ศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร ในวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ณ สนามมวยเวทีราชดำเนิน ถือเป็นหนึ่งในรายการมวยไทยค่ำคืนวันหยุดที่แฟนมวยให้ความสนใจอย่างมาก เพราะศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร เป็นการผสานระหว่างมาตรฐานการจัดมวยของสายเกียรติเพชร ที่ขึ้นชื่อเรื่องคุณภาพคู่ชก กับแนวบู๊ดุดันในสไตล์ TKO ที่เน้นความมันส์ต่อเนื่องทุกยก โดยในบัตรนี้เริ่มชกตั้งแต่เวลา 18.00 น. ไปจนถึงประมาณ 20.15 น. รวมทั้งหมด 9 คู่ ครอบคลุมพิกัดตั้งแต่มวยเล็ก 102–103 ปอนด์ ไปจนถึงรุ่นใหญ่ 156 ปอนด์ เรียกได้ว่ามีให้แฟนมวยได้ลุ้นทุกรูปร่างและทุกสไตล์การชกอย่างแท้จริง
จุดเด่นสำคัญของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร ครั้งนี้ คือความหลากหลายของตัวนักชกที่ขนมาทั้งสายไทยแท้จากค่ายดัง และสายต่างชาติที่ซ้อมประจำในไทย ไม่ว่าจะเป็นเพชรมั่งมี อ.อู๊ดอุดร และพฤหัสน้อย ส.สมหมาย จากสายมวยไทยดั้งเดิม หรือยอดคลาสสิคและหนุ่มชีวาสจากไรซิ่งมวยไทย รวมไปถึงอาลี แฟมิลี่มวยไทย และข่าน ปากีสถานไฟต์เฮาส์ ที่เพิ่มสีสันมวยนานาชาติให้กับบัตรนี้ ทั้งหมดนี้ทำให้ศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร กลายเป็นการ์ดมวยที่นอกจากจะเดือดในสายแฟนมวยไทยแล้ว ยังตอบโจทย์ภาพลักษณ์มวยไทยสู่สายตาโลกได้อย่างลงตัว
ภาพรวมศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร วันอาทิตย์ที่เวทีราชดำเนิน
ศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร รอบวันที่ 30 พฤศจิกายน 2568 นี้ ถูกจัดขึ้นบนเวทีราชดำเนิน เวทีประวัติศาสตร์ของมวยไทยในกรุงเทพฯ
ซึ่งนอกจากจะเป็นสนามที่แฟนมวยชาวไทยคุ้นเคยแล้ว ยังเป็นจุดหมายปลายทางของแฟนมวยต่างชาติที่อยากเห็นมวยไทยแท้ในบรรยากาศจริงของสนามมวยระดับตำนาน
เริ่มชกตั้งแต่เวลา 18.00 น. จึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการปิดท้ายวันหยุดด้วยการรับชมศึกใหญ่ที่มีทั้งมวยไทยและต่างชาติปะทะกันอย่างเข้มข้นบนผืนผ้าใบเดียวกัน
แฟนมวยที่ตั้งใจเดินทางมาชมในสนามก็จะได้สัมผัสอารมณ์เชียร์แบบใกล้ชิด ส่วนคนที่ชมผ่านจอก็จะได้รับการถ่ายทอดมุมกล้องที่เน้นอารมณ์เกมการชกอย่างถึงใจไม่แพ้กัน
ด้วยจำนวนคู่ชกทั้งหมด 9 คู่ บนพิกัดที่หลากหลาย ตั้งแต่ 102, 103, 106, 123, 127, 131, 132, 145 จนถึง 156 ปอนด์
ทำให้ศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร มีจังหวะการไล่ระดับของความดุเดือดที่ชัดเจน เริ่มจากมวยเล็กฝีมือจัดพิกัด 102–103 ปอนด์
ไล่ขึ้นสู่มวยรุ่นกลาง 123–132 ปอนด์ก่อนจะระเบิดพลังของมวยรุ่นใหญ่ 145 และ 156 ปอนด์ในช่วงกลางถึงท้ายรายการ
จึงกล่าวได้ว่าการ์ดนี้ถูกออกแบบมาอย่างพิถีพิถันเพื่อให้ผู้ชมได้อารมณ์ครบทั้งเกมเร็ว จังหวะฉลาด และแรงปะทะสมบูรณ์ในค่ำคืนเดียวของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร
ตารางการแข่งขัน ศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร 30 พฤศจิกายน 2568
ตารางด้านล่างนี้แสดงข้อมูลสำคัญของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร ทั้งชื่อคู่ชก พิกัด และผลการชั่งน้ำหนักจริงว่าตามพิกัด ลด หรือขาดเท่าไร
ซึ่งข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานสำคัญของการวิเคราะห์มวย เพราะน้ำหนักที่ชั่งได้สะท้อนถึงสภาพร่างกายก่อนขึ้นเวที ทั้งในแง่การลดน้ำหนัก การฟื้นตัว และการได้เปรียบเสียเปรียบเชิงมวลกล้ามเนื้อ
แฟนมวยที่ชอบวิเคราะห์อย่างละเอียดมักใช้ตารางนี้เป็นจุดเริ่มต้นก่อนจะไปเจาะลึกสไตล์การชกและฟอร์มหลังของนักมวยแต่ละมุม
| คู่ที่ | มุมแดง | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งได้ | สถานะน้ำหนัก | มุมน้ำเงิน | พิกัด (ปอนด์) | ชั่งได้ | สถานะน้ำหนัก | หมายเหตุ |
|---|---|---|---|---|---|---|---|---|---|
| 1 | เพชรมั่งมี อ.อู๊ดอุดร | 103.0 | 101.7 | ลด 1.3 ปอนด์ | ยอดคลาสสิค ไรซิ่งมวยไทย | 103.0 | 103.0 | ตามพิกัด | เปิดหัวพิกัด 103 ปอนด์ |
| 2 | ยอดอัจฉริยะ ท็อปแฟรี่ยิม | 102.0 | 101.9 | ลด 0.1 ปอนด์ | ศิลาชัย ดาบชาญกองปราบ | 102.0 | 101.0 | ลด 1.0 ปอนด์ | มวยเล็กฝีมือจัด 102 ป. |
| 3 | พฤหัสน้อย ส.สมหมาย | 145.0 | 145.0 | ตามพิกัด | หนุ่มชีวาส ไรซิ่งมวยไทย | 145.0 | 143.7 | ขาด 1.3 ปอนด์ | รุ่นใหญ่ 145 ปอนด์ |
| 4 | ทวีชัย นายกจอยปราจีน | 132.0 | 132.0 | ตามพิกัด | ยอดวิทยา สท.เหี่ยวบางแสน | 132.0 | 131.3 | ขาด 0.7 ปอนด์ | พิกัด 132 ปอนด์ เชิงจัด |
| 5 | นิวเคลียร์ ส.สุภัทโท | 106.0 | 105.5 | ขาด 0.5 ปอนด์ | พยัคฆ์เมฆา ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน | 106.0 | 104.8 | ขาด 1.2 ปอนด์ | มวยเล็กพลังระเบิด 106 ป. |
| 6 | สมหมาย เจ.ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน | 123.0 | 123.0 | ตามพิกัด | แซน ไทเกอร์มวยไทย | 123.0 | 122.8 | ลด 0.2 ปอนด์ | พิกัด 123 ปอนด์ เหมาะสม |
| 7 | อาลี แฟมิลี่มวยไทย | 156.0 | 156.0 | ตามพิกัด | สิงห์ดำ ศิษย์อันดามันเสือแบล็คมวยไทย | 156.0 | 156.0 | ตามพิกัด | รุ่นใหญ่สุด 156 ปอนด์ |
| 8 | มังกรขาว ศิษย์สั่งปราบ | 131.0 | 129.9 | ขาด 1.1 ปอนด์ | ข่าน ปากีสถานไฟต์เฮาส์ | 131.0 | 129.3 | ลด 1.7 ปอนด์ | ไทย vs ปากีสถาน 131 ป. |
| 9 | เฉินเกน หลี ไวค์ชาชาร์คไฟต์ติ้งยิม | 127.0 | 127.0 | ตามพิกัด | เพชรจีระศักดิ์ ส.รุ่งศักดิ์ | 127.0 | 127.0 | ตามพิกัด | รุ่น 127 ปอนด์ปิดท้ายรายการ |
จากตารางจะเห็นว่ามวยในศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร รอบนี้มีทั้งกรณี “ตามพิกัด” “ขาด” และ “ลด” ให้แฟนมวยได้หยิบไปใช้ประกอบการวิเคราะห์หลายมุมมอง
โดยมีคู่ที่ลดน้ำหนักค่อนข้างมากคือเพชรมั่งมีที่ลดถึง 1.3 ปอนด์ และข่านจากปากีสถานไฟต์เฮาส์ที่ลดถึง 1.7 ปอนด์
ซึ่งต่างจากนักมวยหลายคนที่ชั่งได้ตามพิกัดเต็ม เช่น ยอดคลาสสิค พฤหัสน้อย ทวีชัย สมหมาย อาลี สิงห์ดำ รวมถึงคู่ปิดเฉินเกน หลี กับเพชรจีระศักดิ์
จุดนี้ทำให้บางไฟต์มีสมดุลด้านน้ำหนักมาก ในขณะที่บางไฟต์อาจมีคำถามว่าใครจะปรับสภาพร่างกายหลังการลดน้ำหนักได้ดีกว่ากัน
สิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นรายละเอียดสำคัญที่สะท้อนคุณภาพและความเข้มข้นของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร บนเวทีราชดำเนินในค่ำคืนนี้
วิเคราะห์คู่มวย ศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร แบบเจาะลึก
ในส่วนของการวิเคราะห์คู่มวยศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร ต่อไปนี้ เราจะพิจารณาทั้งด้านน้ำหนักที่ชั่งจริง ความแตกต่างของพิกัด สไตล์ของแต่ละค่าย และแนวทางการชกที่คาดว่าจะเห็นบนเวที
เพื่อให้แฟนมวยใช้เป็นแนวทางในการอ่านเกมล่วงหน้าก่อนชมของจริง และยังเป็นการเพิ่มอรรถรสในการดูมวยให้สนุกกว่าการลุ้นผลแพ้ชนะอย่างเดียว
ด้วยการมองทั้งมุมแท็กติก ความสดของร่างกาย และความเป็นไปได้ของการเปลี่ยนรูปเกมในแต่ละยกของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร รอบนี้
คู่ที่ 1 เพชรมั่งมี อ.อู๊ดอุดร vs ยอดคลาสสิค ไรซิ่งมวยไทย (พิกัด 103 ปอนด์)
คู่เปิดหัวของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร เป็นการพบกันของเพชรมั่งมี อ.อู๊ดอุดร ในมุมแดง กับ ยอดคลาสสิค ไรซิ่งมวยไทย ในมุมน้ำเงิน ในพิกัด 103 ปอนด์
เพชรมั่งมีต้องลดน้ำหนักลงมาถึง 1.3 ปอนด์ ชั่งจริงที่ 101.7 ปอนด์ ในขณะที่ยอดคลาสสิคชั่งได้เต็มพิกัด 103 ปอนด์
ความแตกต่างนี้ชัดเจนว่าฝั่งยอดคลาสสิคจะมีมวลร่างกายและแรงปะทะมากกว่า ขณะที่เพชรมั่งมีอาจได้ข้อดีเรื่องความเบาสบายและความเร็วในการเคลื่อนที่ แต่ต้องแลกกับการฟื้นตัวหลังการลดที่หนักกว่า
ในด้านสไตล์ เพชรมั่งมีจากสาย อ.อู๊ดอุดร เป็นมวยไทยที่มีทั้งลูกเตะและหมัดที่ใช้ได้ดี หากสามารถใช้ความไวและการเข้าออกเร็วเข้าช่วย ก็อาจทำคะแนนนำได้ในช่วงต้นยก
ส่วนยอดคลาสสิค ไรซิ่งมวยไทย ซึ่งเป็นค่ายสายอินเตอร์ผสมไทย มีแนวโน้มจะเน้นการชกที่มีความสมดุลทั้งหมัดและแข้ง และใช้พละกำลังเป็นตัวปิดเกมในจังหวะที่ได้โอกาส
หากยอดคลาสสิคสามารถลากเกมให้ยืดเยื้อ ผลของน้ำหนักที่มากกว่าจะเริ่มส่งผลชัดในช่วงท้ายยกที่เพชรมั่งมีอาจมีอาการแผ่วลง
แต่หากเพชรมั่งมีบริหารแรงดีและเก็บคะแนนตั้งแต่ต้นได้มากพอ ก็ยังมีโอกาสประคองตัวคว้าชัยในไฟต์เปิดศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร คู่นี้
คู่ที่ 2 ยอดอัจฉริยะ ท็อปแฟรี่ยิม vs ศิลาชัย ดาบชาญกองปราบ (พิกัด 102 ปอนด์)
คู่ที่สองในพิกัด 102 ปอนด์เป็นการเจอกันของ ยอดอัจฉริยะ ท็อปแฟรี่ยิม มุมแดง กับ ศิลาชัย ดาบชาญกองปราบ มุมน้ำเงิน
ยอดอัจฉริยะลดน้ำหนักเพียง 0.1 ปอนด์ เรียกได้ว่าเกือบเต็มพิกัด 102 ปอนด์เต็ม ส่วนศิลาชัยต้องลดถึง 1.0 ปอนด์ ชั่งจริงที่ 101 ปอนด์
ตัวเลขนี้ทำให้ยอดอัจฉริยะดูมีความได้เปรียบด้านความแน่นของร่างกายและความสมดุล ขณะที่ศิลาชัยจะตัวเบากว่า เหมาะกับสไตล์การเคลื่อนไหวเร็วและการเล่นจังหวะมากกว่าปะทะตรง ๆ
ยอดอัจฉริยะจากท็อปแฟรี่ยิม เป็นมวยสายเทคนิคที่เน้นการออกอาวุธอย่างเฉียบคมและมีชั้นเชิง โดยเฉพาะลูกเตะและหมัดที่มีจังหวะสองสวย
ในศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร หากเขาสามารถใช้ความได้เปรียบด้านน้ำหนักและสภาพร่างกายบวกกับเทคนิคการชกที่แม่นยำ ก็จะสร้างความลำบากให้ศิลาชัยอย่างมาก
ส่วนฝั่งศิลาชัย ดาบชาญกองปราบ เป็นมวยที่ชื่อแสดงถึงความดุดันและแกร่งแบบสายบู๊ หากสามารถสำรองแรงและเล่นเป็นช่วง ๆ ใช้ลูกหนักเข้ากดดันยอดอัจฉริยะได้ ก็ยังมีสิทธิ์พลิกไฟต์นี้ให้กลับมาสูสีในสายตากรรมการ
คู่นี้จึงเป็นอีกหนึ่งไฟต์ที่มีความน่าสนใจทั้งในแง่ตัวเลขน้ำหนักและสไตล์มวยที่ต่างกันอย่างลงตัว
คู่ที่ 3 พฤหัสน้อย ส.สมหมาย vs หนุ่มชีวาส ไรซิ่งมวยไทย (พิกัด 145 ปอนด์)
คู่ที่สามคือไฟต์รุ่นใหญ่ในพิกัด 145 ปอนด์ระหว่าง พฤหัสน้อย ส.สมหมาย มุมแดง กับ หนุ่มชีวาส ไรซิ่งมวยไทย มุมน้ำเงิน
โดยพฤหัสน้อยชั่งได้ตามพิกัด 145 ปอนด์เต็ม ส่วนหนุ่มชีวาสชั่งได้ 143.7 ปอนด์ ขาดไป 1.3 ปอนด์
ความแตกต่างนี้หมายความว่าพฤหัสน้อยจะมีรูปร่างและแรงชนมากกว่าค่อนข้างเห็นได้ชัด ขณะที่หนุ่มชีวาสอาจได้เปรียบที่ความคล่องตัวเล็กน้อย แต่ต้องระวังเมื่อยืนแลกในระยะปะทะใกล้
พฤหัสน้อย ส.สมหมาย เป็นมวยสายค่ายใหญ่ที่แฟนมวยรู้จักกันดีว่ามักมีทั้งความแข็งแกร่งและประสบการณ์ในไฟต์ใหญ่
เกมของเขาน่าจะเน้นการเดินกดดัน ใช้แข้งหนักและเข่าดุดันเข้าทำให้คู่ชกเหนื่อยและเสียรูปมวย
ในขณะที่หนุ่มชีวาสจากไรซิ่งมวยไทย ซึ่งค่ายขึ้นชื่อด้านการฝึกแบบผสมผสานระหว่างมวยไทยกับการเตรียมร่างกายสมัยใหม่ อาจเน้นใช้การเคลื่อนที่และจังหวะหมัดสวนเป็นอาวุธสำคัญ
ไฟต์นี้ในศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร จึงน่าจะออกมาในรูปแบบที่พฤหัสน้อยพยายามบดให้เกมกลายเป็นมวยวงใน ส่วนหนุ่มชีวาสต้องพยายามเล่นวงนอกและไม่ปล่อยให้ฝ่ายแดงได้ใช้พละกำลังเต็มที่
คู่ที่ 4 ทวีชัย นายกจอยปราจีน vs ยอดวิทยา สท.เหี่ยวบางแสน (พิกัด 132 ปอนด์)
คู่ที่สี่ในพิกัด 132 ปอนด์ เป็นการปะทะของสองมวยสายสร้างชื่อภูธรอย่าง ทวีชัย นายกจอยปราจีน และ ยอดวิทยา สท.เหี่ยวบางแสน
ทวีชัยชั่งได้ตามพิกัด 132 ปอนด์เต็ม ขณะที่ยอดวิทยาขาดไป 0.7 ปอนด์ ชั่งได้ 131.3 ปอนด์
ในเชิงน้ำหนัก ทวีชัยจึงมีแรงปะทะและความแน่นของลำตัวมากกว่า ส่วนยอดวิทยามีข้อดีคือความเบาและคล่องตัวในการหลบหลีก แต่ต้องมีวินัยในการป้องกันตัวเมื่อเจอลูกหนักจากคู่ชกในระยะประชิด
ทวีชัยน่าจะเน้นการเดินหน้าคุมจังหวะ ใช้ลูกถีบและเตะเป็นตัวเปิดทาง แล้วตามด้วยหมัดหรือเข่าในจังหวะที่คู่ต่อสู้เสียสมดุล
ส่วนยอดวิทยา สท.เหี่ยวบางแสน มีแนวโน้มจะใช้เกมวงนอก เน้นหมัด–แข้งที่อาศัยความเร็วและมุมที่ฝั่งแดงคาดไม่ถึง
ไฟต์นี้ของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร จึงเป็นไฟต์ที่น่าดูสำหรับสายชอบมวยพิกัดกลางที่ใช้ทั้งแรงและสมองในการตัดสินใจ
ผู้ชนะอาจไม่ใช่คนที่แรงที่สุด แต่เป็นคนที่วางเกมได้ละเอียดกว่าและผิดพลาดน้อยที่สุดในช่วงชี้ชะตา
คู่ที่ 5 นิวเคลียร์ ส.สุภัทโท vs พยัคฆ์เมฆา ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน (พิกัด 106 ปอนด์)
คู่ที่ห้าในพิกัด 106 ปอนด์ระหว่าง นิวเคลียร์ ส.สุภัทโท กับ พยัคฆ์เมฆา ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน เป็นมวยเล็กพลังระเบิดตามชื่อของคนแดง
โดยนิวเคลียร์ขาดไป 0.5 ปอนด์ ส่วนพยัคฆ์เมฆาขาดมากถึง 1.2 ปอนด์ อยู่ที่ 104.8 ปอนด์จริง
จึงพอจะกล่าวได้ว่าตัวของพยัคฆ์เมฆาอาจบางกว่าพอสมควรแต่ได้ความเบา ขณะที่นิวเคลียร์ยังมีความแน่นในระดับที่ดี ทำให้สมดุลระหว่างแรงและความเร็วของทั้งสองฝ่ายแตกต่างกันอย่างน่าศึกษา
นิวเคลียร์อาจวางเกมให้ออกมาในรูปแบบของมวยเดินเร็ว เน้นการเข้าทำที่หลากหลาย เช่น เตะนำ ต่อยตาม เข้าคลินช์ทำเข่าเพื่อกดพลังของพยัคฆ์เมฆาไม่ให้เล่นวงนอกได้มากนัก
ในทางกลับกัน พยัคฆ์เมฆา ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน ที่ตัวเบากว่าอย่างชัดเจน มีโอกาสจะใช้ความเร็วและการเด้งตัวในการสวนกลับเป็นอาวุธหลัก โดยเฉพาะหมัดและแข้งที่ส่งออกจากระยะกลาง
หากเขาสามารถหลีกเลี่ยงการปะทะหนักในวงใน และใช้จังหวะโต้กลับได้ต่อเนื่อง ศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร คู่นี้ก็อาจมีผลออกมาแบบใกล้เคียงจนต้องลุ้นคะแนนแบบสุดฝีมือกรรมการ
คู่ที่ 6 สมหมาย เจ.ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน vs แซน ไทเกอร์มวยไทย (พิกัด 123 ปอนด์)
คู่ที่หกในพิกัด 123 ปอนด์ เป็นการเจอกันของ สมหมาย เจ.ศิษย์หลวงพี่น้ำฝน มุมแดง และ แซน ไทเกอร์มวยไทย มุมน้ำเงิน
สมหมายชั่งได้ตามพิกัด 123 ปอนด์เต็ม ขณะที่แซนลดมาเล็กน้อย 0.2 ปอนด์ อยู่ที่ 122.8 ปอนด์
น้ำหนักที่ต่างกันเพียงเล็กน้อยไม่ได้ทำให้รูปทรงสรีระต่างกันมากนัก ถือเป็นไฟต์ที่แฟร์ในเชิงตัวเลขและพร้อมให้ทั้งสองฝ่ายวัดกันด้วยฝีมือบนเวทีอย่างแท้จริง
สมหมายในฐานะตัวแทนสายศิษย์หลวงพี่น้ำฝน น่าจะเป็นมวยที่เน้นการต่อสู้แบบครบเครื่องทั้งแข้งและหมัด ใช้การกระจายอาวุธเพื่อควบคุมเกม
ส่วนแซนจากค่ายไทเกอร์มวยไทย ซึ่งเป็นที่รู้จักในหมู่ชาวต่างชาติและนักมวยสาย MMA มักมีการซ้อมที่เข้มข้นและเน้นฟิตเนสสูง
ไฟต์นี้ของศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร จึงน่าจะออกมาสนุกในเชิงเทคนิคเพราะทั้งคู่มีพื้นฐานการซ้อมและการเตรียมตัวที่จริงจัง
และเมื่อไม่มีปัจจัยด้านน้ำหนักมากวนใจ ความแตกต่างที่จะตัดสินจึงอยู่ที่ใครจะอ่านเกมได้ขาดและทนแรงปะทะได้ดีกว่าในช่วงท้ายไฟต์
คู่ที่ 7 อาลี แฟมิลี่มวยไทย vs สิงห์ดำ ศิษย์อันดามันเสือแบล็คมวยไทย (พิกัด 156 ปอนด์)
คู่ที่เจ็ดคือไฟต์รุ่นใหญ่สุดในศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร ครั้งนี้ ในพิกัด 156 ปอนด์ ระหว่าง อาลี แฟมิลี่มวยไทย และ สิงห์ดำ ศิษย์อันดามันเสือแบล็คมวยไทย
ทั้งคู่ชั่งได้ตามพิกัด 156 ปอนด์เต็ม ไม่มีการลดหรือขาดน้ำหนัก ทำให้เป็นไฟต์ที่สมดุลอย่างมากในมุมสรีระ
เนื่องจากรุ่นนี้เป็นรุ่นที่พละกำลังและแรงปะทะสูง จังหวะหมัดหรือเข่าที่เข้าเป้าเพียงหนึ่งครั้งสามารถเปลี่ยนรูปเกมได้ทันที จึงไม่แปลกที่คู่นี้จะถูกจับตามองว่าอาจมีน็อกให้เห็นได้ตลอดทั้งสามยก
อาลี แฟมิลี่มวยไทย เป็นตัวแทนนักชกต่างชาติที่ฝึกซ้อมในค่ายไทยอย่างจริงจัง มีจุดเด่นด้านการกล้าปะทะและการผสมหมัดเข้ากับลูกเตะและเข่าได้ดี
ส่วนสิงห์ดำ ศิษย์อันดามันเสือแบล็คมวยไทย มาจากสายมวยใต้ที่ขึ้นชื่อเรื่องใจสู้และแรงชนที่บ้าดีเดือด
เมื่อทั้งสองมาชนกันบนเวทีเดียวในศึกท่อน้ำไทย TKO เกียรติเพชร จึงแทบการันตีได้ว่าคว
