ไฮไลท์ฟุตบอล โปรตุเกส พบ สเปน ในรอบชิงชนะเลิศของศึกยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก 2025 กลายเป็นแมตช์ที่ดุเดือดและเต็มไปด้วยจังหวะเร้าใจตลอด 120 นาที ก่อนที่ทีมชาติโปรตุเกสจะเฉือนชนะจุดโทษ 5-3 หลังเสมอกัน 2-2 คว้าแชมป์เป็นสมัยที่สองอย่างยิ่งใหญ่ พร้อมทำสถิติเป็นชาติแรกที่คว้าแชมป์รายการนี้ได้สองครั้ง นับตั้งแต่ก่อตั้งการแข่งขัน
เกมนี้ไม่เพียงแต่เต็มไปด้วยจังหวะลุ้นระทึก แต่ยังเป็นวันที่ซูเปอร์สตาร์อย่าง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ยิงประตูที่ 138 ในนามทีมชาติ เพิ่มสถิติความยิ่งใหญ่ของตำนานที่ยังมีลมหายใจ การประสานงานของผู้เล่นในแต่ละฝั่งก่อให้เกิดเกมที่ตื่นเต้นเร้าใจตั้งแต่นาทีแรกจนนาทีสุดท้าย พร้อมฉากดราม่าในช่วงต่อเวลาและการดวลจุดโทษที่เข้มข้นจนนั่งไม่ติดเก้าอี้
ไฮไลท์ฟุตบอล โปรตุเกส พบ สเปน
โปรตุเกสไล่เจ๊า ก่อนเฉือนชนะดวลจุดโทษสุดระทึก
เกมเริ่มต้นด้วยความดุดันของทั้งสองทีมที่ต่างต้องการแชมป์มาครอง โดยในนาทีที่ 21 สเปนได้ประตูขึ้นนำก่อน 1-0 จากความผิดพลาดเล็กน้อยของแนวรับโปรตุเกส เมื่อ รูเบน ดิอาส สกัดบอลไม่ขาด บอลเด้งเข้าทาง มาร์ติน ซูบิเมนดี้ กองกลางจาก เรอัล โซเซียดาด ยิงผ่านมือ ดีโอโก้ คอสต้า เข้าไปแบบเฉียบคม โดยมีการเช็ก VAR ยืนยันว่าไม่มีอะไรผิดกติกา
อย่างไรก็ตาม โปรตุเกสไม่ปล่อยให้สเปนฉลองนาน เมื่อในนาทีที่ 26 พวกเขากลับมาไล่ตีเสมอ 1-1 จากจังหวะที่ เปโดร เนโต้ เปิดบอลจากฝั่งซ้ายให้ นูโน่ เมนเดส สอดเข้ามายิงเรียดที่เสาไกลแบบสุดคม อูไน ซีม่อน ได้แต่ยืนมองบอลพุ่งเข้าไปตุงตาข่าย
ก่อนหมดครึ่งแรกในนาทีที่ 45 สเปนกลับมาแซงอีกครั้งเป็น 2-1 จากจังหวะที่ เปดรี้ ไขว้จ่ายบอลทะลุช่องให้กับ มิเกล โอยาร์ซาบาล หลุดไปยิงผ่านมือ คอสต้า แบบเยือกเย็น ทำให้จบ 45 นาทีแรกด้วยการนำของกระทิงดุ
เข้าสู่ครึ่งหลัง โปรตุเกสไม่ยอมแพ้ง่าย ๆ และความพยายามก็ตอบแทนในนาทีที่ 61 เมื่อ นูโน่ เมนเดส ลุยทางกราบซ้ายก่อนเปิดบอลไปแฉลบกองหลังสเปน บอลลอยโด่งมาถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่แหย่เท้าจิ้มด้วยขวาเข้าประตูอย่างสุดเฉียบคม ทำให้สกอร์กลับมาเท่ากัน 2-2 และนั่นคือประตูที่ 138 ในนามทีมชาติ และเป็นประตูที่ 938 ในอาชีพของเขา
เกมดำเนินไปถึงช่วงท้ายมีจังหวะลุ้นอีกหลายครั้ง ทั้งจากลูกฟรีคิกของ บรูโน่ แฟร์นันด์ส ที่เกือบเบียดเสาเข้าประตู และการปะทะกันในเขตโทษที่ทำให้นักเตะทั้งสองทีมต้องเข้าหากัน แต่ VAR ตัดสินไม่ให้จุดโทษและไม่แจกใบแดง
เมื่อครบ 120 นาที เกมยังเสมอกัน 2-2 ทำให้ต้องตัดสินด้วยการดวลจุดโทษ ซึ่งโปรตุเกสยิงได้แม่นยำกว่าทุกคน โดยเฉพาะ ดีโอโก้ คอสต้า ที่เซฟลูกยิงของ อัลบาโร่ โมราต้า ได้ ส่งผลให้ทีมฝอยทองเอาชนะไปด้วยสกอร์รวม 7-5
ล่าเงิน ล่า uCoin! สะสมบิลรับรางวัลจัดเต็ม สูงสุด 10,000 .- สมัครเลย!!
11 ผู้เล่นตัวจริงที่ลงสนามของทั้งสองทีม
โปรตุเกส (ระบบ 3-4-1-1)
-
ผู้รักษาประตู: ดีโอโก้ คอสต้า
-
แนวรับ: รูเบน ดิอาส, กอนซาโล่ อีนาซิโอ, นูโน่ เมนเดส
-
แดนกลาง: ชูเอา เนเวส, ฟรานเชสโก้ คอนเซเซา, วิตินญ่า, แบร์นาร์โด้ ซิลวา
-
ตัวรุกกึ่งกลาง: เปโดร เนโต้, บรูโน่ แฟร์นันด์ส
-
กองหน้าตัวเป้า: คริสเตียโน่ โรนัลโด้ (กัปตันทีม)
สเปน (ระบบ 4-3-3)
-
ผู้รักษาประตู: อูไน ซีม่อน
-
กองหลัง: ออสการ์ มินกวยซ่า, โรบิน เลอ นอร์กม็องด์, ดีน เฮาเซ่น, มาร์ก กูกูเรย่า
-
กองกลาง: เปดรี้, มาร์ติน ซูบิเมนดี้, ฟาเบียน รูอีซ
-
ตัวรุกริมเส้นและหน้าเป้า: ลามีน ยามาล, มิเกล โอยาร์ซาบาล, นิโก้ วิลเลียมส์
บทสรุปจากเกม: โปรตุเกส สร้างประวัติศาสตร์ คว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก สมัยที่ 2
ชัยชนะครั้งนี้ของโปรตุเกส ไม่เพียงแค่การเอาชนะคู่ปรับร่วมทวีปอย่างสเปนเท่านั้น แต่ยังถือเป็นการตอกย้ำความแข็งแกร่งและความมุ่งมั่นของทีมภายใต้การคุมทัพของ โรแบร์โต้ มาร์ติเนซ ที่ผสมผสานนักเตะรุ่นใหม่และนักเตะประสบการณ์สูงได้อย่างลงตัว
เกมนี้เป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์ของคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ที่แม้อายุจะเข้าเลขสี่ แต่ยังคงเป็นแรงบันดาลใจให้กับเพื่อนร่วมทีม ทั้งผลงานการยิงประตูและการเล่นอย่างทุ่มเทเต็มร้อยจนถึงนาทีสุดท้าย ก่อนจะถูกเปลี่ยนตัวในช่วงท้ายเกม
ในด้านของทีมชาติสเปน พวกเขาเล่นได้ดี มีโอกาสหลายครั้งและครองเกมในบางจังหวะ แต่สุดท้ายความเฉียบคมในการดวลจุดโทษยังเป็นรอง ส่งผลให้ต้องพลาดแชมป์ในปีนี้ไปอย่างน่าเสียดาย
โปรตุเกสจึงกลายเป็น ชาติแรกที่คว้าแชมป์ยูฟ่า เนชั่นส์ ลีก ได้สองสมัย หลังจากเคยทำได้ครั้งแรกในปี 2019 และครั้งนี้ย้ำชัดว่า “ยุคทองของทีมฝอยทอง” ยังไม่จบลงง่าย ๆ