแบบการเขียนที่ต่างกันในประกาศ หากคู่ใดมีน้ำหนักเกินจริง เกมอาจเปลี่ยนจากความได้เปรียบด้านแรงปะทะไปเป็นความกังวลเรื่องการคุมแรงและการหายใจในยกท้าย ๆ ดังนั้นคู่นี้มักน่าดูในแง่การยืนระยะและวินัยการควบคุมน้ำหนักมากเป็นพิเศษ

รายละเอียดคู่ชกและวิเคราะห์รายคู่

คู่ที่ 1: เนรัญนิด (จ.เมืองศรี) พบ ก้องสองยาง (ศูนย์กีฬาหัวฝาย) | พิกัด 116 ปอนด์

เปิดรายการด้วยพิกัด 116 ปอนด์ โดยฝั่งแดง เนรัญนิด ชั่งได้ตามพิกัด ขณะที่ฝั่งน้ำเงิน ก้องสองยาง ชั่งได้ 115 ขาด 1.0 ซึ่งเป็น “ขาด” ที่ค่อนข้างเห็นชัดในโปรแกรมวันนี้ เมื่อหนึ่งฝั่งตามพิกัดและอีกฝั่งขาดมากกว่า 1 ปอนด์ คนดูควรจับตาว่ารูปร่างจริงบนเวทีใครดูใหญ่กว่า ใครดูแน่นกว่า และใครคุมแรงปะทะได้ดีในช่วงยกกลาง เพราะความต่างด้านน้ำหนักอาจสะท้อนการจัดการร่างกายที่ต่างกันพอสมควร

มุมมองเชิงเกมสำหรับคู่นี้ หากน้ำเงินชั่งขาดเพื่อเพิ่มความเร็ว อาจเลือกใช้การดักเตะ ดักถีบ หรือเข้าแล้วออกให้ไวเพื่อไม่ปะทะแลกหนักนาน ๆ ในขณะที่แดงที่ตามพิกัดอาจได้เปรียบเรื่องความสมบูรณ์และการยืนระยะ คีย์สำคัญคือ “ใครคุมพื้นที่เวทีได้ก่อน” และ “ใครทำให้เกมเป็นแบบที่ตัวเองถนัด” โดยเฉพาะจังหวะต้นยกที่มักกำหนดโทนของเกมว่าจะเร็วหรือหนักตั้งแต่แรก

คู่ที่ 2: เพชรชงหมิง (ศิษย์เฮียเจ๋งนายกไกรลาศ) พบ เก้าโพธิ์แดง (ศักดิ์แสนพันธ์) | พิกัด 100 ปอนด์

เป็นพิกัดเล็ก 100 ปอนด์ ซึ่งโดยธรรมชาติของรุ่นนี้เกมมักเร็วและจังหวะเข้า–ออกจะถี่กว่ารุ่นใหญ่ จากการชั่งน้ำหนัก เพชรชงหมิง ชั่งได้ 99.7 ขาด 0.3 และเก้าโพธิ์แดง ชั่งได้ 99.6 ขาด 0.4 ถือว่า “ขาด” ทั้งคู่ในระดับใกล้เคียงกัน จึงน่าสังเกตว่าไม่ได้มีฝ่ายใดได้เปรียบจากตัวเลขชั่งน้ำหนักอย่างชัดเจนมากนัก จุดนี้ทำให้การดูเกมควรโฟกัสที่ทรงมวยและการชิงจังหวะมากกว่าเรื่องน้ำหนัก

คู่พิกัดเล็กที่ทั้งสองฝั่งขาดใกล้กัน มักชวนให้ดูว่าใครเริ่มเกมก่อนและใครคุมความต่อเนื่องของอาวุธได้ดีกว่า หากฝ่ายหนึ่งเป็นสายฝีมือ อาจใช้การดักแทงเข่าและเตะนำเพื่อเก็บคะแนนให้ชัด ขณะที่อีกฝ่ายอาจเร่งเกมด้วยหมัดและเตะตัดลำตัวเพื่อทำให้คู่ชกหยุดเดิน การตัดสินใจในยกแรก ๆ สำคัญมาก เพราะเกมรุ่นเล็กเมื่อใครคุมจังหวะได้แล้ว มักลากเกมไปตามแบบของตัวเองได้ยาวจนท้ายยก

คู่ที่ 3: เสือจั่น (ส.อิสสระโชติ) พบ ซ้ายนคร (สก.สุไหงยิมส์) | พิกัด 127 ปอนด์

พิกัด 127 ปอนด์ ทั้งเสือจั่นและซ้ายนครชั่งได้ 126.7 ขาด 0.3 เท่ากันแบบพอดีเป๊ะ ซึ่งเป็นกรณีที่ช่วยลดการถกเถียงเรื่อง “ใครได้เปรียบด้านน้ำหนัก” ไปได้มาก ทำให้การประเมินก่อนชกควรหันไปดูองค์ประกอบอื่น เช่น ความสูงช่วงชก ระยะเตะ ระยะเข่า รูปแบบการเดิน และการรับอาวุธว่าฝั่งไหนมีจุดอ่อนชัดหรือไม่ คนดูจะสนุกกับคู่นี้ถ้าตั้งใจดูการชิงเหลี่ยมและการตอบโต้มากกว่าการวัดจากน้ำหนัก

เมื่อชั่งขาดเท่ากัน สิ่งที่มักแยกผลลัพธ์คือ “ความคมและความสม่ำเสมอของอาวุธหลัก” เช่น เตะซ้ายที่เข้าเป้าจัง ๆ ซ้ำได้หลายครั้ง หรือเข่าที่ทำลายการทรงตัวจนคู่ชกเสียรูป รวมถึงการคุมอารมณ์ในช่วงที่เกมชะลอ หากฝ่ายใดใจร้อนเปิดหน้าแลกโดยไม่จำเป็น อาจเปิดช่องให้โดนสวนจนเสียจังหวะ การดูคู่นี้จึงเหมาะกับคนที่ชอบมวยเชิงเทคนิคและการวางเกมเป็นชั้น ๆ มากกว่าการวัดแค่พลังปะทะ

คู่ที่ 4: รถถังจูเนียร์ (ว.วราพิณ) พบ ฉัตรมีโชค (ปานนิวัฒน์มวยไทย) | พิกัด 43 กก.

เป็นคู่ที่ต่างจากสามคู่แรกอย่างชัดเจน เพราะใช้พิกัดหน่วยกิโลกรัมที่ 43 กก. โดยรถถังจูเนียร์ชั่งได้ 42.8 ขาด 0.2 ซึ่งถือว่าขาดเล็กน้อยและพบได้ปกติ แต่ฝั่งฉัตรมีโชคชั่งได้ 43.4 และในข้อมูลมีการเขียนค่าคลาดเคลื่อน “-0.4” จึงควรทำความเข้าใจว่าอาจเป็นการสื่อ “เกิน 0.4” หรือรูปแบบการบันทึกที่ต่างกันในประกาศ คนดูควรติดตามการประกาศหน้างานและดูสภาพร่างกายจริงว่ามีความหนาแน่นหรือความใหญ่ต่างกันชัดเพียงใด

ในแง่การดูเกม คู่ที่มีความต่างด้านน้ำหนักในหน่วยกิโลกรัมมักแสดงผลกับแรงปะทะและการยืนปะทะวงในได้ค่อนข้างชัด หากน้ำเงินมีน้ำหนักมากกว่า อาจใช้ความหนาแน่นเข้าบี้ คลุกวงใน และเล่นเข่าเพื่อทำให้แดงเสียทรง ขณะที่แดงที่ขาดเล็กน้อยอาจได้เปรียบด้านสปีดและการออกอาวุธนำก่อน จุดชี้ขาดคือ “ใครคุมระยะได้” เพราะถ้าแดงคุมระยะนอกได้จะใช้ความเร็วเก็บแต้ม แต่ถ้าน้ำเงินพาเข้าวงในได้บ่อย เกมอาจเปลี่ยนเป็นการวัดแรงและการทรงตัวในยกท้าย ๆ อย่างเข้มข้น

 

สำหรับคอวัวชนตัวจริง การติดตามชมการแข่งขันสดๆ
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เว็บดูวัวชนสด อันดับ 1 ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด

วิธีอ่าน “พิกัด–ชั่งได้–ขาด/เกิน” ให้เข้าใจเร็ว

คำว่า “พิกัด” คือกรอบน้ำหนักที่กำหนดไว้สำหรับคู่ชกนั้น ๆ เช่น 116 หรือ 100 หรือ 127 (มักเป็นหน่วยปอนด์) หรือ 43 กก. (หน่วยกิโลกรัม) ส่วน “ชั่งได้” คือผลที่ชั่งจริงในวันชั่งน้ำหนัก ก่อนดูตารางควรดูให้ชัดว่าคู่ไหนใช้หน่วยอะไร เพราะหากนำเลขปอนด์ไปเทียบกับกิโลกรัมโดยไม่แยกหน่วย จะทำให้ประเมินขนาดตัวและความต่างของน้ำหนักผิดไปมาก และอาจอ่านสถานะขาด–เกินผิดโดยไม่ตั้งใจ

คำว่า “ชั่งได้ตามพิกัด” หมายถึงชั่งได้พอดีกับตัวเลขพิกัดที่กำหนดไว้ ซึ่งโดยทั่วไปสะท้อนว่าการคุมน้ำหนักทำได้ลงตัวและไม่ต้องเร่งลดมากในช่วงท้าย ข้อดีคือมักรักษาความสมบูรณ์ของร่างกายได้ดี แต่ก็ไม่ได้แปลว่าจะได้เปรียบเสมอ เพราะบางคนอาจเลือกชั่งขาดเล็กน้อยเพื่อความคล่องหรือเพื่อแผนเกมเฉพาะ ทั้งหมดต้องกลับไปดูสภาพจริงบนเวทีว่ากล้ามเนื้อ ความสด และการหายใจเป็นอย่างไร

คำว่า “ขาด” หมายถึงชั่งได้น้อยกว่าพิกัด เช่น 99.7 ขาด 0.3 แปลว่าพิกัดคือ 100 แต่ชั่งได้ 99.7 ส่วนคำว่า “เกิน” คือชั่งได้มากกว่าพิกัด เช่น หากพิกัด 43 กก. แต่ชั่งได้ 43.4 ก็เป็นภาพของการเกิน 0.4 กก. อย่างไรก็ตามในประกาศบางครั้งอาจเขียนรูปแบบต่างกัน เช่น ใส่เครื่องหมายลบเพื่อสื่อค่าคลาดเคลื่อน จึงควรอ่านคู่กับคำว่า “ขาด/เกิน” และติดตามประกาศยืนยันจากรายการหากมีความไม่ชัดเจน

ยกตัวอย่างจากโปรแกรมวันนี้ คู่ที่ 2 ทั้งสองฝ่ายชั่งขาดใกล้กัน (ขาด 0.3 กับขาด 0.4) จึงมักไม่ทำให้เกิดความได้เปรียบจากน้ำหนักมากนัก แต่คู่ที่ 1 น้ำเงินชั่งขาดถึง 1.0 อาจสะท้อนการคุมน้ำหนักที่เข้มกว่าและอาจได้ความเร็วเพิ่ม ส่วนคู่ที่ 4 มีหน่วยกิโลกรัมและมีค่าคลาดเคลื่อนที่ควรจับตาเป็นพิเศษ ทำให้คู่นี้เหมาะสำหรับดูเรื่องความหนาแน่นของร่างกายและการยืนระยะว่าใครคุมแรงได้ดีกว่ากันเมื่อถึงยกกลางและยกท้าย

ข้อมูลเวที เวลาเริ่ม และข้อควรรู้ก่อนเข้าชม

รายการวันนี้จัดที่เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 และเริ่มเวลา 12:30 น. หากคุณต้องการดูครบทุกคู่ แนะนำให้เผื่อเวลามาถึงก่อนเริ่มอย่างน้อย 30 นาทีเพื่อจัดการเรื่องการเข้าพื้นที่ หาที่นั่ง และฟังประกาศย้ำลำดับคู่ เพราะในบางวันอาจมีการสลับคู่ตามความเหมาะสมของรายการ การมาถึงก่อนเวลายังช่วยให้คุณเห็นสภาพนักมวยช่วงวอร์มและบรรยากาศกองเชียร์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้การดูมวยสนุกขึ้นและเข้าใจเกมมากขึ้น

การอ่านโปรแกรมให้ไว แนะนำให้เริ่มจากดู “พิกัดและหน่วย” ก่อน จากนั้นดูสถานะชั่งน้ำหนักว่าคู่ไหนชั่งขาดหรือมีค่าคลาดเคลื่อน แล้วค่อยไปอ่านรายละเอียดรายคู่เพื่อดูจุดจับตาเชิงเกม เช่น คู่ไหนมีความต่างด้านน้ำหนักชัด คู่ไหนชั่งใกล้เคียงกันและน่าจะวัดกันที่ชิงจังหวะหรือทรงมวย ทั้งหมดนี้ทำให้คุณติดตามรายการได้ลื่นขึ้นและรู้ว่าควรโฟกัสอะไรในแต่ละยกโดยไม่ต้องเดาสุ่ม

คำถามที่พบบ่อย (FAQ)

โปรแกรมมวย ศึกมวยดีวิถีไทย 14 ธันวาคม 2568 เริ่มกี่โมง และจัดที่ไหน?

โปรแกรมมวย ศึกมวยดีวิถีไทย วันอาทิตย์ที่ 14 ธันวาคม 2568 เริ่มเวลา 12:30 น. ที่เวทีมวยจิตรเมืองนนท์ อตก.3 โดยแนะนำให้เผื่อเวลาไปก่อนเริ่มเพื่อรับทราบประกาศลำดับคู่ล่าสุดและรายละเอียดหน้างาน เพราะการจัดคิวขึ้นชกอาจปรับได้ตามเงื่อนไขของรายการ รวมถึงช่วยให้คุณได้เตรียมตัวดูครบทุกคู่ตั้งแต่คู่เปิดจนถึงคู่ท้ายแบบไม่สะดุด

วันนี้มีทั้งหมดกี่คู่ และพิกัดชกมีอะไรบ้าง?

วันนี้มีทั้งหมด 4 คู่ โดยพิกัดชกในสามคู่แรกเป็นหน่วยปอนด์ ได้แก่ 116 ปอนด์, 100 ปอนด์ และ 127 ปอนด์ ส่วนคู่ที่ 4 เป็นพิกัด 43 กก. ซึ่งเป็นหน่วยกิโลกรัม จุดสำคัญคือควรอ่านหน่วยให้ถูกต้องก่อนเทียบความต่างของน้ำหนัก เพราะปอนด์และกิโลกรัมไม่ใช่หน่วยเดียวกัน และการอ่านผิดหน่วยอาจทำให้ประเมินสภาพร่างกายก่อนชกคลาดเคลื่อนอย่างมาก

“ชั่งได้ 115 ขาด 1.0” หมายถึงอะไร และควรดูอย่างไรในเชิงวิเคราะห์?

ข้อความ “ชั่งได้ 115 ขาด 1.0” หมายถึงพิกัดกำหนดไว้ 116 (หน่วยเดียวกันตามตาราง) แต่ชั่งจริงได้ 115 จึงต่ำกว่าพิกัดอยู่ 1.0 ซึ่งถือว่าขาดค่อนข้างเห็นชัดในโปรแกรมวันนี้ ในเชิงวิเคราะห์ให้ดูต่อว่าเป็นการขาดที่ช่วยเพิ่มความเร็วและความคล่องจริงหรือไม่ โดยดูสภาพร่างกายบนเวทีว่าดูแห้งเกินไปหรือยังฟิตแน่น รวมถึงดูการยืนระยะในยกกลางว่าหายใจดีและออกอาวุธต่อเนื่องได้หรือเปล่า

ทำไมบางคู่ใช้พิกัดเป็นปอนด์ แต่บางคู่ใช้กิโลกรัม?

การระบุพิกัดเป็นปอนด์หรือกิโลกรัมขึ้นกับรูปแบบการจัดรุ่นและการบันทึกของรายการหรือเวทีในวันนั้น ๆ บางคู่และบางรุ่นนิยมประกาศเป็นปอนด์ตามความคุ้นเคยในวงการ ขณะที่บางคู่ระบุเป็นกิโลกรัมเพื่อความชัดเจนในเชิงมาตรฐาน สิ่งที่คนดูควรทำคืออ่านหน่วยที่เขียนไว้ให้ชัดก่อน แล้วจึงค่อยดูตัวเลขชั่งได้และขาด–เกิน เพื่อหลีกเลี่ยงการเทียบผิดหน่วยจนทำให้การวิเคราะห์เกมผิดทิศ

คู่ไหนน่าจับตาจากข้อมูลชั่งน้ำหนักมากที่สุดในวันนี้?

ถ้ามองจากความต่างของการชั่งน้ำหนัก คู่ที่ 1 น่าจับตาเพราะแดงตามพิกัดแต่น้ำเงินชั่งขาดถึง 1.0 ทำให้มีคำถามเรื่องความเร็วกับการยืนระยะ ขณะที่คู่ที่ 4 น่าตามดูเพราะเป็นหน่วยกิโลกรัมและมีค่าคลาดเคลื่อนที่ควรยืนยันจากประกาศหน้างาน ซึ่งอาจสะท้อนเรื่องวินัยการคุมน้ำหนักและความหนาแน่นของร่างกายบนเวที ส่วนคู่ที่ 2 และ 3 ชั่งขาดใกล้เคียงกันมาก จึงน่าดูในมิติของทรงมวยและการชิงจังหวะเป็นหลัก