ศึกมวยไทยพันธมิตร ทำการแข่งขันวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 18:00 น. ณ เวทีมวยตะวันนา มีทั้งหมด 8 คู่ โดยภาพรวมผลชั่งน้ำหนักมีทั้งชั่งได้ตามพิกัด ชั่งเกิน และชั่งขาด ไฮไลต์ที่เด่นสุดของรายการคือคู่ที่ 5 ฝั่งน้ำเงินชั่งเกิน 1.8 ซึ่งเป็นตัวเลขมากที่สุดในโพยนี้ และคู่ที่ 2 ทั้งสองฝ่ายชั่งได้ 117.8 ขาด 0.2 เท่ากัน ทำให้คู่นี้วัดกันที่แท็กติกและความชัดของอาวุธมากกว่าภาษีน้ำหนัก ส่วนคู่ที่ 7 เป็นภาพชัดของ “ขาด vs เกิน” ที่ต่างกันเกือบ 1.1 กก. ซึ่งอาจส่งผลต่อแรงปะทะและความเร็วอย่างมีนัยสำคัญ
โปรแกรมมวยวันนี้ พร้อมผลชั่งน้ำหนักทุกคู่ (คู่ที่ 1–8)
ตารางด้านล่างสรุปโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร ให้สแกนได้ทันทีว่าแต่ละคู่ชกพิกัดเท่าไร ใครชั่งได้เท่าไร และเกินหรือขาดเท่าใด โดยจัดข้อมูลเป็นมุมแดงและมุมน้ำเงินในรูปแบบเดียวกัน เพื่อให้เปรียบเทียบได้ง่าย จากนั้นในหัวข้อถัดไปจะเจาะรายคู่พร้อมมุมมองรูปเกมที่น่าจะเกิดขึ้นจากผลชั่งน้ำหนัก รวมถึงสิ่งที่ควรจับตาในยกต้นและยกปลาย ซึ่งมักเป็นช่วงที่ตัวเลขความฟิตเริ่มส่งผลชัดเจนที่สุด
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด | ชั่งได้ (แดง) | เกิน/ขาด (แดง) | มุมน้ำเงิน | พิกัด | ชั่งได้ (น้ำเงิน) | เกิน/ขาด (น้ำเงิน) |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | เพชรมงคล สิงห์นครแว่น | 111 | 111.6 | เกิน 0.6 | ทนงเดช ศิษย์นายกพันศักดิ์ | 111 | ตามพิกัด | 0.0 |
| 2 | ยอดฉัตรเล็ก ศิษย์ไชโย | 118 | 117.8 | ขาด 0.2 | หยกมงคล สิงห์นครแว่น | 118 | 117.8 | ขาด 0.2 |
| 3 | เห่าดง เกียรติบ้านหลา | 117 | 118.0 | เกิน 1.0 | ดาวิด อาหมิงมวยไทย | 117 | ตามพิกัด | 0.0 |
| 4 | เหิร ลูกสวน | 117 | 118.2 | เกิน 1.2 | เพชรเอก สิงห์คลองหลวง | 117 | 117.4 | เกิน 0.4 |
| 5 | กิตติโชติ ศิษย์ อบต.เพ็ญนภา | 108 | 108.2 | เกิน 0.2 | สิงขร ส.มนต์พิชิต | 108 | 109.8 | เกิน 1.8 |
| 6 | ไชยสงคราม ลูกสวน | 112 | 112.4 | เกิน 0.4 | ตะกั่วป่า ช.เกตุวีณา | 112 | 112.6 | เกิน 0.6 |
| 7 | แก้ว อัศวินมือถือ | 43 กก. | 42.8 | ขาด 0.2 | รณกร ศิษย์นายกพันศักดิ์ | 43 กก. | 43.9 | เกิน 0.9 |
| 8 | สี่พลัง ส.สละชีพ | 116 | 116.2 | เกิน 0.2 | ฉลามดำ รองแป๊ะสำนักบกชลบุรี | 116 | ตามพิกัด | 0.0 |
เจาะรายละเอียดรายคู่ ศึกมวยไทยพันธมิตร (วิเคราะห์ก่อนชกจากผลชั่งน้ำหนัก)
คู่ที่ 1 เพชรมงคล สิงห์นครแว่น vs ทนงเดช ศิษย์นายกพันศักดิ์ (พิกัด 111)
มุมแดง – เพชรมงคล (ชั่งได้ 111.6 | เกิน 0.6)
เพชรมงคลชั่งเกิน 0.6 ถือว่าเกินพิกัดพอให้เห็นความหนาแน่นของร่างกายมากขึ้นในเชิงปะทะ แต่ก็ต้องดูว่าน้ำหนักที่เกินมาจากอะไร ถ้าเป็นความหนาแน่นและความแข็งแรง อาจช่วยให้ยืนแลกได้ดีและไม่เสียทรงง่าย ทว่าในอีกด้านหนึ่ง หากต้องขยับเร็ว ๆ หรือไล่จับจังหวะคู่ชกตลอดเกม ความอืดเล็ก ๆ จากน้ำหนักที่เกินอาจทำให้เสียแต้มจากความช้าได้ โดยเฉพาะถ้าคู่ชกคุมระยะด้วยถีบและแข้งหน้าเป็นหลัก
มุมน้ำเงิน – ทนงเดช (ชั่งได้ตามพิกัด)
ทนงเดชชั่งได้ตามพิกัด 111 ทำให้ภาพรวมความพร้อมดูนิ่งและมีโอกาสคุมจังหวะเกมได้ง่ายกว่า นักมวยที่ตามพิกัดมักออกอาวุธได้ลื่นและรักษาความเร็วได้ดีในยกกลางถึงยกปลาย หากทนงเดชถนัดคุมระยะด้วยถีบหรือเตะนำ เกมนี้ควรเล่นให้เป็นระบบ ไม่ยืนปะทะนาน และใช้ความสม่ำเสมอในการออกอาวุธเพื่อเก็บคะแนน เพราะยิ่งเกมยืดเยื้อความได้เปรียบด้านความสดมักยิ่งชัด โดยเฉพาะเมื่อคู่ชกมีภาษีน้ำหนักเกินติดตัวอยู่บ้าง
สรุปคู่ที่ 1
คู่เปิดของโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร เป็นภาพของ “แดงเกิน vs น้ำเงินตามพิกัด” ซึ่งมักแปลว่าฝั่งแดงอาจได้แรงปะทะ แต่ฝั่งน้ำเงินมีความคล่องและคุมระยะได้ดีกว่า เกมจึงน่าดูว่าทนงเดชจะคุมเกมให้เป็นทรงได้ตั้งแต่ยกแรกหรือไม่ ถ้าคุมได้และทำแต้มชัด เกมจะไหลไปทางน้ำเงิน แต่ถ้าเพชรมงคลเดินติดแล้วทำให้เกิดการปะทะวงในบ่อย ๆ ความหนาแน่นจากน้ำหนักอาจกลายเป็นข้อได้เปรียบเชิงรูปธรรมและสร้างความลำบากให้คู่ชกได้
คู่ที่ 2 ยอดฉัตรเล็ก ศิษย์ไชโย vs หยกมงคล สิงห์นครแว่น (พิกัด 118)
มุมแดง – ยอดฉัตรเล็ก (117.8 | ขาด 0.2)
ยอดฉัตรเล็กชั่งขาด 0.2 ซึ่งถือว่าขาดน้อยมากและมักไม่กระทบแรงปลายยกเท่าการขาดเกินครึ่งกิโลขึ้นไป จุดที่น่าดูคือความไวของเท้าและการชิงจังหวะ เพราะเมื่อขาดเล็กน้อย หากสภาพร่างกายดีจะขยับเข้าออกได้ลื่นและออกอาวุธเป็นชุดสั้น ๆ ได้ถนัด โดยเฉพาะพิกัด 118 ที่เกมมักวัดกันที่ความคมของแข้งและการคุมระยะ หากยอดฉัตรเล็กมีลูกเตะตัดล่างหรือถีบคุมจังหวะดี จะมีโอกาสทำคะแนนนำแบบค่อยเป็นค่อยไป
มุมน้ำเงิน – หยกมงคล (117.8 | ขาด 0.2)
หยกมงคลชั่งได้ 117.8 ขาด 0.2 เท่ากันกับฝั่งแดง ทำให้คู่นี้แทบไม่มีภาษีน้ำหนักเป็นตัวแปร ความได้เปรียบเสียเปรียบจึงไปอยู่ที่แท็กติกและความชัดของอาวุธล้วน ๆ หากหยกมงคลเป็นสายเดิน เขาต้องเดินแบบมีระบบและไม่เปิดช่องให้โดนดักเตะหรือโดนสวนหมัดจนเสียทรง เพราะคู่ที่น้ำหนักเท่ากันมักตัดสินด้วยความแม่นและการคุมพื้นที่มากกว่าแรงปะทะครั้งเดียว เกมนี้จึงเหมาะกับคนดูที่ชอบการแก้เกมและการปรับจังหวะระหว่างยก
สรุปคู่ที่ 2
คู่ที่ 2 คือคู่ที่ “ขาดเท่ากันและชั่งได้เท่ากัน” จึงเป็นไฟต์ที่น่าลุ้นแบบวัดฝีมือเต็ม ๆ ในโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร หากฝ่ายใดชิงทำคะแนนได้ก่อนจะทำให้รูปเกมเปลี่ยนทันที เพราะอีกฝ่ายต้องเร่งและเสี่ยงเปิดช่องมากขึ้น ดังนั้นช่วงยกแรกและยกสองจึงสำคัญมาก คนดูควรโฟกัสว่าฝ่ายไหนออกอาวุธเข้าเป้าชัดกว่า ใครคุมระยะได้ดี และใครทำให้อีกฝ่ายเสียจังหวะจนต้องถอยหรือเสียทรง ซึ่งมักเป็นคะแนนที่กรรมการมองเห็นง่าย
คู่ที่ 3 เห่าดง เกียรติบ้านหลา vs ดาวิด อาหมิงมวยไทย (พิกัด 117)
มุมแดง – เห่าดง (118.0 | เกิน 1.0)
เห่าดงชั่งเกินพิกัดถึง 1.0 ซึ่งถือว่าเริ่มมีนัยต่อรูปเกม เพราะอาจได้ความหนาแน่นและแรงปะทะมากขึ้นในจังหวะปะทะวงในหรือการเตะลำตัวหนัก ๆ แต่ต้องระวังว่าการเกินมากขึ้นอาจทำให้ความไวของขาลดลงและเสียแต้มจากการตามจังหวะไม่ทัน หากต้องไล่คู่ชกที่คุมระยะดี นอกจากนี้เมื่อเกมเข้ายกปลาย หากเห่าดงต้องเร่งเดินตลอด อัตราการใช้พลังจะสูงและอาจเห็นอาการแผ่วได้เร็วกว่าคนที่คุมน้ำหนักตรงพิกัด ดังนั้นการเริ่มเกมให้ดีและทำให้คู่ชกไม่กล้าขยับมากเป็นโจทย์สำคัญ
มุมน้ำเงิน – ดาวิด (ชั่งได้ตามพิกัด)
ดาวิดชั่งได้ตามพิกัด 117 ทำให้ได้เปรียบเชิงความคล่องและการยืนระยะในภาพรวม หากดาวิดถนัดสไตล์คุมเกมด้วยถีบและแข้งยาว เขาควรเล่นให้เป็นจังหวะ ไม่ยืนปะทะนาน และใช้การออกแล้วถอยเพื่อหลีกเลี่ยงแรงปะทะจากคู่ชกที่ตัวหนากว่า การชั่งตามพิกัดยังช่วยให้ดาวิดมีโอกาสเร่งในยกสี่ห้าหากเกมยังสูสี เพราะความสดและความเร็วจะเป็นตัวชี้ขาดสำคัญเมื่ออีกฝ่ายมีภาษีน้ำหนักเกินติดมา
สรุปคู่ที่ 3
คู่ที่ 3 เป็นภาพคล้ายคู่แรกแต่ตัวเลขต่างกันชัดกว่า คือ “แดงเกิน 1.0 vs น้ำเงินตามพิกัด” ซึ่งในโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร มักทำให้เกมแบ่งชัดระหว่างความหนักกับความไว หากเห่าดงทำเกมบี้และปะทะได้ตั้งแต่ต้นจะมีลุ้น แต่ถ้าโดนคุมระยะแล้วต้องไล่ตลอด ความได้เปรียบจากความหนาแน่นอาจไม่พอชดเชยแต้มที่เสียจากการโดนอาวุธยาวและการชิงจังหวะของดาวิด ดังนั้นคนดูควรจับตาว่าเห่าดงจะปิดระยะได้เร็วแค่ไหน และดาวิดจะรักษาระยะปลอดภัยได้ต่อเนื่องหรือไม่
คู่ที่ 4 เหิร ลูกสวน vs เพชรเอก สิงห์คลองหลวง (พิกัด 117)
มุมแดง – เหิร (118.2 | เกิน 1.2)
เหิรชั่งเกิน 1.2 เป็นตัวเลขที่ค่อนข้างมากและอาจสะท้อนความหนาแน่นที่ชัดเจนในจังหวะปะทะ หากเป็นสายเดินบี้หรือมีหมัดหนัก อาจทำให้คู่ชกเสียทรงเมื่อโดนชนหรือโดนหมัดสอด แต่ความเสี่ยงคือการขยับเท้าและความฟิตในยกปลาย หากเหิรต้องออกไล่ตลอดและเกมไม่จบเร็ว อัตราการใช้พลังจะสูงขึ้นและมีโอกาสแผ่ว นอกจากนี้การเกินมากอาจทำให้การโดนเตะตัดล่างสะสมแล้วเสียฐานง่ายขึ้น จึงต้องระวังการป้องกันขาและการไม่โดนตัดจังหวะบ่อย
มุมน้ำเงิน – เพชรเอก (117.4 | เกิน 0.4)
เพชรเอกชั่งเกิน 0.4 ซึ่งยังถือว่าเกินไม่มากและมักยังรักษาความคล่องได้พอสมควร จุดที่ได้เปรียบคือภาษีน้ำหนักน้อยกว่าเหิร ทำให้มีโอกาสยืนระยะและคุมจังหวะได้ง่ายกว่า หากเพชรเอกเลือกชกแบบฉลาด คุมระยะด้วยแข้งยาวและเลือกจังหวะสวนให้ชัด จะลดโอกาสต้องยืนแลกแรง ๆ กับคู่ชกที่ตัวหนากว่าได้ดี อย่างไรก็ตามเพชรเอกก็เกินพิกัดเช่นกัน จึงต้องบริหารพลังให้ดีและหลีกเลี่ยงการติดวงในนานเกินไป
สรุปคู่ที่ 4
คู่ที่ 4 เป็นคู่ที่ “เกินทั้งคู่” แต่ฝั่งแดงเกินมากกว่า ทำให้เกมน่าจะหนักตั้งแต่ยกต้นและมีจังหวะปะทะให้เห็นบ่อยในโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร ความน่าสนใจอยู่ที่ว่าเหิรจะใช้ความหนาแน่นบี้จนทำให้เพชรเอกเสียทรงได้หรือไม่ และเพชรเอกจะคุมระยะหนีการปะทะยาว ๆ ได้แค่ไหน หากเกมลากไปถึงยกสี่ห้า โอกาสของเพชรเอกในเชิงความสดอาจชัดขึ้น แต่ถ้าเหิรได้จังหวะหนัก ๆ ตั้งแต่ต้น เกมอาจพลิกได้เร็วจากการที่อีกฝ่ายต้องรับแรงปะทะต่อเนื่อง
คู่ที่ 5 กิตติโชติ ศิษย์ อบต.เพ็ญนภา vs สิงขร ส.มนต์พิชิต (พิกัด 108)
มุมแดง – กิตติโชติ (108.2 | เกิน 0.2)
กิตติโชติชั่งเกิน 0.2 ถือว่าเกินน้อยมากและแทบไม่ทำให้เสียความคล่อง แต่ยังช่วยให้มีความแน่นขึ้นเล็กน้อย จุดสำคัญคือการรับมือกับคู่ชกที่เกินพิกัดมากกว่าอย่างชัดเจน เพราะความต่างมวลอาจสะท้อนแรงปะทะเมื่อเข้าวงในหรือยืนชน กิตติโชติจึงควรชกแบบไม่เล่นแรงปะทะโดยไม่จำเป็น ควรใช้ความเร็วและการออกอาวุธก่อนเป็นหลัก เช่น เตะตัดล่าง ถีบคุมระยะ และเปลี่ยนจังหวะให้คู่ชกจับทางยาก เพื่อไม่ให้ต้องรับแรงหนักต่อเนื่อง
มุมน้ำเงิน – สิงขร (109.8 | เกิน 1.8)
สิงขรชั่งเกินถึง 1.8 ซึ่งเป็นตัวเลขเกินมากที่สุดของรายการนี้ และเป็นข้อมูลที่ต้องจับตาอย่างจริงจัง เพราะอาจได้เปรียบเรื่องความหนาแน่นและแรงปะทะแบบเห็นชัด แต่ก็แลกกับความเสี่ยงเรื่องความอืดและการยืนระยะ หากสิงขรเป็นสายเดินบี้และชนวงใน เขาอาจทำให้คู่ชกเสียทรงและเสียแต้มจากการรับแรงกดดันได้ แต่ถ้าต้องไล่เกมนาน ๆ และโดนเตะตัดล่างสะสม ความหนักที่เกินมานี้อาจกลายเป็นภาระให้เหนื่อยเร็วขึ้น ดังนั้นการดูสภาพร่างกายจริงและความสดในยกต้นจะสำคัญมาก
สรุปคู่ที่ 5
คู่ที่ 5 ถือเป็นไฮไลต์ด้านผลชั่งน้ำหนักของโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร เพราะความต่างการเกินพิกัดชัดเจนมาก “แดงเกิน 0.2 vs น้ำเงินเกิน 1.8” เกมจึงน่าจะชี้ที่การคุมระยะของกิตติโชติและแรงบี้ของสิงขร ถ้าฝั่งแดงทำให้เกมเป็นการเข้าออกเร็ว ๆ ไม่ติดวงในนาน จะลดผลกระทบจากแรงปะทะ แต่ถ้าน้ำเงินปิดระยะได้และบี้ต่อเนื่อง ความหนาแน่นอาจทำให้เกิดช็อตที่ชนะใจกรรมการได้ง่าย โดยเฉพาะในช่วงยกที่เกมเริ่มหนักขึ้น
คู่ที่ 6 ไชยสงคราม ลูกสวน vs ตะกั่วป่า ช.เกตุวีณา (พิกัด 112)
มุมแดง – ไชยสงคราม (112.4 | เกิน 0.4)
ไชยสงครามชั่งเกิน 0.4 เป็นระดับที่ยังควบคุมได้และมักไม่ทำให้ความคล่องหายไปมาก จุดเด่นของการเกินเล็กน้อยคือความแน่นในจังหวะปะทะและการรับอาวุธหนัก หากไชยสงครามถนัดเดินบี้และเตะหนัก อาจสร้างความกดดันได้ต่อเนื่อง แต่ต้องระวังว่าคู่ชกก็เกินพิกัดเช่นกัน ทำให้เกมอาจหนักทั้งคู่และกินแรงมาก การบริหารพลังและการไม่เร่งเกินจำเป็นตั้งแต่ต้นจะช่วยให้ไชยสงครามยังมีแรงปิดเกมในยกสี่ห้าได้
มุมน้ำเงิน – ตะกั่วป่า (112.6 | เกิน 0.6)
ตะกั่วป่าชั่งเกิน 0.6 ซึ่งมากกว่าฝั่งแดงเล็กน้อย ทำให้มีความหนาแน่นเพิ่มขึ้นแต่ก็อาจเสียความไวบางส่วน หากตะกั่วป่าเป็นสายตั้งรับแล้วโต้ เขาควรใช้ความแน่นของร่างกายเป็นทุนในการยืนรับแล้วสวนให้ชัด โดยไม่จำเป็นต้องเดินไล่ตลอดเกม เพราะการเกินพิกัดทำให้การไล่เกมยาว ๆ เปลืองพลังมากขึ้น จุดน่าดูคือใครคุมจังหวะได้ก่อน และใครออกอาวุธเข้าเป้าชัดกว่า เพราะในคู่ที่ทั้งสองฝ่ายเกินพิกัด คะแนนมักไปอยู่ที่ความชัดและการคุมเกมมากกว่าการแลกแบบสะเปะสะปะ
สรุปคู่ที่ 6
คู่ที่ 6 เป็นคู่ที่เกินพิกัดทั้งสองฝ่าย “0.4 vs 0.6” ความต่างไม่มาก ทำให้เกมน่าจะออกมาแนวสูสีและวัดกันที่จังหวะกับความชัดของอาวุธเป็นหลักในโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร คนดูควรสังเกตว่าฝ่ายไหนเริ่มต้นด้วยแผนที่ชัด เช่น เตะนำ ตัดล่าง หรือจับในคุมเกม และใครทำได้ต่อเนื่องมากกว่า หากมีฝ่ายใดคุมยกสองยกสามได้ก่อน อีกฝ่ายจะต้องเร่งและเสี่ยงเปิดช่องในยกปลาย ซึ่งอาจเป็นจังหวะเปลี่ยนเกมสำคัญของคู่นี้
คู่ที่ 7 แก้ว อัศวินมือถือ vs รณกร ศิษย์นายกพันศักดิ์ (พิกัด 43 กก.)
มุมแดง – แก้ว (42.8 | ขาด 0.2)
แก้วชั่งขาด 0.2 ในพิกัด 43 กก. ซึ่งถือว่าขาดน้อย แต่ในพิกัดเล็กทุกกรัมมีความหมายมากกว่าพิกัดใหญ่ เพราะเกมเร็วและละเอียดสูง การขาดเล็กน้อยอาจช่วยให้เคลื่อนที่ไวและชิงจังหวะได้ดี หากแก้วเป็นสายตั้งรับแล้วสวน เขาสามารถใช้ความไวเป็นอาวุธหลักในการทำแต้ม โดยเฉพาะการเตะตัดล่างและการออกแล้วถอยเพื่อไม่ให้โดนชน อย่างไรก็ตามต้องระวังว่าคู่ชกชั่งเกินค่อนข้างมาก จึงไม่ควรยืนแลกปะทะตรง ๆ นานเกินไป
มุมน้ำเงิน – รณกร (43.9 | เกิน 0.9)
รณกรชั่งเกิน 0.9 ซึ่งในพิกัด 43 กก. ถือว่าเกินมากและอาจให้ความได้เปรียบด้านแรงปะทะและความหนาแน่นแบบเห็นชัด หากรณกรเดินบี้และปิดระยะได้ จะทำให้แก้วที่ตัวเล็กกว่าเสียทรงและเสียแต้มได้ง่าย แต่ความเสี่ยงคือความไวของเท้าและการไล่เกม เพราะพิกัดเล็กต้องใช้ความเร็วสูง หากรณกรเคลื่อนที่ช้าแล้วโดนแก้วชิงจังหวะเตะนำซ้ำ ๆ อาจตามคะแนนยากและเสียความมั่นใจในเกม ดังนั้นโจทย์ของรณกรคือปิดระยะให้เร็วและทำงานให้ชัดในวงใน
สรุปคู่ที่ 7
คู่ที่ 7 เป็นคู่ที่เห็นภาพ “ขาด vs เกิน” ชัดที่สุดในโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร เพราะแดงขาด 0.2 ขณะที่น้ำเงินเกิน 0.9 ความต่างนี้มักสะท้อนว่าเกมจะเป็นความไวของแก้วปะทะความหนาแน่นของรณกร หากแก้วคุมระยะได้ดีและทำแต้มด้วยอาวุธยาว เกมจะเข้าทางแดง แต่ถ้ารณกรจับระยะติดและทำให้เกิดการปะทะต่อเนื่อง ความได้เปรียบจากมวลร่างกายอาจทำให้การออกอาวุธของน้ำเงิน “ชัดกว่า” ในสายตากรรมการและปิดเกมได้
คู่ที่ 8 สี่พลัง ส.สละชีพ vs ฉลามดำ รองแป๊ะสำนักบกชลบุรี (พิกัด 116)
มุมแดง – สี่พลัง (116.2 | เกิน 0.2)
สี่พลังชั่งเกิน 0.2 ซึ่งเป็นการเกินเล็กน้อยที่มักไม่กระทบความคล่อง แต่เพิ่มความแน่นในจังหวะปะทะได้เล็กน้อย เกมในพิกัด 116 ต้องการทั้งความเร็วและความหนักพอสมควร ดังนั้นการเกินนิดเดียวอาจช่วยให้สี่พลังยืนแลกได้ดีขึ้นในบางจังหวะ แต่สิ่งสำคัญคือความต่อเนื่องของอาวุธและการคุมเกมไม่ให้เสียจังหวะ เพราะคู่ชกชั่งได้ตามพิกัดและอาจเคลื่อนที่ลื่นกว่า หากสี่พลังอยากได้เปรียบควรเริ่มเกมด้วยอาวุธที่ชัดและคุมระยะให้เป็นระบบ
มุมน้ำเงิน – ฉลามดำ (ชั่งได้ตามพิกัด)
ฉลามดำชั่งได้ตามพิกัด 116 ซึ่งเป็นสัญญาณความพร้อมที่ดีและช่วยให้การออกอาวุธมีความลื่นไหล หากฉลามดำถนัดคุมเกมด้วยแข้งยาวหรือถีบคุมจังหวะ เขาควรเล่นแบบเก็บแต้มทีละช็อตและรักษาระยะปลอดภัยเพื่อไม่ให้โดนปะทะแรง ๆ จากคู่ชกที่ตัวหนาเล็กน้อย การชั่งตามพิกัดยังช่วยให้ฉลามดำมีโอกาสเร่งในยกปลาย หากเกมยังสูสีและต้องปิดท้ายด้วยความขยันและความชัดของอาวุธ ซึ่งเป็นจุดตัดสินสำคัญในหลายไฟต์ของเวทีใหญ่
สรุปคู่ที่ 8
คู่ปิดรายการของโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร เป็นภาพ “แดงเกินเล็กน้อย vs น้ำเงินตามพิกัด” ซึ่งความต่างไม่มากและอาจทำให้เกมสูสี แต่รายละเอียดจะอยู่ที่ใครคุมจังหวะได้ก่อน หากสี่พลังทำเกมบี้และทำให้อาวุธหนักชัด ก็มีลุ้น แต่ถ้าฉลามดำคุมระยะและเก็บแต้มด้วยอาวุธยาวได้สม่ำเสมอ เกมจะไหลไปทางน้ำเงินมากขึ้น คนดูควรจับตาว่าใครวางแผนตั้งแต่ยกแรกได้ชัดกว่า เพราะไฟต์ท้ายรายการมักกดดันและจังหวะผิดพลาดเพียงครั้งเดียวอาจพลิกคะแนนได้
สำหรับคอวัวชนตัวจริง การติดตามชมการแข่งขันสดๆ
ไม่พลาดทุกความเคลื่อนไหว เว็บดูวัวชนสด อันดับ 1 ที่ให้ประสบการณ์ที่ดีที่สุด
รายละเอียดรายการ ศึกมวยไทยพันธมิตร
แข่งวันไหน กี่โมง
โปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร จัดในวันที่ 15 ธันวาคม 2568 และเริ่มเวลา 18:00 น. ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่แฟนมวยนิยมติดตามเพราะดูต่อเนื่องได้ยาวและบรรยากาศคึกคัก การแข่งขันช่วงเย็นยังทำให้หลายค่ายมีเวลาเตรียมความพร้อมหลังชั่งน้ำหนักพอสมควร ดังนั้นตัวเลขเกินหรือขาดที่เห็นในโพยนี้ควรถูกตีความร่วมกับความสดหน้างาน เพราะบางคนอาจปรับสภาพร่างกายหลังชั่งได้ดี ทำให้ความได้เปรียบเสียเปรียบจากตัวเลขลดลง
จัดที่ไหน
รายการนี้จัดที่เวทีมวยตะวันนา ซึ่งเป็นเวทีที่บรรยากาศการเชียร์มักกดดันและทำให้เกมชัดขึ้นเร็ว นักมวยที่ออกอาวุธชัดเจนและคุมเกมต่อเนื่องมักทำคะแนนได้ดี ขณะเดียวกันนักมวยสายรออย่างเดียวอาจต้องเพิ่มความขยันเพื่อให้กรรมการเห็นความชัดของอาวุธ เมื่อรวมกับผลชั่งน้ำหนักของหลายคู่ที่เกินพิกัดค่อนข้างมาก ทำให้การคุมเกมยกต้นและการจัดการแรงปลายยกเป็นสิ่งที่น่าจับตาเป็นพิเศษตลอดทั้งรายการ
วิธีอ่าน “ชั่งได้/เกิน/ขาด” ในโพยนี้
ในโพยโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร ชุดนี้จะมีรูปแบบการเขียนหลายแบบ เช่น “ชั่งได้ตามพิกัด” หมายถึงน้ำหนักตรงพิกัด ส่วนรูปแบบ “111.6-0.6” หรือ “118-1.0” เป็นการย่อให้เข้าใจว่า “ชั่งเกิน” ตามตัวเลขหลังขีด เช่น 111.6-0.6 คือเกิน 0.6 และ 118-1.0 คือเกิน 1.0 ขณะที่รูปแบบ “117.8 ขาด 0.2” คือชั่งต่ำกว่าพิกัด 0.2 การเข้าใจรูปแบบนี้ช่วยลดความสับสน และทำให้การวิเคราะห์ก่อนชกแม่นขึ้นโดยไม่ตีความตัวเลขผิด
อินไซต์รวมจากผลชั่งน้ำหนัก (สรุปภาพทั้งรายการ)
เมื่อมองผลชั่งน้ำหนักทั้งรายการ จะเห็นว่ามีฝั่งที่ชั่งได้ตามพิกัดอยู่ 3 รายคือทนงเดช (คู่ 1 น้ำเงิน), ดาวิด (คู่ 3 น้ำเงิน) และฉลามดำ (คู่ 8 น้ำเงิน) ซึ่งมักสะท้อนความพร้อมด้านการคุมร่างกาย ขณะเดียวกันฝั่งที่ชั่งเกินเด่นที่สุดคือสิงขร ส.มนต์พิชิต (คู่ 5 น้ำเงิน) ที่เกิน 1.8 รองลงมาคือเหิร (คู่ 4 แดง) เกิน 1.2 และเห่าดง (คู่ 3 แดง) เกิน 1.0 ส่วนฝั่งที่ชั่งขาดตามข้อมูลนี้มากสุดอยู่ที่ 0.2 ซึ่งเกิดในคู่ที่ 2 ทั้งสองฝ่าย และคู่ที่ 7 ฝั่งแดง ทำให้บางไฟต์น่าจะวัดกันที่ฝีมือและความชัดของอาวุธมากกว่าปัจจัยน้ำหนัก
อีกคู่ที่น่าสนใจในเชิงสถิติคือคู่ที่ 2 เพราะชั่งได้เท่ากันที่ 117.8 และขาดเท่ากัน 0.2 ทำให้เป็นไฟต์ตัวอย่างว่าผลชั่งไม่ได้ชี้ขาดทุกอย่าง แต่ช่วยให้เราตัด “ตัวแปรน้ำหนัก” ออกไป แล้วไปโฟกัสแท็กติกและอาวุธถนัดแทน ขณะที่คู่ที่ 7 ก็เป็นไฟต์ที่แสดงความต่างชัดของขาดและเกินในพิกัดเล็ก ซึ่งอาจทำให้รูปเกมแบ่งขั้วระหว่างความไวกับความหนาแน่นอย่างชัดเจน คนดูที่อยากจับตาไฟต์ที่มีเงื่อนไขพิเศษจากตัวเลข คู่นี้ถือว่าโดดเด่นมากในรายการ
คำถามที่พบบ่อย (FAQ) โปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร
ศึกมวยไทยพันธมิตร 15 ธันวาคม 2568 ชกกี่โมง ที่ไหน
โปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร จัดวันที่ 15 ธันวาคม 2568 เวลา 18:00 น. ณ เวทีมวยตะวันนา โดยเป็นช่วงเย็นที่คนดูติดตามได้ต่อเนื่องและบรรยากาศมักคึกคัก หากคุณต้องการวางแผนดูให้ทันคู่ที่สนใจ แนะนำให้เปิดรับชมก่อนเวลาเล็กน้อยเพื่อไม่พลาดคู่เปิด และเพื่อได้เห็นสภาพร่างกายจริงก่อนขึ้นเวที ซึ่งช่วยให้ประเมินผลชั่งน้ำหนักที่เห็นในโพยได้แม่นยำขึ้น
คำว่า “ชั่งได้ 118.2-1.2” แปลว่าอะไร
รูปแบบ “ชั่งได้ 118.2-1.2” เป็นการเขียนย่อเพื่อบอกว่า “ชั่งเกิน 1.2” จากพิกัดที่กำหนด เช่น พิกัด 117 แต่ชั่งได้ 118.2 จึงเกิน 1.2 การอ่านให้ถูกสำคัญมากเพราะบางคนเข้าใจผิดว่าเป็นการขาด ซึ่งจะทำให้การประเมินความได้เปรียบเสียเปรียบผิดทิศทาง ดังนั้นในโพยลักษณะนี้ให้สังเกตว่าตัวเลขชั่งจริงมากกว่าพิกัดหรือไม่ แล้วเทียบกับตัวเลขหลังขีดเพื่อยืนยันว่าเกินเท่าไร
วันนี้มีทั้งหมดกี่คู่ และคู่ไหนชั่งเกินมากที่สุด
รายการนี้มีทั้งหมด 8 คู่ และผู้ที่ชั่งเกินมากที่สุดตามโพยคือสิงขร ส.มนต์พิชิต ในคู่ที่ 5 ฝั่งน้ำเงิน โดยชั่งได้ 109.8 ในพิกัด 108 จึงเกิน 1.8 รองลงมาคือเหิรในคู่ที่ 4 ฝั่งแดงเกิน 1.2 และเห่าดงในคู่ที่ 3 ฝั่งแดงเกิน 1.0 ตัวเลขเหล่านี้ช่วยให้คนดูจับตาว่าคู่ไหนอาจมีแรงปะทะเพิ่ม แต่ก็ต้องดูความฟิตและความคล่องจริงวันชกประกอบเสมอ
คู่ไหนชั่งได้ตามพิกัดบ้าง
ผู้ที่ชั่งได้ตามพิกัดในรายการนี้คือทนงเดช (คู่ที่ 1 มุมน้ำเงิน), ดาวิด (คู่ที่ 3 มุมน้ำเงิน) และฉลามดำ (คู่ที่ 8 มุมน้ำเงิน) การชั่งตามพิกัดมักสะท้อนว่าคุมร่างกายมาดีและมีโอกาสรักษาความเร็วกับความอึดได้ต่อเนื่องในยกปลาย อย่างไรก็ตามการชั่งตามพิกัดเป็นเพียงปัจจัยหนึ่ง การชนะยังขึ้นกับสไตล์การชก แผนการเดินเกม และความชัดของอาวุธในแต่ละยกเป็นหลัก
ควรดูผลชั่งน้ำหนักเพื่อวิเคราะห์ก่อนชกอย่างไร
การดูผลชั่งน้ำหนักให้เกิดประโยชน์ควรใช้เป็น “ข้อมูลตั้งต้น” เพื่อประเมินความพร้อม เช่น ชั่งเกินมากอาจได้ความหนาแน่นและแรงปะทะ แต่เสี่ยงความอืดและแรงตก ส่วนชั่งขาดมากอาจได้ความไวแต่เสี่ยงแรงต้านและการรับอาวุธหนัก สำหรับโปรแกรมมวย ศึกมวยไทยพันธมิตร ชุดนี้มีทั้งคู่ที่ต่างชัดและคู่ที่เท่ากัน จึงเหมาะกับการดูแบบเปรียบเทียบว่าเมื่อขึ้นชกจริง ใครคุมระยะได้ ใครคุมเกมได้ และใครออกอาวุธชัดกว่า เพราะสุดท้ายคะแนนมักตัดสินด้วยความชัดและการคุมเกมมากกว่าตัวเลขบนตาชั่งเพียงอย่างเดียว

